รถม้าคันใหญ่หรูหราเคลื่อนเข้าสู่ที่ทำการ เว่ยเยวียนเหยียบบันไดเล็กลงมาจากรถม้า สวี่ชีอันก็รีบเอนเข้าไปใกล้แล้วเรียกเสียงเบา “เว่ยกง…”
เว่ยเยวียนผู้มีผมขาวแซมข้างเหลือบตามองเขา พูดขณะเดินไปด้วย “อวี้อ๋องเขียนจดหมายผนึกเลือด รายงานว่าผิงหย่วนป๋อ จี่ซื่อจงกรมการคลัง และเจ้ากรมทหารทั้งสามคนทำร้ายสมาชิกราชวงศ์”
สวี่ชีอันรู้เรื่องการกระทำของอวี้อ๋องมาจากองค์หญิงฮว๋ายชิ่งแล้ว เขาจึงพยักหน้า “ฝ่าบาทรงมอบให้สามสำนักพิจารณาคดีแล้วหรือขอรับ”
“ไม่!” เว่ยเยวียนส่ายหน้า “เพลิงโทสะของฝ่าบาทไม่น้อยไปกว่าอวี้อ๋อง พระองค์ไม่อาจรอนานขนาดนั้นได้ จึงทรงเขียนราชโองการทันที เรียกให้ท่านโหราจารย์เข้าวังไปเผชิญหน้ากับสามคนนั้น ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้นยังมีขุนนางในราชสำนักด้วย”
“ผลลัพธ์ล่ะขอรับ” สวี่ชีอันรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังอยากถาม
เว่ยเยวียนถอนหายใจ “ทำร้ายคนในราชวงศ์ โทษประหารสามชั่วโคตร ออกราชโองการอย่างช้าที่สุดก็เช้าวันพรุ่งนี้ พรรคเหลียงจบสิ้นแล้ว”
ประหารสามชั่วโคตร…สวี่ชีอันผงะเล็กน้อย
ประหารสามชั่วโคตรที่ว่าก็คือประหารตระกูลฝั่งบิดาสามชั่วโคตร ตระกูลฝั่งมารดาสามชั่วโคตร และตระกูลฝั่งภรรยาสามชั่วโคตร จัดเป็นโทษประหารชีวิตที่หนักที่สุดรองจากโทษประหารเก้าชั่วโคตรของโทษกบฏ
“เฮ้อ พรุ่งนี้เกรงว่าหัวคนที่ต้องถูกตัดคงจะมีมากมายนัก” สวี่ชีอันก็ถอนหายใจเช่นกัน ไม่รู้ควรตบมือดีใจหรือว่าควรจะเสียใจให้กับผู้บริสุทธิ์ที่ติดร่างแหไปด้วยดี
แม้ว่าผิงหย่วนป๋อถูกล้างตระกูลไปแล้ว แต่เมื่อเทียบกับโทษประหารสามชั่วโคตร อย่างน้อยก็ต้องมีคนตายหลายสิบหลายร้อยคน ญาติสามรุ่นของผิงหย่วนป๋อเหล่านั้น ไม่มีใครหนีรอด
อีกสองคนที่เหลือก็เช่นเดียวกัน
“พรรคเหลียงหรือขอรับ” สวี่ชีอันเอ่ยอย่างฉงน
เว่ยเยวียนพยักหน้า “พรรคเหลียงเป็นพวกที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการต่อสู้ยามที่อวี้อ๋องถอนตัวจากเวทีอำนาจ มีจางเฟิ่ง เจ้ากรมทหารและซุนจงหมิง จี่ซื่อจงกรมการคลังเป็นผู้นำ ส่วนผิงหย่วนป๋อเข้าร่วมพรรคเหลียงเมื่อปีก่อน”
“เว่ยกง เช่นนั้น เช่นนั้นเรื่องของข้า…” สวี่ชีอันเอ่ยเสียงเบา การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในราชสำนักห่างไกลจากตัวเขามากเกินไป สวี่ชีอันไม่ได้กังวลใจ
เขาเป็นห่วงแค่อนาคตและชีวิตต่ำต้อยของตนเท่านั้น
“ไม่ต้องรีบร้อน ฝ่าบาทยังทรงพิโรธอยู่ พูดถึงเรื่องนี้ในเวลาแบบนี้ไม่ใช่การดี” เว่ยเยวียนส่ายหัว
เพราะเหตุผลนี้เอง…สวี่ชีอันพยักหน้า เอ่ยลากับเว่ยเยวียน แล้วกลับบ้านภายใต้แสงสายัณห์ในยามโพล้เพล้
…
พลบค่ำ ในห้องห้องหนึ่ง
มือขาวผ่องข้างหนึ่งจับพู่กันเขียนจดหมายบนกระดาษ
เรียน นายท่านที่เคารพ:
คดีซังผอคลี่คลายลงแล้ว เจ้ากรมพิธีการเคยกล่าวไว้ว่าการร่วมมือกับพวกเราก็เหมือนเจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือ หึ มองขาดจริงๆ
หนึ่งปีก่อนข้าบังเอิญได้เห็นภาพท่านหญิงผิงหยางกับภิกษุเหิงฮุ่ย เหิงฮุ่ยตายแต่ศพไม่แข็ง จิตเดิมสะสมความเคียดแค้นเอาไว้ ข้าจึงหลอมเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดแล้วเลี้ยงไว้ข้างตัว
จากนั้นนำเรื่องนี้ไปรายงานแก่ท่าน ท่านกล่าวว่าโอกาสมาถึงแล้ว ในปีแห่งการตรวจสอบข้าราชสำนักก็คือจุดเริ่มต้นของแผนการอันยิ่งใหญ่ 500 ปีของพวกเรา
โปรดยกโทษให้ข้าที่เคยสบประมาท เดิมทีข้าก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก ท่านโหราจารย์แห่งสำนักโหราจารย์กับผู้นำเต๋าแห่งนิกายมนุษย์ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นแนวหน้าที่มีจำนวนแทบนับนิ้วได้ในใต้หล้า
แต่เรื่องนี้ ทั้งคู่กลับรู้ใจกันและเลือกที่จะเก็บงำคอยดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ…ขอชื่นชมท่านอีกครั้ง ความฉลาดเฉลียวของนายท่านเป็นหนึ่งไม่มีสองในใต้หล้าจริงๆ
ท่าทีของจักรพรรดิหยวนจิ่งต่อคดีนี้ไม่สู้ดีนัก มิเช่นนั้นคงไม่ออกคำสั่งให้ฆ้องทองแดงนายหนึ่งรับผิดชอบเป็นผู้ดำเนินการสืบสวน ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในการคาดเดาของท่านทั้งสิ้น
แต่ฆ้องทองแดงผู้นั้นก็ฝีมือฉกาจ จมูกไวนัก
ในกระบวนการสืบคดี เขาสืบทราบการมาถึงของท่านแล้ว เขามาสอดแนมหาปราณปีศาจที่หอนางโลมหลายครั้ง ขอบังอาจถาม ท่านจงใจทำเช่นนั้นหรือเจ้าคะ
นอกจากนี้ หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลคนอื่นก็แอบมาตรวจสอบอย่างลับๆ เช่นกัน
เพราะไม่มีทางเลือก ข้าจึงต้องผลักฮุยจีออกไปรับเคราะห์แทน ข้ารู้ว่านางเป็นคนในเผ่าของท่าน โปรดให้อภัยกับการกระทำโดยพลการของข้าด้วยเจ้าค่ะ
โปรดวางใจ ของได้ถูกส่งให้คนที่สมควรได้รับมันแล้ว
ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง เบาะแสทั้งหมดของคดีเงินภาษีถูกตัดขาดแล้ว… ข้าติดต่อกับโจวลี่อยู่หลายครั้ง เขาเป็นผู้ลากมากดีที่ค่อนข้างฉลาดน้อยจริงๆ ทั้งยังไม่รู้แผนการทั้งหมดที่รองเจ้ากรมโจวบิดาของเขาวางไว้ด้วย
ถึงตรงนี้ ข้าอยากรายงานกับนายท่านอยู่สี่เรื่อง:
หนึ่ง ในระหว่างการคุ้มกันเงินภาษี รองเจ้ากรมโจวมีโอกาสลงมืออยู่หลายครั้ง ทำเช่นนั้นจะปลอดภัยกว่า แต่เขากลับเลือกที่จะยักยอกภาษีหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงของเมืองหลวงแทน
เรื่องนี้ยากจะเข้าใจจริงๆ รองเจ้ากรมโจวเป็นคนฉลาด แต่กลับเลือกเดินหมากอย่างโง่เขลา ข้าคิดว่าจะต้องมีเหตุผลซ่อนอยู่ในนั้น
แต่ก็ต้องจนใจเมื่อรองเจ้ากรมโจว ‘เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ’ ขณะถูกเนรเทศ จึงไม่มีใครให้คำตอบข้าได้อีก
สอง ตามแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ยี่สิบปีมานี้รองเจ้ากรมโจวเบียดบังเงินภาษีไปเกินกว่าล้านตำลึง แต่ตอนที่จวนสกุลโจวถูกยึดทรัพย์นั้น ราชสำนักกลับยึดเงินมาได้เพียงหลักพันเท่านั้น
เงินเหล่านั้นหายไปไหน
สาม จากการตรวจสอบสำนักโหราจารย์อย่างลับๆ พบว่าลูกศิษย์คนสุดท้องของท่านโหราจารย์ผู้มีนามว่าฉู่ไฉ่เวย เป็นหญิงสาวที่งดงามและน่าสนใจอย่างยิ่ง แน่นอนว่านางยังห่างไกลไม่อาจเทียบเคียงกับนายท่านผู้สูงส่งสง่างามได้
ที่ข้าต้องการจะกล่าวก็คือ จอมเวทของสำนักโหราจารย์เรียกนางว่าศิษย์พี่เล็ก หรือไม่ก็…ศิษย์พี่หก ทว่าศิษย์สายตรงของท่านโหราจารย์มีเพียงห้าคนเท่านั้น
สี่ คนจากนิกายพ่อมดได้สังหารนายอำเภอจ้าวแห่งอำเภอไท่คังซึ่งเป็นขุนนางที่ค้นพบเหมืองดินประสิวผู้นั้นอีกด้วย
ใช่แล้ว พ่อมดแห่งนิกายพ่อมดเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ อีกอย่าง เดิมทีพวกเขาสามารถใช้วิธีการสังหารที่แยบยลและซ่อนเร้นกว่านี้ได้ แต่กลับเลือกฆ่าคนในความฝัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง