เพื่อตบตาผู้คน เขาจึงนำของมีค่าใส่ไว้ในกระจกหยก เช่น เงิน ทองคำ และตั๋วแลกเงิน…
จากนั้นเขาก็บอกลาอาสะใภ้และน้องสาว โดยบอกว่าตัวเองจะต้องเดินทางติดตามใต้เท้าผู้ตรวจการไปเมืองอวิ๋นโจว
โตจนป่านนี้สวี่ชีอันยังไม่เคยเดินทางออกจากเมืองหลวงเลย แม้แต่อาสะใภ้ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ กำชับกับเขาว่าต้องนำของไปให้ครบ นอกจากเงินแล้ว เสื้อผ้านับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ข้าได้ยินมาว่าที่อวิ๋นโจวอากาศเป็นพิษมากและครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดทั้งปี เจ้าต้องนำยาแก้พิษและขี้ผึ้งลดความชื้นไปด้วย… สวี่หนิงเยี่ยน ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ” อาสะใภ้ตบโต๊ะ
“ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว” สวี่ชีอันคิดว่านางน่ารำคาญ จึงพูดอย่างหัวเสียว่า “เรื่องพวกนี้ท่านไม่ต้องพูดก็ได้ ข้าแค่มาเพื่อแจ้งให้ทราบเท่านั้น”
ชาติที่แล้วข้าเป็นคนภาคใต้ ต้องอดทนกับอาถรรพ์ที่จู่โจมตลอดทั้งปี ต้องอาศัยจิตใจที่เข้มแข็งป้องกันความหนาว ความหนาวชื้นในภาคใต้ไม่เท่าไหร่หรอก …สวี่ชีอันพึมพำในใจ
…
หออิ่งเหมย สำนักสังคีต
เสียงขย่มเตียงค่อยๆ หยุดลง สวี่ชีอันเหยียดแขนออกทั้งสองข้าง มองดูใบหน้างามที่แดงก่ำอยู่ใต้ตัวเขา “พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางออกจากเมืองหลวงไปอวิ๋นโจว คาดว่าอีกนานกว่าจะได้กลับมา”
ฝูเซียงได้ยินดังนั้น ต้นขาขาวทั้งสองข้างก็หนีบเอวของเขาไว้แน่นทันที พูดด้วยน้ำเสียงกังวลใจว่า “ข้าได้ยินมาว่าโจรผู้ร้ายในอวิ๋นโจวนั้นปล้นฆ่ากันรุนแรงและอันตรายมาก”
“อันตรายแค่ไหนก็เป็นเขตของราชสำนัก” สวี่ชีอันบีบแก้มนุ่มของนาง แสดงให้รู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วง
“ท่านไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว พอมาก็พูดถึงเรื่องนี้เลยนะ” ฝูเซียงพูดด้วยความคับแค้นใจ
“ข้าเกรงว่าจะทำให้คนงามต้องเหน็ดเหนื่อย ใช่ว่าข้าไม่แยแสเจ้า” สวี่ชีอันพูด
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง เสียงเอี๊ยดอ๊าดก็ดังขึ้นอีกครั้ง
…
หลังจากออกมาจากสำนักสังคีตแล้ว สวี่ชีอันก็ไปที่หอดูดาวอีกครั้งและบอกฉู่ไฉ่เวยเรื่องที่เขาจะไปอวิ๋นโจว
เมื่อสาวงามในชุดกระโปรงสีเหลืองได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง แสดงท่าทางว่าอยากไปมากเช่นกัน แต่เนื่องจากผงปรุงรสไก่ยังอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุง สกัด แล้วยังต้องเผยแพร่ จากนั้นก็อาศัยช่วงเวลาสำคัญนี้เลื่อนขั้นเป็นระดับหก ดังนั้นจึงไม่สามารถเดินทางออกจากเมืองหลวงได้
การเดินทางครั้งนี้จะต้องพาโหรไปด้วย สวี่ชีอันมาที่นี่ เนื่องมาจากความคิดที่เห็นแก่ตัว อยากจะพาฉู่ไฉ่เวยไปด้วย โดยถือเสียว่าเป็นการไปท่องเที่ยว
ชายหญิงจำนวนมากที่ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน มักจะจูงมือกันเที่ยว เที่ยวไปเที่ยวมาก็ตั้งท้องเสียอย่างนั้น
เมื่อไม่สามารถพาฉู่ไฉ่เวยไปด้วย สวี่ชีอันจึงนำผงปรุงรสไก่ที่นางสกัดออกมาด้วยความลำบากยากเย็นติดตัวไปด้วย สาวงามใบหน้ารูปไข่ในชุดกระโปรงสีเหลืองวิ่งตามออกมาจากหอดูดาว ตะโกนไล่หลังสวี่ชีอันที่ควบม้าออกไปอย่างรวดเร็ว “สวี่หนิงเยี่ยนเจ้าคนสารเลว”
จากนั้น เขาก็ไปที่พระราชวังและขอเข้าเฝ้าองค์หญิงฮว๋ายชิ่ง ในฐานะพันธมิตรขององค์หญิงใหญ่ เขาควรจะถวายรายงานแผนการเดินทาง แล้วก็ถือโอกาสสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ในอวิ๋นโจวกับองค์หญิงใหญ่ผู้ทรงพระปรีชาญาณ เพื่อทูลขอความเห็น
ทหารรักษาพระองค์นำคำตอบขององค์หญิงใหญ่กลับมา “องค์หญิงไม่ทรงต้องการพบเจ้า เชิญกลับไปเถิด”
หือ ไม่ต้องการพบข้าเนี่ยนะ เมื่อวานยังคุยกันดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือ การกระทำของข้าเมื่อวานนี้น่าจะทำให้ฮว๋ายชิ่งให้ความสนใจข้ามากขึ้นถึงจะถูกสิ …สวี่ชีอันจากไปพร้อมกับความสับสน
สวี่ชีอันที่ถูกสาวเจ้าปฏิเสธอย่างโหดเหี้ยม ได้หันไปหาน้องสาวหน้ากลม ที่แสนงามและมีเมตตา
หลินอันไม่ได้ประทับอยู่ในพระราชวัง แต่ทรงประทับอยู่ในตำหนักหลินอันในเขตพระราชฐาน
ยายตัวร้ายมีเจตนาแรงกล้านี่นา สวี่ชีอันเปลี่ยนเส้นทางไปตำหนักขององค์หญิงหลินอันทันที
เขาสามารถอาศัยแผ่นหยกคาดเอวเข้าออกเขตพระราชฐานได้ แต่กำแพงพระราชวังนั้นเข้าไปไม่ได้ หลินอันไม่ได้ประทับอยู่ในกำแพงพระราชวัง กลับดีกว่า
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มาถึงด้านนอกตำหนักของหลินอัน หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์นำความไปกราบทูลแล้ว เขาก็เข้าไปในตำหนัก
สวี่ชีอันเดินไปพร้อมกับชมอุทยาน อาคาร เก๋ง แล้วยังมีเวทีแสดงงิ้วอีกด้วย คิดในใจว่าสมกับที่เป็นพระธิดาคนโปรดขององค์จักรพรรดิ ช่างโอ่อ่ายิ่งนัก
ยายตัวร้ายได้ยินว่าสวี่ชีอันมาเยี่ยมก็ดีพระทัยมาก ทรงประทับในศาลา ตรัสพร้อมรอยแย้มพระสรวลว่า “ออกจากพระราชวังแล้วรู้สึกอิสระมากขึ้นจริงๆ เพียงแต่ในตำหนักน่าเบื่อเกินไป สู้อยู่ในพระราชวังไม่ได้”
ความหมายของพระองค์ชัดเจนมาก “ท่านอยากเล่นอะไร”
กระหม่อมไม่ได้มาเพื่อเล่น แต่กระหม่อมจะมาทูลลาพ่ะย่ะค่ะ… สวี่ชีอันกล่าว “พรุ่งนี้กระหม่อมจะเดินทางออกจากเมืองหลวงไปอวิ๋นโจว และคงอีกนานกว่าจะได้กลับมา คิดได้ว่าพรุ่งนี้มีนัดกับองค์หญิง ดังนั้นจึงมากราบทูลลาก่อนเดินทาง”
เมื่อหลินอันได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เศร้าหมองทันที และมองเขาอย่างผิดหวัง
ถ้าเช่นนั้น ถ้าเช่นนั้นการที่นางกลับมาประทับที่ตำหนัก จะไม่เป็นการเสียแรงเปล่าหรือ อย่างมากพระมารดาก็ทรงอนุญาตให้พระองค์อยู่ข้างนอกได้ไม่เกิน 3 วัน พระองค์ยังเคยแอบตื่นเต้น และคิดว่าฆ้องทองแดงคนนี้จะพาพระองค์ไปเที่ยวเล่นที่เมืองชั้นใน
“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา” สวี่ชีอันหันหลังเดินจากมาไม่กี่ก้าว เขาก็อดหันไปมองไม่ได้
หลินอันนั่งอยู่ในศาลา ด้านหลังเป็นสวนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ทรงสวมชุดสีแดงเพลิง มีเสน่ห์และสวยงาม แต่ดูโดดเดี่ยวอ้างว้างยิ่งนัก
น่ารำคาญ… เขาบ่นในใจ แล้วหันหลังเดินกลับไป
ดวงพระเนตรกลมโตของหลินอันเป็นประกายขึ้นในทันที จ้องมองเขาอย่างว่างเปล่า โดยไม่ได้ตรัสอะไรสักคำ
“องค์หญิงทรงชอบเล่นหมากรุกไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ชอบ”
“เพราะอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เพราะมันยุ่งยากเกินไป”
เป็นเพราะโง่เขลาล่ะสิ …สวี่ชีอันกล่าวว่า “กระหม่อมมีวิธีเล่นแบบใหม่ องค์หญิงทรงลองได้ ถ้าเบื่ออยู่ว่างๆ ก็ทรงเล่นกับนางกำนัลได้”
หลินอันบุ้ยปาก รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “นี่น่ะหรือ”
อีกสักครู่อย่าติดใจก็แล้วกัน สวี่ชีอันเรียกนางกำนัลมา และขอให้นางหยิบกระดานหมากรุกมาวางไว้บนโต๊ะหินในศาลา
“องค์หญิงรอง หมากรุกที่กระหม่อมจะสอนเรียกว่าหมากเรียงห้าตัว ไม่มีกฎกติกาอะไรมากมาย มันง่ายมากๆ ใครก็ตามที่วางหมากห้าตัวเรียงต่อกันได้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวทแยงมุม ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ชนะ”
“ง่ายขนาดนี้ น่าเบื่อกว่าเดิมอีก” หลินอันส่ายหน้า
“อย่าเพิ่งทรงใจร้อนไปเลย พวกเราลองเล่นกันสักกระดานหนึ่งก่อนเถอะ” สวี่ชีอันท่าทางใจเย็น
“ย่อมได้”
หลินอันหยิบหมากขึ้นมาหนึ่งตัว เคาะมันลงตรงกลางกระดานหมากรุก ดัง “ป๊อก” แล้วเชิดคางขาวราวหิมะไปทางสวี่ชีอัน
สวี่ชีอันวางหมากตาม
วางหมากไปเรื่อยๆ ยายตัวร้ายก็เริ่มจริงจัง ทั้งสองวางหมากอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงป๊อกแป๊ก ป๊อกแป๊ก สวี่ชีอันก็เป็นฝ่ายชนะไปหนึ่งกระดาน
“เล่นต่อ เล่นต่อ!” ยายตัวร้ายเตะเท้า กระโปรงสีแดงแกว่งไปมา
กระดานที่สอง กระดานที่สาม กระดานที่สี่… ยายตัวร้ายเป็นฝ่ายแพ้ตลอด แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งเร้าใจ ดวงตากลมโตเริ่มมีแววมุ่งมั่นขึ้นเรื่อยๆ
พระองค์พบกับความประหลาดใจว่า หมากรุกประเภทนี้ง่ายมากๆ และก็มีกติกาการเล่นไม่กี่อย่าง แต่ไม่รู้ว่าทำไม ความสนุกกลับมีมากกว่าหมากรุกทั่วไปหลายเท่านัก ทำให้ถลำตัวจนไม่สามารถถอนตัวได้
พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็อยากจะเล่นต่อครั้งแล้วครั้งเล่า ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันแรงกล้าให้ลุกโชน
ในเวลาเดียวกัน พระองค์ก็มีเกิดภาพลวงตาว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือแห่งหมากล้อม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง