ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 121

สรุปบท บทที่ 121-2 สัตว์วิญญาณ: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

อ่านสรุป บทที่ 121-2 สัตว์วิญญาณ จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet

บทที่ บทที่ 121-2 สัตว์วิญญาณ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 121-2 สัตว์วิญญาณ
“เจ้าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง จะยินยอมอุทิศตนเพื่อรับใช้ข้าหรือ” องค์หญิงใหญ่เห็นสีหน้าซาบซึ้งใจเล็กน้อยของสวี่ชีอัน เมื่อรู้ว่าเขากำลังอึ้ง ก็หัวเราะเบาๆ แล้วขว้างกิ่งมะกอกออกไป

นี่แหละคือสิ่งที่สวี่ชีอันต้องการ แม้ใจปรารถนา ก็มิบังอาจเอื้อนเอ่ย ในเมื่อองค์หญิงใหญ่เสนอเช่นนี้ สวี่ชีอันจึงตอบสนองทันที

“กระหม่อมยินดีสละชีพเพื่อองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

สวี่ชีอันคุ้นเคยกับวิธีเช่นนี้เป็นอย่างดี ตอนทำงานที่กรมตำรวจเมื่อชาติกก่อนก็สวามิภักดิ์ต่อหัวหน้าเช่นนี้

แน่นอนว่านี่เป็นแค่พันธมิตรในการทำงาน เอื้อเฟื้อประโยชน์ซึ่งกัน หาได้เป็นสุนัขรับใช้ที่ก้มหัวต่ออำนาจของราชวงศ์ไม่ …เขากล่าวเสริมในใจ

เชื่อว่าด้วยระดับสติปัญญาและอารมณ์องค์หญิงใหญ่ การรักษาความสัมพันธ์ให้ดีคงไม่ใช่เรื่องยาก

องค์หญิงใหญ่หัวเราะอย่างสดใสเสียจนแสงจากทะเลสาบมัวหมอง

“บอกมาเถอะ พบสิ่งใดบ้างแล้ว” น้ำเสียงและอากัปกิริยาขององค์หญิงสัตตบงกชเปลี่ยนแปลงไปมาก ช่องว่างอันเบาบางนั้นได้สลายไปแล้ว

สวี่ชีอันครุ่นคิดสักพัก วางแผนว่าบอกไปตามความจริง เหตุผลคือเขาเพิ่งจะสร้าง ‘พันธมิตร’ กับองค์หญิงใหญ่ ต้องแสดงคุณค่าของตนเองให้เป็นที่ประจักษ์

ต้องทำให้องค์หญิงใหญ่คิดว่าเจ้าหนุ่มนี่เก่งกาจและใช้ได้ทีเดียว

นอกจากนี้เขาอยากรู้ให้แน่ชัดถึงสิ่งที่ถูกผนึกใต้ซังผอ จะขาดความช่วยเหลือจากองค์หญิงใหญ่ไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นองค์หญิงใหญ่เปิดประเด็นสนทนานี้ขึ้นมาก่อน แถมนางยังเผยความลับที่มีเพียงจักรพรรดิหยวนจิ่งเท่านั้นล่วงรู้ให้กับเขาโดยไม่หวั่นเกรง

“จากการสืบสวนของกระหม่อม ยังมีผู้บงการโจวชื่อสวงที่คอยควบคุมเรื่องทั้งหมดอยู่เบื้องหลัง และยังสมคบคิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจด้วยพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันกล่าว

แววตาขององค์หญิงใหญ่เปลี่ยนไป “จะแน่ใจได้อย่างไร”

สวี่ชีอันเอ่ย “นายอำเภอจ้าวจากอำเภอไท่กังเสียชีวิตในคุกใต้ดินของที่ว่าการเมืองเมื่อเช้านี้ กระหม่อมสงสัยว่าเขาจะถูกฆ่าปิดปาก”

องค์หญิงใหญ่หลุบสายตาลง ทรงครุ่นคิดพลางพยักหน้า

สวี่ชีอันเอ่ยต่อ “กระหม่อมสงสัยมาโดยตลอดว่าเหตุใดเผ่าพันธุ์ปีศาจต้องระเบิดซังผอ เหตุใดผู้บงการเบื้องหลังจึงต้องสมคบคิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ กระหม่อมให้คนไปตรวจสอบหนังสือราชการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับซังผอ พบเรื่องหนึ่งที่แปลกประหลาดยิ่งนัก เวลาที่เกิดเรื่องคือเมื่อ 500 ปีก่อน!”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เขาก็หยุดไปชั่วขณะ เว้นช่วงให้องค์หญิงใหญ่ตื่นตระหนก

แต่เขาก็ต้องผิดหวัง องค์หญิงเพียงขมวดคิ้วก่อนจะรับทราบข้อมูล

ฉือจิ้วกล่าวไว้ไม่ผิด…สตรีผู้นี้มีหุบเหวอยู่ในใจ ล้ำลึกสุดจะหยั่งถึง

“500 ปีก่อน องค์รัชทายาทในขณะนั้นไม่ระวังพลัดตกน้ำก่อนจะเป็นโรคหวาดผวา ไม่ช้าก็จมน้ำเสียชีวิตที่ซังผอ” สวี่ชีอันกล่าว

องค์หญิงใหญ่เผยสีหน้าฉงน “ข้าจำเรื่องราวในช่วงนี้ได้”

สวี่ชีอันพยักหน้าและกล่าวต่อ “เมื่อ 500 ปีก่อน จักรพรรดิอู่ตี้ฟื้นคืนกบิลเมืองกวาดล้างคนเลว มีอุปสรรคเพียงผู้เดียวที่เขามิอาจหลีกเลี่ยงได้ ท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่ง!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ องค์หญิงใหญ่ก็หน้าเปลี่ยนสีไปโดยสิ้นเชิง

สวี่ชีอันจ้องมองใบหน้าสวยไร้ตำหนิขององค์หญิงใหญ่ แล้วเอ่ยถามตามลำดับ “เหตุใดท่านโหราจารย์จึงแสร้งป่วย เหตุใดฝ่าบาทจึงเก็บงำสิ่งที่ถูกผนึกใต้ซังผอไว้เป็นความลับ เหตุใดสิ่งที่ถูกกำราบอยู่ข้างใต้มานานกว่า 500 ปีจึงยังไม่สิ้นอายุขัย เหตุใดโหรจากสำนักโหราจารย์จึงไม่ทราบอดีตของท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่งเลย”

นี่เป็นความบิดเบี้ยวของความเป็นมนุษย์หรือการสูญสิ้นของศีลธรรมกันแน่…สวี่ชีอันกล่าวเสริม “แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการสันนิษฐานของกระหม่อมเท่านั้น ทว่าหากจะหาผู้แข็งแกร่งที่ตรงตามเงื่อนไขเมื่อ 500 ปีก่อน เห็นจะมีแต่ท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่งเท่านั้น”

องค์หญิงใหญ่ตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า ไม่ปริปากอยู่นาน สายลมพัดผ่านทะเลสาบจนระลอกคลื่นซ้อนทับเป็นจีบ นางทอดถอนใจ “ดังนั้นเจ้าจึงมาพบข้าสินะ…”

“กระหม่อมอยากตรวจสอบสำนวนคดีที่หาไม่พบจากภายนอกพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันเอ่ย “กระหม่อมค้นพบค่ายกลที่ปิดผนึกอยู่ในซังผอ บนเสาหินค่ายกลสลักด้วยอักษรของศาสนาพุทธ”

“ตัวอักษรศาสนาพุทธหรือ” มือที่องค์หญิงใหญ่สอดเข้าไปในแขนเสื้อ ผละออกจากกันชั่วขณะโดยไม่รู้ตัว นางจดจ้องสวี่ชีอันอยู่สักพักก็ละสายตา แล้วตรัสด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ได้ งานเลี้ยงสิ้นสุดแล้ว ข้าจะพาไปหอสมุดหลวง”

สวี่ชีอันโล่งใจ หลังจากกล่าวขอบคุณก็พลันได้ยินเสียงหัวเราะประหนึ่งระฆังเงินและเสียงของน้ำกระเซ็นแตกซ่านดังขึ้น

เมื่อหันหน้าไปมอง องค์หญิงรองในชุดกระโปรงแดงดุจเพลิงยืนอยู่บนหลังของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง สองมือจับเขาแหลมบนยอดศีรษะของสัตว์ประหลาด โยกไหวกายเพื่อทรงตัวให้มั่น ภาพเบื้องหลังงดงามอรชร

รอยเปื้อนโคลนกระเซ็นอยู่บนชุดกระโปรงขาวบริสุทธิ์ขององค์หญิงใหญ่อยู่หลายจุด

องค์หญิงใหญ่ประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนวันนี้สัตว์วิญญาณจะใกล้ชิดนางเป็นพิเศษ สาเหตุที่นางผิวปากมิใช่เพื่อเรียกหาสัตว์วิญญาณ ทว่าเพื่อดึงดูดความสนใจของมัน แค่มันหันหน้ามาก็ทำให้หลินอันทรงตัวไม่อยู่พลัดตกน้ำได้แล้ว

ใครจะคิดว่ามังกรวิญญาณจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ ถึงขั้นส่ายหัวเหวี่ยงหลินอันตกลงไปเสียเอง

ท่าทางขององค์หญิงใหญ่ดูคล้ายปัญญาชนของสำนักอวิ๋นลู่อย่างไรชอบกล…ช่างหน้าเนื้อใจเสือยิ่งนัก…เจ้าน้องชายบ้านข้าก็หน้าใสใจเหี้ยมเช่นนี้เหมือนกัน…อ้อ องค์หญิงใหญ่เคยเล่าเรียนที่สำนักอวิ๋นลู่มาก่อนนี่หว่า…สวี่ต้าหลางตระหนักในคำเตือนของสวี่เอ้อร์หลางลึกซึ้งยิ่งขึ้น

มีเพียงคนหน้าเนื้อใจเสือเท่านั้นที่จะเข้าใจคนหน้าเนื้อใจเสือดีที่สุด

เหตุการณ์บนผิวน้ำทำเอาบรรดาองค์ชายสะดุ้งกันเป็นแถว องค์รัชทายาทรีบนำหน้าไปยังริมฝั่งและเรียกทหารรักษาพระองค์ให้มาช่วย

“มังกรวิญญาณชอบฮว๋ายชิ่งมากกว่าจริงๆ ด้วย”

“นี่หมายถึงรสชาติปราณม่วงของฮว๋ายชิ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าหลินอันใช่หรือไม่”

“เหมือนจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว…มังกรวิญญาณไม่กระตือรือร้นกับพวกเรามากนัก เจ้าดูท่าทางประจบสอพลอของมันสิ ข้าเคยเห็นเพียงครั้งเดียวเมื่อครั้งเยาว์วัย ยามนั้นผู้ที่เผชิญหน้ากับมันคือพระบิดา”

“ฮว๋ายชิ่งเดินไปแล้ว…”

องค์หญิงใหญ่ยกกระโปรงและเดินไปทางมังกรวิญญาณด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มบางๆ ที่คิดจะขี่มัน

ทางด้านของบรรดาพระราชโอรสและพระราชธิดา รวมไปถึงองค์รัชทายาทต่างจับจ้องฉากนี้

………………………………………

[1] เป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิ ตามตำนานกษัตริย์จีนยุคแรกเริ่ม ได้แก่จักรพรรดิแห่งสวรรค์ จักรพรรดิแห่งพิภพ จักรพรรดิแห่งมนุษย์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง