ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 150

สรุปบท บทที่ 150 จดหมายลับสองฉบับ: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ตอน บทที่ 150 จดหมายลับสองฉบับ จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 150 จดหมายลับสองฉบับ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 150 จดหมายลับสองฉบับ
เวลาสนธยา สวี่ชีอันรอจนเว่ยเยวียนกลับมาจากในวัง

รถม้าคันใหญ่หรูหราเคลื่อนเข้าสู่ที่ทำการ เว่ยเยวียนเหยียบบันไดเล็กลงมาจากรถม้า สวี่ชีอันก็รีบเอนเข้าไปใกล้แล้วเรียกเสียงเบา “เว่ยกง…”

เว่ยเยวียนผู้มีผมขาวแซมข้างเหลือบตามองเขา พูดขณะเดินไปด้วย “อวี้อ๋องเขียนจดหมายผนึกเลือด รายงานว่าผิงหย่วนป๋อ จี่ซื่อจงกรมการคลัง และเจ้ากรมทหารทั้งสามคนทำร้ายสมาชิกราชวงศ์”

สวี่ชีอันรู้เรื่องการกระทำของอวี้อ๋องมาจากองค์หญิงฮว๋ายชิ่งแล้ว เขาจึงพยักหน้า “ฝ่าบาทรงมอบให้สามสำนักพิจารณาคดีแล้วหรือขอรับ”

“ไม่!” เว่ยเยวียนส่ายหน้า “เพลิงโทสะของฝ่าบาทไม่น้อยไปกว่าอวี้อ๋อง พระองค์ไม่อาจรอนานขนาดนั้นได้ จึงทรงเขียนราชโองการทันที เรียกให้ท่านโหราจารย์เข้าวังไปเผชิญหน้ากับสามคนนั้น ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้นยังมีขุนนางในราชสำนักด้วย”

“ผลลัพธ์ล่ะขอรับ” สวี่ชีอันรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังอยากถาม

เว่ยเยวียนถอนหายใจ “ทำร้ายคนในราชวงศ์ โทษประหารสามชั่วโคตร ออกราชโองการอย่างช้าที่สุดก็เช้าวันพรุ่งนี้ พรรคเหลียงจบสิ้นแล้ว”

ประหารสามชั่วโคตร…สวี่ชีอันผงะเล็กน้อย

ประหารสามชั่วโคตรที่ว่าก็คือประหารตระกูลฝั่งบิดาสามชั่วโคตร ตระกูลฝั่งมารดาสามชั่วโคตร และตระกูลฝั่งภรรยาสามชั่วโคตร จัดเป็นโทษประหารชีวิตที่หนักที่สุดรองจากโทษประหารเก้าชั่วโคตรของโทษกบฏ

“เฮ้อ พรุ่งนี้เกรงว่าหัวคนที่ต้องถูกตัดคงจะมีมากมายนัก” สวี่ชีอันก็ถอนหายใจเช่นกัน ไม่รู้ควรตบมือดีใจหรือว่าควรจะเสียใจให้กับผู้บริสุทธิ์ที่ติดร่างแหไปด้วยดี

แม้ว่าผิงหย่วนป๋อถูกล้างตระกูลไปแล้ว แต่เมื่อเทียบกับโทษประหารสามชั่วโคตร อย่างน้อยก็ต้องมีคนตายหลายสิบหลายร้อยคน ญาติสามรุ่นของผิงหย่วนป๋อเหล่านั้น ไม่มีใครหนีรอด

อีกสองคนที่เหลือก็เช่นเดียวกัน

“พรรคเหลียงหรือขอรับ” สวี่ชีอันเอ่ยอย่างฉงน

เว่ยเยวียนพยักหน้า “พรรคเหลียงเป็นพวกที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการต่อสู้ยามที่อวี้อ๋องถอนตัวจากเวทีอำนาจ มีจางเฟิ่ง เจ้ากรมทหารและซุนจงหมิง จี่ซื่อจงกรมการคลังเป็นผู้นำ ส่วนผิงหย่วนป๋อเข้าร่วมพรรคเหลียงเมื่อปีก่อน”

“เว่ยกง เช่นนั้น เช่นนั้นเรื่องของข้า…” สวี่ชีอันเอ่ยเสียงเบา การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในราชสำนักห่างไกลจากตัวเขามากเกินไป สวี่ชีอันไม่ได้กังวลใจ

เขาเป็นห่วงแค่อนาคตและชีวิตต่ำต้อยของตนเท่านั้น

“ไม่ต้องรีบร้อน ฝ่าบาทยังทรงพิโรธอยู่ พูดถึงเรื่องนี้ในเวลาแบบนี้ไม่ใช่การดี” เว่ยเยวียนส่ายหัว

เพราะเหตุผลนี้เอง…สวี่ชีอันพยักหน้า เอ่ยลากับเว่ยเยวียน แล้วกลับบ้านภายใต้แสงสายัณห์ในยามโพล้เพล้

พลบค่ำ ในห้องห้องหนึ่ง

มือขาวผ่องข้างหนึ่งจับพู่กันเขียนจดหมายบนกระดาษ

เรียน นายท่านที่เคารพ:

คดีซังผอคลี่คลายลงแล้ว เจ้ากรมพิธีการเคยกล่าวไว้ว่าการร่วมมือกับพวกเราก็เหมือนเจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือ หึ มองขาดจริงๆ

หนึ่งปีก่อนข้าบังเอิญได้เห็นภาพท่านหญิงผิงหยางกับภิกษุเหิงฮุ่ย เหิงฮุ่ยตายแต่ศพไม่แข็ง จิตเดิมสะสมความเคียดแค้นเอาไว้ ข้าจึงหลอมเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดแล้วเลี้ยงไว้ข้างตัว

จากนั้นนำเรื่องนี้ไปรายงานแก่ท่าน ท่านกล่าวว่าโอกาสมาถึงแล้ว ในปีแห่งการตรวจสอบข้าราชสำนักก็คือจุดเริ่มต้นของแผนการอันยิ่งใหญ่ 500 ปีของพวกเรา

โปรดยกโทษให้ข้าที่เคยสบประมาท เดิมทีข้าก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก ท่านโหราจารย์แห่งสำนักโหราจารย์กับผู้นำเต๋าแห่งนิกายมนุษย์ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นแนวหน้าที่มีจำนวนแทบนับนิ้วได้ในใต้หล้า

แต่เรื่องนี้ ทั้งคู่กลับรู้ใจกันและเลือกที่จะเก็บงำคอยดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ…ขอชื่นชมท่านอีกครั้ง ความฉลาดเฉลียวของนายท่านเป็นหนึ่งไม่มีสองในใต้หล้าจริงๆ

ท่าทีของจักรพรรดิหยวนจิ่งต่อคดีนี้ไม่สู้ดีนัก มิเช่นนั้นคงไม่ออกคำสั่งให้ฆ้องทองแดงนายหนึ่งรับผิดชอบเป็นผู้ดำเนินการสืบสวน ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในการคาดเดาของท่านทั้งสิ้น

แต่ฆ้องทองแดงผู้นั้นก็ฝีมือฉกาจ จมูกไวนัก

ในกระบวนการสืบคดี เขาสืบทราบการมาถึงของท่านแล้ว เขามาสอดแนมหาปราณปีศาจที่หอนางโลมหลายครั้ง ขอบังอาจถาม ท่านจงใจทำเช่นนั้นหรือเจ้าคะ

นอกจากนี้ หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลคนอื่นก็แอบมาตรวจสอบอย่างลับๆ เช่นกัน

เพราะไม่มีทางเลือก ข้าจึงต้องผลักฮุยจีออกไปรับเคราะห์แทน ข้ารู้ว่านางเป็นคนในเผ่าของท่าน โปรดให้อภัยกับการกระทำโดยพลการของข้าด้วยเจ้าค่ะ

โปรดวางใจ ของได้ถูกส่งให้คนที่สมควรได้รับมันแล้ว

ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง เบาะแสทั้งหมดของคดีเงินภาษีถูกตัดขาดแล้ว… ข้าติดต่อกับโจวลี่อยู่หลายครั้ง เขาเป็นผู้ลากมากดีที่ค่อนข้างฉลาดน้อยจริงๆ ทั้งยังไม่รู้แผนการทั้งหมดที่รองเจ้ากรมโจวบิดาของเขาวางไว้ด้วย

ถึงตรงนี้ ข้าอยากรายงานกับนายท่านอยู่สี่เรื่อง:

หนึ่ง ในระหว่างการคุ้มกันเงินภาษี รองเจ้ากรมโจวมีโอกาสลงมืออยู่หลายครั้ง ทำเช่นนั้นจะปลอดภัยกว่า แต่เขากลับเลือกที่จะยักยอกภาษีหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงของเมืองหลวงแทน

เรื่องนี้ยากจะเข้าใจจริงๆ รองเจ้ากรมโจวเป็นคนฉลาด แต่กลับเลือกเดินหมากอย่างโง่เขลา ข้าคิดว่าจะต้องมีเหตุผลซ่อนอยู่ในนั้น

แต่ก็ต้องจนใจเมื่อรองเจ้ากรมโจว ‘เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ’ ขณะถูกเนรเทศ จึงไม่มีใครให้คำตอบข้าได้อีก

สอง ตามแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ยี่สิบปีมานี้รองเจ้ากรมโจวเบียดบังเงินภาษีไปเกินกว่าล้านตำลึง แต่ตอนที่จวนสกุลโจวถูกยึดทรัพย์นั้น ราชสำนักกลับยึดเงินมาได้เพียงหลักพันเท่านั้น

เงินเหล่านั้นหายไปไหน

สาม จากการตรวจสอบสำนักโหราจารย์อย่างลับๆ พบว่าลูกศิษย์คนสุดท้องของท่านโหราจารย์ผู้มีนามว่าฉู่ไฉ่เวย เป็นหญิงสาวที่งดงามและน่าสนใจอย่างยิ่ง แน่นอนว่านางยังห่างไกลไม่อาจเทียบเคียงกับนายท่านผู้สูงส่งสง่างามได้

ที่ข้าต้องการจะกล่าวก็คือ จอมเวทของสำนักโหราจารย์เรียกนางว่าศิษย์พี่เล็ก หรือไม่ก็…ศิษย์พี่หก ทว่าศิษย์สายตรงของท่านโหราจารย์มีเพียงห้าคนเท่านั้น

สี่ คนจากนิกายพ่อมดได้สังหารนายอำเภอจ้าวแห่งอำเภอไท่คังซึ่งเป็นขุนนางที่ค้นพบเหมืองดินประสิวผู้นั้นอีกด้วย

ใช่แล้ว พ่อมดแห่งนิกายพ่อมดเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ อีกอย่าง เดิมทีพวกเขาสามารถใช้วิธีการสังหารที่แยบยลและซ่อนเร้นกว่านี้ได้ แต่กลับเลือกฆ่าคนในความฝัน

นายกองโจวชื่อสวงองครักษ์คุ้มกันส่วนพระองค์จงใจสังหารหลิวฮั่นเจ้าหน้าที่ถือธงชั้นผู้น้อยเพื่อดึงดูดความสนใจของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลและหน่วยงานราชการ อีกทั้งขณะที่อีกฝ่ายสอบปากคำ เขายังใช้อาวุธเวทมนตร์ปิดบังวิชามองปราณ ชักนำให้หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลหันไปสนใจวัดมังกรเขียว เพื่อไปพบกับคดีหลบหนีของภิกษุเหิงฮุ่ย แล้วค้นหาตามเบาะแสไปจนพบความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเมื่อปีก่อน

การเดินหมากตานี้ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ข้าน้อยคิดว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นายกองตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะทำได้ ต้องเป็นฝีมือนางจักรพรรดินีปีศาจที่วางหมากด้วยตัวเองแน่

สถานการณ์คร่าวๆ ก็เป็นเช่นนี้ แต่ข้าน้อยยังมีสองประเด็นที่ยังตรวจสอบไม่แน่ชัด

หนึ่ง ข้าน้อยทุ่มเทกายใจ แต่สุดท้ายก็ยังสืบไม่ได้ว่าของที่ถูกผนึกอยู่ใต้ซังผอคืออะไร แต่มีจุดหนึ่งที่มั่นใจได้ก็คือมันมีความสัมพันธ์ใหญ่หลวงกับสำนักพุทธ ส่วนจุดประสงค์ที่เศษเดนของอาณาจักรหมื่นปีศาจปลดปล่อยมันออกมายังไม่แน่ชัด

สอง ท่าทีของท่านโหราจารย์ช่างสุดจะคาดเดา ข้าน้อยยังพออ่านจุดประสงค์ที่จักรพรรดิหยวนจิ่งยกเลิกคำสั่งปิดเมืองได้ แต่จิตใจของท่านโหราจารย์สุดวิสัยของข้าน้อยที่จะคาดเดา

เห็นกันอยู่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง แต่ข้าน้อยกลับรู้สึกอยู่ตลอดว่าทั้งหมดนี้อยู่ในการคาดการณ์และการความคุมของเขา

จบการรายงาน

สวี่ชีอันกลับเข้าบ้าน กินข้าวเย็น บอกเล่าความคืบหน้าเรื่องคดีซังผอให้กับอารอง รวมถึงความจริงเรื่องคดีของท่านหญิงผิงหยางด้วย

อารองสวี่ฟังแล้วก็ตะลึงงัน นั่งนิ่งไม่กินข้าวกินปลาอยู่นาน พึมพำกับตัวเอง “ปัญญาชนพวกนี้มันโหดเหี้ยมกันทุกคนจริงๆ ปีนั้นแม้ว่าข้าจะฆ่าคนไปไม่น้อย แต่เทียบกับพวกเขาแล้ว ข้าเปิดเผยตรงไปตรงมามากกว่าหลายขุม”

“หนิงเยี่ยน เจ้าจำไว้นะว่าต่อไปถ้าต้องต่อกรกับพวกปัญญาชนล่ะก็ หากใช้ดาบได้จงอย่าลังเล ไม่อย่างนั้นจะถูกใส่ความเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลย”

สวี่ชีอันพยักหน้าเออออ ในใจบอกว่าท่านลืมไปแล้วหรือไงว่าตนยังมีลูกชายที่เป็นปัญญาชนคนหนึ่งด้วย

เมื่อกินข้าวเสร็จ เขาก็หยอกล้อกับสวี่หลิงอิน พูดคุยกับหลิงเยวี่ยนิดหน่อย จากนั้นสวี่ชีอันก็คิดจะกลับไปยังบ้านหลังน้อยของตน

“อะแฮ่ม” อาสะใภ้กระแอมไออย่างมีเลศนัย ดวงตามองเสมองทางอื่นขณะพูด “ข้าให้คนตัดชุดให้เจ้าแล้ว เดี๋ยวจะให้หลิงเยวี่ยเอาไปส่ง จะพอดีตัวหรือไม่…ข้าก็คร้านจะสนใจ เจ้าจะใส่หรือไม่ก็ช่าง”

“โอ้ วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรืออย่างไรนะ” สวี่ชีอันหันไปมองด้านนอกอย่างประหลาดใจ

อาสะใภ้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ริมฝีปากเล็กๆ แดงอวบอิ่มแหวใส่เขาไปคำหนึ่ง “ไสหัวไป”

สวี่ชีอันกลับไปยังบ้านน้อยของตนทันที

เสี้ยวขณะที่เปิดประตูออก เขาก็ใจสั่นขึ้นมาทันใด ไม่ได้ใจสั่นเหมือนตอนที่ชิ้นส่วนหนังสือปฐพีส่งข้อความมา แต่เป็นอาการใจสั่นแบบขนแขนลุกเกรียวจนเห็นเป็นหนังไก่นูนขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

สวี่ชีอันบังคับตนเองให้หันหน้ามองไปที่เตียง เห็นมือสีแดงที่ถูกตัดข้างหนึ่งวางแน่นิ่งอยู่บนนั้น

พริบตานั้นเขาก็ชาไปทั้งศีรษะ อะดรีนาลีนหลั่งพุ่งพล่าน เหงื่อเย็นเม็ดโตผุดซึม

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง