จักรพรรดิหยวนจิ่งทรงตัวมั่นอยู่กลางอากาศ ปลายเท้าแตะเบาๆ ที่ผิวน้ำ ก่อนจะลอยไปริมฝั่งประดุจขนนก
แม้ว่าเขาจะให้กำเนิดทายาทเร็วเพราะเป็นราชวงศ์และเลิกฝึกวรยุทธ์แล้ว แต่การฝึกเต๋ากับราชครูในช่วงหลายปีมานี้ก็ให้ความสำเร็จมากมายในสายลัทธิเต๋า ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เปลี่ยนจากผมขาวมาเป็นผมดำหรอก
จักรพรรดิหยวนจิ่งทั้งโมโหทั้งแปลกใจ คิดไม่ถึงว่ามังกรวิญญาณจะปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้
“โฮก!”
หลังจากสะบัดจักรพรรดิหยวนจิ่งตกไปแล้ว ความเกรี้ยวกราดของมังกรวิญญาณก็ไม่ลดลงเลย มันใช้หัวกระแทกทหารระดับสูงคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาจนกระเด็น พลังปราณระเบิดกลางอากาศ ทำให้น้ำทั้งทะเลสาบซัดโหมขึ้นมา
เหล่าทหารรักษาพระองค์พากันลงมือสยบมังกรวิญญาณที่พยศขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
“อย่าทำร้ายมัน” จักรพรรดิหยวนจิ่งตะโกนบอก
ตูม ตูม ตูม…แท่งน้ำสิบกว่าแท่งพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำแล้วโจมตีเอาชีวิตเหล่าทหารรักษาพระองค์ที่ป้องกันอยู่ทั้งกลางอากาศและบนทะเลสาบอย่างแม่นยำ พวกเขาที่ก้าวสู่ขั้นกระดูกเหล็กผิวทองแดงนานแล้วจึงมีเกราะคุ้มกันต่ออาการบาดเจ็บ เพียงแต่การถูกแท่งน้ำพุ่งเข้าใส่ทำให้ร่างกายสะบักสะบอม ไม่อาจเข้าล้อมมังกรวิญญาณได้เลย
มังกรวิญญาณเชี่ยวชาญทางน้ำ จึงดุร้ายยามอยู่ในทะเลสาบอย่างยิ่ง
เพียงแต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้จะชูคอสูงแล้วร้องคำราม ก่อนพุ่งออกมาจากทะเลสาบไปที่ฝั่ง
เกิดอะไรขึ้น มังกรวิญญาณคล้ายถูกบางอย่างกระตุ้น…จักรพรรดิหยวนจิ่งรับรู้ถึงความผิดปกติ เขาเอ่ยเสียงนิ่งขรึม “หยุดมันไว้”
ครืดคราด…
ลำตัวใหญ่โตของมังกรวิญญาณพุ่งขึ้นฝั่ง กระแทกทำลายต้นสนหิมะและต้นสนมังกรมากมาย ก่อนควบทะยานดุเดือดราวกับบ้าคลั่ง กรงเล็บแหลมคมข่วนทำลายพื้นกระเบื้องหินสีเขียวจนแตกละเอียดอย่างง่ายดาย
มันจะไปไหน
“เสด็จพ่อ…”
“ฝ่าบาท”
องค์รัชทายาทและเว่ยเยวียนพุ่งเข้ามา
จักรพรรดิหยวนจิ่งโบกมือ แสดงออกว่าตนไม่เป็นอะไร
“เสด็จพ่อ มังกรวิญญาณเป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทตื่นตระหนก ตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่เคยเห็นมังกรวิญญาณสูญเสียการควบคุมเช่นนี้มาก่อน
เดิมทีมันเชื่องและอ่อนโยน ปฏิบัติต่อพี่น้องในราชวงศ์ของตนหลายคนอย่างสุภาพใจดียิ่ง ไม่เคยแสดงท่าทีรุนแรงออกมาเลย
“มันกำลังวิ่งหนี” จักรพรรดิหยวนจิ่งสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
มังกรวิญญาณกำลังวิ่งหนีเหรอ ทำไมเสด็จพ่อถึงใช้คำว่า ‘วิ่งหนี’ มาอธิบาย มันกำลังกลัวอะไร กำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างใช่หรือไม่
แต่ว่าจะมีที่ไหนปลอดภัยยิ่งกว่าวังหลวงอีกล่ะ
องค์รัชทายาทสับสนไม่เข้าใจกับเรื่องนี้ จักรพรรดิหยวนจิ่งก็ไม่ให้โอกาสเขาซักถาม พระองค์สั่งทหารรักษาพระองค์ให้เตรียมม้า ก่อนจะพุ่งตามไปทางที่มังกรวิญญาณวิ่งหนี
มังกรวิญญาณเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์สายตรง เป็นสัตว์วิญญาณที่กินปราณม่วงเพื่อฝึกตน ไม่มีทางเสียสติได้โดยง่าย
จักรพรรดิหยวนจิ่งไล่ตามรอยอุ้งเท้าไป เหล่าทหารรักษาพระองค์ก็กลัวว่าจะพลาดอะไร จึงตามติดไปทั้งสองด้าน
ไม่นาน จักรพรรดิหยวนจิ่งก็มองเห็นมังกรวิญญาณอยู่บนป้อมยิงธนู กรงเล็บแหลมคมแข็งแรงของมันเกาะติดกับตัวป้อม ฝังลึกลงไปในผนังหิน
กล้ามเนื้อที่ลำคอของมันขยายใหญ่ ส่งเสียงกรีดร้องคำรามสั่นสะเทือนออกมา พยายามขู่ให้ยอดฝีมือประจำวังที่ขวางทางมันอยู่ถอยไป พลางสะบัดหางโจมตี
ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในสภาวะหยุดชะงัก เกล็ดของมังกรวิญญาณแข็งแกร่ง มีดดาบทำอันตรายได้ยาก พอบ้าคลั่งขึ้นมาพลังก็ยากจะดูถูกได้ เหล่าทหารรักษาพระองค์ก็กังวลว่าจะไปทำร้ายมันเข้า จะใช้มือเปล่าก็ยากจะปราบมันได้ ทำได้เพียงสู้ไปพลางรอให้เพื่อนร่วมงานนำอาวุธเวทมนตร์ที่สามารถพันธนาการมังกรวิญญาณได้มา
ปังๆๆ…ป้อมยิงธนูร้าวอย่างต่อเนื่องจากการสะบัดตีของหางมังกร ในที่สุดก็พังทลายลง
ทหารรักษาพระองค์สิบกว่านายรีบรุดไปข้างหน้า
เมื่อเห็นภาพนี้ จักรพรรดิหยวนจิ่งที่เพิ่งจะโล่งอกก็คิดจะส่งเสียงเรียกดึงสติว่าห้ามทำร้ายสัตว์วิญญาณของราชวงศ์
ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปาก ก็เป็นมังกรวิญญาณที่ดิ้นรนต่อต้าน มันสะบัดทหารรักษาพระองค์บนตัวทิ้ง แล้วพุ่งไปยังทิศทางหนึ่งอย่างมีเป้าหมายชัดเจน
เมื่อมองตามไปยังทิศทางนั้น นัยน์ตาของจักรพรรดิหยวนจิ่งก็หดเกร็งอย่างรุนแรง
เขามองเห็นองค์หญิงผู้สวมชุดสีแดงสดใสน่ารักของตน องค์หญิงหลินอันที่เขาโปรดปรานที่สุด
และข้างกายของหลินอันในตอนนี้ก็มีเพียงนางกำนัลสองคนและฆ้องทองแดงสวมชุดเครื่องแบบหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลหนึ่งคนเท่านั้น
“คุ้มกันหลินอัน” จักรพรรดิหยวนจิ่งตะโกนลั่น
…
เจ้าบัดซบตัวนี้มีนิสัยเชื่องอะไรกัน
สวี่ชีอันคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับเรื่องแบบนี้ เขากับองค์หญิงรองเดินไปคุยไป อาศัยทักษะการสนทนาและทักษะตีสนิทกับทุกคนที่สะสมมาในชาติก่อน สวี่ชีอันจึงทำให้องค์หญิงรองขบขันด้วยรูปแบบน้ำเสียงตลกสนุกสนาน จนยกระดับมิตรภาพระหว่างทั้งคู่ขึ้นไปอีก
คิดว่าจะส่งนางไปยังทะเลสาบเล็กๆ ที่มังกรวิญญาณอยู่แล้วเล่นกับนางอีกครู่หนึ่ง จากนั้นตนค่อยกลับไปทำคดีต่อ
ผลคือวิ่งมาเจอกับเรื่องนี้เสียอย่างนั้น…
สวี่ชีอันกำลังจะพูดว่า ‘องค์หญิงที่นี่อันตราย กระหม่อมจะอารักขาพระองค์กลับไป’ แต่มังกรวิญญาณดันพุ่งเข้ามาอย่างกับรู้ใจ
สัตว์วิญญาณตัวนี้แข็งแกร่งมาก พลังไม่ต่ำกว่าจอมยุทธ์ขั้นหก สวี่ชีอันคิดหลบหนีโดยสัญชาตญาณ เขาหันหน้าเหลือบมององค์หญิงรอง พบว่านางตะลึงทึ่มทื่อไปแล้ว
ใบหน้าไข่ห่านกลมเกลี้ยงมีเสน่ห์กลับไร้สีเลือด ดวงตาแข็งค้าง ตกใจจนสูญเสียความสามารถในการคิดคำนวณ
สวี่ชีอันกวาดมองไปรอบๆ มองเห็นยอดฝีมือของพระราชวังมากมายพุ่งเข้ามา มองเห็นจักรพรรดิหยวนจิ่งที่ควบม้าทะยานมาหา และมองเห็นภายในดวงตาราวกับกระดุมดำของมังกรวิญญาณเปล่งประกายสดใสเสียดตา
ความรู้สึกนั้นช่างคล้ายกับเด็กน้อยหวาดกลัวได้พบหน้าพ่อแม่ จึงพุ่งเข้าสู่อ้อมอกของบิดาด้วยความดีใจจนแทบบ้า
หือ?
นี่คงไม่ใช่รับรู้ว่าข้ามาแล้ว ถึงได้จงใจพุ่งมาหาข้าหรอกนะ
ชั่วพริบตานั้น สวี่ชีอันก็อ่านแววตาของมังกรวิญญาณออก มันเป็นสัตว์วิญญาณที่มีสติสัมปชัญญะ
นอกจากความดีใจ ในแววตาของมังกรวิญญาณยังมีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ด้วย เวลาไม่พอให้เขาคิดอะไรมาก
พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย มังกรวิญญาณกำลังจะพุ่งมาถึงในชั่วพริบตาแล้ว
สวี่ชีอันตัดสินใจได้ทันที เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยไม่ลังเล ขวางไว้ตรงหน้าองค์หญิงหลินอัน มอบเพียงแผ่นหลังตั้งตระหง่านให้กับนาง
สวี่ชีอันกุมด้ามดาบเอาไว้ด้วยมือเดียว งอเข่าเล็กน้อย สงบสติอารมณ์ทั้งหมด หลังจากสะสมพลังในช่วงสั้นๆ นิ้วหัวแม่โป้งก็ดันเบาๆ
ชิ้ง…เมื่อเสียงหลุดจากฝังดังชัดเจน เส้นเล็กๆ สีทองหม่นก็ส่องวาบ ตรงหน้าหนึ่งจั้งถูกฟันจนเกิดรอยมีดลึกยาวสามจั้งกว้างสองนิ้วขึ้น
ภาพที่ทำให้คนตกตะลึงเกิดขึ้นแล้ว มังกรวิญญาณที่พยศบ้าคลั่งหยุดรั้งตัวเองเอาไว้ทันใด อุ้งเท้าทั้งสี่งอลง เล็บของมันครูดกับพื้นจนเป็นร่อง คาดไม่ถึงว่ามันจะหยุดลงหน้ารอยฟันดาบจริงๆ
มันกลับไม่กล้าก้าวข้ามไปแม้แต่ก้าวเดียวอย่างนั้นเหรอ
ภาพนี้ประทับอยู่ในใจขององค์หญิงหลินอันอย่างล้ำลึก และตกอยู่ในสายตาของจักรพรรดิหยวนจิ่ง เว่ยเยวียน และองค์รัชทายาทด้วย
“เอ๋ง…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง