ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 128

บทที่ 128 หาประโยชน์ไปทั่ว
สวี่ชีอันเบื่อมาก

ตอนที่ได้ป้ายหยกขององค์หญิงรองก็เคยคิดว่าสักวันหนึ่งอาจต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ แค่คิดไม่ถึงเลยว่ากรรมจะตามสนองได้เร็วขนาดนี้

สถานการณ์ตอนนี้ถ้าหากเกิดขึ้นในชาติก่อน มากสุดก็แค่ ‘หนุ่มน้อยทำข้อสอบตัวเลือก’

ต้องจุกตายแลกกับโดนสองฝ่ามือ

พออยู่ในยุคโบราณนี้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจต้องแลกกับแผลเป็นขนาดใหญ่เท่าปากชามก็ได้

“กระหม่อมมาปรึกษาปัญหากับองค์หญิงใหญ่เกี่ยวกับคดีซังผอพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันหันกายกอบหมัดคารวะให้กับยายตัวร้ายเป็นการบอกว่าเขามีงานราชการ

แต่เขาประเมินสติปัญญาขององค์หญิงรองสูงไป หรืออาจจะประเมินความดื้อรั้นและป่าเถื่อนของนางต่ำไป นางเท้าเอวแค่นเสียงเย็นว่า “เจ้าไม่มาปรึกษาข้าล่ะ”

องค์หญิงฮว๋ายชิ่งฟังแล้วก็ยิ้มเย็นทันที “ข้อดีที่สุดของหลินอันคือมั่นอกมั่นใจ”

คำประชดที่คนโง่ก็ฟังออก

องค์หญิงใหญ่มารับพลังโกรธแทนข้าแล้ว…สวี่ชีอันโล่งอก ‘พวกเจ้าทะเลาะกันไปเถอะ ให้ข้าเป็นอากาศธาตุก็พอแล้ว’

องค์หญิงรองขัดแย้งกับพี่สาว ทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนมาถึงการทะเลาะกันทั้งต่อหน้าและลับหลังในปัจจุบันนี้ แต่ละอย่างล้วนรับมือไม่ได้เลย

“ฮว๋ายชิ่ง สวี่ชีอันเป็นคนของข้า เขารับหยกห้อยเอวของข้าไปแล้ว รับปากว่าจะรับใช้ข้าแล้ว” องค์หญิงรองบีบเอว พูดถึงตรงนี้ก็หัวเราะเย็นชาออกมา

“นกที่ดีย่อมเลือกไม้ทำรัง ใครให้คนบางคนขี้เหนียวล่ะ อยากให้ม้าวิ่ง แต่ไม่ให้หญ้าม้า ข้านี่ใจกว้างมากแล้วนะ”

เมื่อเห็นองค์หญิงใหญ่ไม่พูดจา นางก็เดินมาอยู่ข้างตัวสวี่ชีอัน ดวงเนตรงามมองจิกสวี่ชีอัน จากนั้นจึงประกาศอำนาจ “เจ้าอยากจะใช้คนของข้า ก็ได้ แต่ต้องตกลงกับข้าก่อน วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากให้เจ้าเรียกใช้คนของข้า”

องค์หญิงฮว๋ายชิ่งจิบชา ยิ้มหวานไม่พูดจา ท่าทางมั่นอกมั่นใจ

องค์หญิงรองเกลียดท่าทางเช่นนี้ของนางที่สุด นัยน์ตาสีดำตัดขาวชัดเจนจ้องนางเขม็ง จากนั้นจึงเอ่ยกับสวี่ชีอัน “ยังไม่ตามข้าไปอีก”

สวี่ชีอันไม่ขยับ ไม่มองทั้งองค์หญิงรองและองค์หญิงใหญ่ “ทั้งสองพระองค์ กระหม่อมเป็นหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล จงรักภักดีต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

“หุบปาก” องค์หญิงทั้งสองพระองค์โพล่งขึ้นพร้อมกัน

“…”

สวี่ชีอันเข้าใจแล้ว ความขัดแย้งขององค์หญิงทั้งสองพระองค์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เอง มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ฝ่ายเดียว องค์หญิงรองตัวร้ายชอบท้าทาย องค์หญิงใหญ่ผู้แข็งกร้าวเผด็จการก็ยินดีเดินหน้าชนทุกการท้าทาย

เขาเป็นแค่คนขี้ประจบฐานะต่ำต้อยที่ถูกเสียบไว้ตรงกลางเท่านั้นเอง

นี่มันเทียบได้กับคุณหนูลูกเศรษฐีสองคนแย่งของเล่น จากนั้นก็ให้ของเล่นเลือกเองว่าจะอยู่กับใคร

เขาเผชิญหน้ากับสายตาขององค์หญิงทั้งสองพระองค์ สวี่ชีอันพ่นลมหายใจออกมาแล้วหันไปมองหลินอัน “ขออภัยองค์หญิงรอง กระหม่อมยังมีงานราชการที่ต้องปรึกษากับองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”

พูดจาไพเราะยิ่ง แต่ที่จริงแล้วเป็นการบ่งบอกท่าทีว่าเขาเลือกองค์หญิงใหญ่

ทันใดนั้นองค์หญิงหลินอันก็กัดริมฝีปาก ประกายแสงน้ำในดวงพระเนตรรูปดอกท้อส่องประกาย มองจ้องสวี่ชีอันล้ำลึก ก่อนหันหน้าเดินจากไป

นางแพ้อีกแล้ว ทั้งยังเสียหน้าต่อหน้าฮว๋ายชิ่งอีกแล้ว อีกฝ่ายนั่งนิ่งอย่างมั่นใจ ปล่อยให้ฆ้องทองแดงตัวเล็กๆ คนหนึ่งฉีกหน้านาง

องค์หญิงหลินอันผู้หยิ่งยโสไม่เคยไม่ได้รับความเป็นธรรมขนาดนี้มาก่อน และไม่เคยพ่ายแพ้ขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน

นางจากไปเงียบๆ

สวี่ชีอันเมินเฉยต่อการจากไปขององค์หญิงรอง เขาพูดคุยกับองค์หญิงใหญ่ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งอยู่สองสามประโยค แล้วจู่ๆ ก็ลูบหน้าอก เหมือนคิดอะไรได้ ก่อนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

“โอ๊ะ ป้ายหยกยังไม่ได้คืนให้องค์หญิงรองเลย เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

องค์หญิงใหญ่ส่งเสียง “อืม” ด้วยอารมณ์ที่ไม่แย่นัก น้ำเสียงนางไพเราะเสนาะหู

สวี่ชีอันออกจากตำหนักหรูหราอย่างเอื่อยเฉื่อย คว้าตัวทหารรักษาพระองค์ที่ประตูเอ่ยว่า “องค์หญิงรองเสด็จไปไหนแล้ว”

ทหารรักษาพระองค์ชี้ไปทางหนึ่งให้เขา

สวี่ชีอันเหมือนกับสุนัขเร่ร่อนหลุดจากสายจูง เขาก้าวเร็วๆ ตามไป ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็มองเห็นเงาร่างสีแดงเพลิงขององค์หญิงรองนำนางกำนัลสองคนก้าวเร็วๆ ไหล่หอมกรุ่นสั่นไหวแผ่วเบา

“องค์หญิงรองโปรดรอก่อนพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันตามไปพลางตะโกนเสียงดัง

องค์หญิงหลินอันได้ยินแล้วก็ไม่สนใจ กลับเดินเร็วกว่าเดิม เอวเล็กบิดไปมา ชายกระโปรงปลิวไสว

สวี่ชีอันก้าวเร็วๆ ตามไปทันแล้วขวางอยู่หน้าองค์หญิงหลินอัน ยังไม่ทันได้พูดก็ชะงักไปก่อน “พระองค์ร้องไห้เหรอพ่ะย่ะค่ะ”

ระดับความต้านทานของจิตใจต่ำเกินไปล่ะสิ…

องค์หญิงหลินอันหันหน้าไปทางอื่นทันที ให้เขาเห็นแค่ใบหน้าครึ่งซีกอันงดงาม ก่อนเอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้าตามข้ามาทำอะไร จะวางแผนชั่วหรือยังไง”

ขอบตาของนางแดงก่ำ ใบหน้าขาวราวหิมะยังคงเหลือคราบน้ำตาอยู่บ้าง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเพิ่งร้องไห้เพราะความน้อยใจมา

แต่กลับขับให้นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

สวี่ชีอันเห็นองค์หญิงหลินอันไม่เดินจากไปและไม่ตะโกนเรียกคน ทันใดนั้นเขาก็ดีใจขึ้นมา รู้สึกว่ายังกู้คืนได้ จึงพูดอย่างจริงจังว่า

“ความซื่อสัตย์ที่กระหม่อมมีต่อพระองค์นั้นไม่ได้ตีสองหน้าแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

องค์หญิงหลินอันพลันเงยหน้าขึ้นมายิ้มเย็น “สวี่ชีอัน เจ้าเห็นข้าเป็นคนปั่นหัวง่ายนักเหรอ”

สุนัขซื่อสัตย์ของฮว๋ายชิ่งผู้นี้เป็นพวกตีสองหน้า คาดไม่ถึงว่าอยากจะเหยียบเรือสองแคมอีก น่ารังเกียจยิ่งนัก

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแต่งกลอนได้ดีทั้งยังเป็นที่ถูกใจฮว๋ายชิ่งล่ะก็ ตนก็ไม่อยากจะสนใจผู้ชายน่าขยะแขยงเช่นนี้หรอก

ความประทับใจต่อสวี่ชีอันขององค์หญิงหลินอันลดลงจนถึงขีดต่ำสุด

“บางทีในสายตาขององค์หญิงรอง กระหม่อมคือคนไร้ยางอายที่หาประโยชน์ไปทั่ว” สวี่ชีอันถอนหายใจกล่าว

“กระหม่อมไม่อาจโต้แย้ง ป้ายหยกชิ้นนี้ขอองค์หญิงทรงรับคืนไปเถิด ป้ายหยกที่ดีเช่นนี้ ไม่ควรต้องถูกฝังไปพร้อมกับศพกระหม่อม”

องค์หญิงรองเกลียดน้ำหน้าสวี่ชีอันนัก กำลังจะเก็บป้ายหยกกลับก็ได้ยินประโยคสุดท้ายพอดี นางผงะไป “เจ้าพูดอะไร”

สวี่ชีอันไม่ตอบ ก้มหน้าลูบคลำป้ายหยกในมือกล่าวว่า “องค์หญิงรองเป็นคนใจกว้าง ไม่เคยมีบุคคลตำแหน่งใหญ่โตคนใดยินดีมอบป้ายหยกส่วนตัวให้แก่กระหม่อมเลย กระหม่อมซาบซึ้งใจยิ่งนัก องค์หญิงรองปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความจริงใจ แต่กระหม่อมเป็นคนไม่รู้จักชั่วดีเองพ่ะย่ะค่ะ”

เขาถอนหายใจอย่างเศร้าซึม ส่งมอบป้ายหยกไปอีกครั้ง “อาจเป็นเพราะกระหม่อมกับองค์หญิงรองไม่มีวาสนาต่อกัน โปรดรับคืนไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

องค์หญิงรองหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ยังไม่ให้อภัยเขา ถึงอย่างนั้นในฐานะที่เป็นองค์หญิงที่จักรพรรดิหยวนจิ่งทรงโปรดปรานมากที่สุด นางจึงได้ยินคำประจบสอพลอมามากมาย

เพียงแต่แววตาของชายผู้นี้จริงใจยิ่ง น้ำเสียงก็ซื่อตรงมาก องค์หญิงรองยอมฟังคำอธิบายของเขาแล้วกล่าวว่า

“ฝังศพที่เจ้าพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง”

สวี่ชีอันหัวเราะขมขื่น “เดิมทีกระหม่อมคิดว่าองค์หญิงรองน่าจะเคยสืบเรื่องของกระหม่อม…”

เรื่องนี้ยังไม่ได้ทำเลยจริงๆ…องค์หญิงหลินอันไม่สบายใจ ไม่ช้าก็นึกถึงอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยอย่างประหลาดใจ “โทษตัดเอวเหรอ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง