ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 190

บทที่ 190-2 จดหมายเจ็ดฉบับของสวี่ชีอัน
“ขอซองจดหมายและกระดาษ ข้าจะเขียนจดหมาย” สวี่ชีอันบอกความต้องการ

ทหารส่งสารดึงกระดาษจดหมายและซองออกมาจากโต๊ะทันที สวี่ชีอันส่ายหน้า “ไม่พอ”

“ท่านต้องการเท่าไร”

“ซองจดหมายเจ็ดซอง กระดาษยิ่งเยอะยิ่งดี”

เป็นครั้งแรกที่ทหารส่งสารเห็นคนเขียนจดหมายเจ็ดฉบับรวดเดียว เขาบ่นพึมพำบางอย่างเงียบๆ แล้วยื่นซองจดหมายเจ็ดซองและกระดาษตามไปให้

สวี่ชีอันรับซองจดหมายและกระดาษจดหมายมา แล้วหันหลังขึ้นตึกกลับเข้าห้อง

เขาวางจดหมายเรียงลงบนโต๊ะ หยิบกลีบบัวแดงออกมาจากกระจกหยกบานเล็ก นำกลีบดอกทั้งห้าทับลงบนซองจดหมายห้าซอง จากนั้นกางกระดาษจดหมาย กดที่ทับกระดาษ บดและเขียนจดหมาย

จดหมายฉบับแรก

‘องค์หญิงฮว๋ายชิ่ง

ยามที่เขียนจดหมายฉบับนี้ ข้าก็มาถึงเขตแดนชิงโจวแล้ว กำลังจะเข้าสู่อวิ๋นโจว ยามที่จากเมืองหลวง เดิมก็อยากหารือกับพระองค์ฟังความเห็นของพระองค์

ไม่รู้ว่าข้าน้อยล่วงเกินพระองค์ไปเมื่อใด จึงทำให้พระองค์ตัดสินใจเด็ดขาดและปิดประตูไม่ต้อนรับเช่นนี้

ขณะเดินทางผ่านอวี่โจว ข้าน้อยคลี่คลายคดีรับสินบนด้วย…จากคดีนี้จะเห็นได้ว่าสำนักพ่อมดกัดกร่อนราชสำนักมานาน ชุบเลี้ยงผู้สอดแนมในเงามืดไว้มากมาย ดังคำกล่าวเขื่อนยาวพันลี้ทลายลงด้วยรังมด[1] จำต้องป้องกัน หวังว่าองค์หญิงจะทรงแนะนำฝ่าบาทได้ ทุ่มเทกำลังสร้างสรรค์ประเทศให้รุ่งเรืองและฟื้นฟูกบิลเมือง

จริงสิ ชิงโจวมีดอกไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่าบัวแดง บานสะพรั่งกลางฤดูหนาว ท่วงทำนองเปี่ยมชีวาของบัวแดง โผล่พ้นดินโคลนไร้มัวหมอง ชะล้างคลื่นน้ำใสไม่ยั่วใจ ในโปร่งนอกตั้งตรงมิแตกกิ่งเลื้อย ไกลห่างยิ่งหอมกระจ่าง เชยชมห่างไกลมิอาจต้องแตะ

นี่ทำให้ข้านึกถึงพระองค์ ขอประทานอภัย ข้าน้อยรู้ว่านี่เป็นการไม่เคารพพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นความสง่างามแห่งยุคหาใครเปรียบขององค์หญิง ตลอดชีวิตของข้าน้อยพบมาน้อยครั้ง พระองค์เป็นเฉกเช่นบัวแดง โผล่พ้นดินโคลนไร้มัวหมอง ชะล้างคลื่นน้ำใสไม่ยวนใจ

ข้าน้อยเก็บกลีบบัวส่งให้พระองค์ไปพร้อมกับจดหมายเพื่อแสดงน้ำใจ’

ฉบับที่สอง

‘องค์หญิงหลินอัน

ค่ำคืนอันยาวนาน ยากจะหลับใหล เสียงและรอยยิ้มของพระองค์เหมือนอยู่เบื้องหน้าดังอยู่ในโสต ครึ่งเดือนไม่ได้เจอ ช่างคะนึงหายิ่งนัก

การเดินทางมาอวิ๋นโจวไม่เงียบเหงา ระหว่างทางเกิดเรื่องราวน่าสนใจและหลากแสงสีแปลกพิลึกมากมาย ที่แท้ในคลองก็มีพรายน้ำ ระหว่างทางกองทหารพยัคฆ์ทะยานคนหนึ่งปีนขึ้นดาดฟ้าเรือในตอนกลางคืน จู่ๆ ก็ได้ยินมารดาที่เสียไปแล้วเรียกหา จึงกระโดดลงไปในน้ำโดยไม่รู้ตัวราวกับโดนผีอำ

พรายน้ำดึงข้อเท้าของเขาเอาเป็นเอาตาย หวังจะลากเขาลงสู่ก้นคลอง โชคดีที่ข้าน้อยสังเกตเห็นทันเวลา กระโดดลงไปในคลองอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ ต่อสู้กับพรายน้ำสามร้อยบทเพลงอย่างดุเดือดจนคลื่นปั่นป่วนโหมซัดสาด จึงจะช่วยชีวิตกองทหารพยัคฆ์ทะยานผู้น่าสงสารได้

ระหว่างทางชิงโจวไปอวิ๋นโจวได้ผ่านชนบทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นในชนบท ลูกสะใภ้ของครอบครัวหนึ่งกลายเป็นผีดิบหลังจากเสียชีวิต เตร็ดเตร่ไปรอบห้องทั้งวันทั้งคืน ฟันขาวงอกขึ้นแน่นขนัด เล็บมือเขียวคล้ำ เจอใครก็กัด…

โชคดีที่ข้าน้อยผ่านมา ปราดเดียวก็มองออกว่าเรื่องของผีดิบสาวจะต้องมีมูลเหตุ หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนความจริงจึงปรากฏ ที่แท้สามีบ้านนั้นก็ลักลอบคบชู้กับหญิงหม้ายในหมู่บ้าน ต้องการอย่าภรรยาไปแต่งงานใหม่ ภรรยาไม่ยอมจึงถูกฆ่าอย่างทารุณ

ภรรยาตายด้วยความอาฆาต วิญญาณยังคงวนเวียน จึงเกิดเป็นผีดิบ

จริงสิ ชิงโจวมีดอกไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่าบัวแดง งามเลิศดุจเพลิง ทำให้ข้าน้อยนึกถึงเสน่ห์อันเป็นหนึ่งไม่เป็นรองใครแห่งยุคของพระองค์ในชุดกระโปรงแดงได้เสมอ

มันก็ดูแรงๆ เหมือนกับองค์หญิง (ขีดฆ่า) มันงามวิจิตรดังทิวทัศน์อรชรดุจศรเช่นนั้น แต่ยามที่ลมพัดโชยมาเป็นระยะ มันก็ก้มหน้าอย่างเหนียมอาย ในใจข้าก็นึกประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ ‘ก้มหน้าได้อ่อนหวานปานนั้น ราวกับความขวยเขินของบัวน้ำที่มิอาจเอาชนะสายลมเย็นได้’

ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว ไม่มีเจตนาล่วงเกินองค์หญิง ทว่าความงามขององค์หญิง ตลอดชีวิตของข้าน้อยพบมาน้อยครั้ง’

จดหมายฉบับที่สาม

‘แม่นางไฉ่เวย

ไม่พบหนึ่งวันราวกับห่างกันสามสารทฤดู ลองนับนิ้วคำนวณดู พวกเราไม่ได้เจอกันครึ่งเดือนแล้ว การกลั่นผงปรุงรสไก่เป็นอย่างไรบ้าง การเลื่อนขั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุราบรื่นดีหรือไม่

อวี่โจวมีอาหารชนิดหนึ่ง เรียกว่าผักกาดขาวผัดขาหมูรมควัน ขาหมูรมควันเป็นอาหารอันโอชะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตอนใต้ หากินได้ยากในตอนเหนือ

วิธีทำก็ง่ายมาก ลอกหนังด้านนอกของขาหมูรมควันเพื่อเอามันออกและเก็บเนื้อไว้ ใช้ซุปไก่เคี่ยวหนังให้เปื่อยก่อน ค่อยเคี่ยวเนื้อให้เปื่อย ใส่ก้านผักกาดขาว ต่อด้วยหั่นรากเป็นท่อนยาวประมาณสองนิ้วกว่า เติมน้ำผึ้ง เหล้าข้าวเหนียวและน้ำ จากนั้นเคี่ยวไว้ครึ่งวัน รสหวานอร่อย เนื้อและผักละลายหมดแต่รากและก้านยังคงเรียงราย น้ำซุปก็อร่อยเลิศ

ชิงโจวมีอาหารอร่อยอยู่หลายชนิด ให้ข้าได้เอ่ยถึงทีละอย่าง…

จริงสิ ชิงโจวมีดอกไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่าบัวแดง ดอกไม้ชนิดนี้งามวิจิตรเปี่ยมชีวิตชีวา ผลิบานโต้ลม ยามที่พลิ้วไหวตามสายลมราวกับใบหน้ายิ้มแย้มที่งามพริ้งเพรา ทำให้ข้าคิดถึงแม่นางไฉ่เวยอย่างช่วยไม่ได้

เจ้าก็เป็นคนไม่คิดอะไรมากเช่นนี้ (ขีดฆ่า) เจ้าก็เป็นเด็กสาวที่มอบความสุขเช่นนี้ ไร้ความกังวล ซื่อๆ ไร้เดียงสา ดวงตาคู่กลมโตอันสว่างสดใส ลืมความธรรมดาทันทีที่ได้พบ’

ฉบับที่สี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง