ตอน บทที่ 202-1 สอบปากคำ จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 202-1 สอบปากคำ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 202-1 สอบปากคำ
ภายในห้อง ซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยว…
ภาพมายาของผีสาวรุนแรงมาก ผลของมันยังไม่เสื่อม…เกลียดจังที่ในกระเป๋าไม่มีโทรศัพท์ ไม่อย่างนั้นจะถ่ายคลิปท่าทางของสองคนนี้เอาไว้ให้กลายเป็นประวัติอันดำมืดไปชั่วชีวิตเลย…
สวี่ชีอันไม่ได้รบกวน ‘ฝันดี’ ของเพื่อนร่วมงาน แต่เผาหน้ากระดาษที่บันทึกวิชามองปราณแล้วเดินไปข้างหน้าต่าง ค่อยๆ กวาดสายตามองตามท้องถนนเพื่อเสาะหาบุคคลน่าสงสัย
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตากลับเป็นไอปราณสีขาวโพลน ตามความหมายของวิชามองปราณ แสงสีขาวหมายถึงคนเหล่านั้นเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา
“เฮ้อ…” สวี่ชีอันถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะพร้อมจิบชา รอให้ฤทธิ์ของภาพมายาสิ้นสุดลงเงียบๆ
ประมาณสิบนาที ซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวก็ตัวแข็งทื่อทันใด ราวกับเวลาหยุดนิ่ง สิบกว่าวินาทีต่อมา พวกเขาจึงล้มลงกับพื้น
สวี่ชีอันมองดูคนทั้งสองที่กำลังหลับใหลก็ใจสั่น เกิดความคิดพิเรนทร์บางอย่าง
เขาแบกร่างซ่งถิงเฟิงไปยังห้องข้างๆ แล้วสะบัดมือตบ ‘เพี๊ยะๆ’ ไปสองครั้ง ซ่งถิงเฟิงก็ส่งเสียง ‘อือ’ คล้ายละเมอออกมา แล้วเปิดเปลือกตาที่อ่อนล้าขึ้น
“หนิงเยี่ยน?” ซ่งถิงเฟิงตกตะลึง หยัดตัวนั่งบนพื้นทันที ก่อนเหลือบซ้ายแลขวาเหมือนตามหาอะไรบางอย่าง “มะ แม่นางซูซูล่ะ”
“ไปแล้ว!” สวี่ชีอันกล่าวอย่าง ‘งุนงง’ “พอข้ากลับมาจากห้องน้ำก็เห็นนางเดินหน้าแดงก่ำออกไปพอดี แถมเดินกะโผลกกะเผลกด้วย ข้าย่อมพยายามรั้งเอาไว้ แต่นางกลับรีบร้อนเดินจากไป เรียกเท่าไหร่ก็ไม่หยุด”
“…ต้องตามหานาง ข้าต้องไปหานาง ข้าต้องแต่งกับนาง” ซ่งถิงเฟิงหุนหันลุกขึ้น แต่กลับซวนเซเพราะมึนหัวตาลาย
ภาพมายาส่งผลต่อจิตเดิมโดยตรง ผลกระทบที่เหลือก็คืออาหารเวียนศีรษะนั่นเอง
“สมควรตาย เหตุใดถึงได้เลอะเลือนนัก” ซ่งถิงเฟิงผลักสวี่ชีอันออก “หนิงเยี่ยน เจ้าช่วยรีบตามนางไปที นางคือภรรยาที่ยังไม่แต่งเข้าบ้านของข้า”
ภรรยาที่ยังไม่แต่งเข้าบ้าน เจ้าหมายถึงเสาข้างกำแพงต้นนั้นหรือ สวี่ชีอันกระแอมไอ “พวกเจ้าเป็นอะไรกันแน่”
…แม้ว่าซ่งถิงเฟิงจะเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน แต่ยังคงรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่ เรื่องอย่างว่านั้นทำได้แค่ตอนกลางคืนและบนเตียงเท่านั้น แต่ดันมากระทำตอนกลางวันแสกๆ ในโรงน้ำชา เรื่องเช่นนี้ทำให้เขาลำบากใจยิ่งนัก
“เจ้าไม่ต้องร้อนใจ นั่งพักสักหน่อย ข้าจะออกไปดูข้างนอกแล้วตามนางกลับมาให้ได้” สวี่ชีอันออกจากห้องแล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องข้างๆ
‘เพี๊ยะๆ!’
ตบเรียกสติสองครั้ง
ปฏิกิริยาของจูกว่างเสี้ยวยิ่งกว่าซ่งถิงเฟิงเสียอีก เมื่อเห็นหน้าสวี่ชีอัน สีหน้าก็หวาดผวาอย่างยิ่ง เขาเอามือปิดบังเป้าของตนตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็พบว่าตนยังสวมกางเกงอยู่
เขามองซ้ายมองขวาอย่างงุนงงแล้วเอ่ยถาม “มะ…แม่นางซูซูล่ะ”
สวี่ชีอันกล่าว “เพิ่งจากไป ข้ายังพบนางอยู่ข้างล่างเลย ข้ารั้งนางไว้เท่าไหร่นางก็ยืนยันแต่จะไปๆ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเผลอทำอะไรให้นางโกรธหรือไม่”
จูกว่างเสี้ยวเผยสีหน้าแปลกประหลาด “ตอนนางจากไป มีท่าทางแปลกๆ หรือไม่”
สวี่ชีอันเอ่ยพลางทำที ‘นึกย้อน’ “น่าจะข้อเท้าพลิกนะ”
“คล้ายกับเดินกะโผลกกะเผลก”
จูกว่างเสี้ยวได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าโศก “หนิงเยี่ยน ข้า ข้าทำเรื่องไม่ดีลงไปแล้ว…ข้าไม่มีหน้ากลับไปเมืองหลวงแล้ว ยิ่งไม่มีหน้าไปพบคู่หมั้นด้วย”
“ทำไมหรือ ค่อยๆ พูดจา” สวี่ชีอันรีบปลอบโยน
จูกว่างเสี้ยวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปรอบหนึ่ง ใบหน้าซีดเผือดด้วยความสำนึกผิด
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็เลอะเลือนไปชั่วขณะ กระทำเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉานกับแม่นางซูซูไปเสียได้ ข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้วแท้ๆ นาง นางยังเป็นสาวแรกรุ่นยังไม่ออกเรือนด้วย นี่จะเป็นเรื่องดีได้อย่างไร”
แม้จะไปเที่ยวที่สำนักสังคีตเป็นประจำ แต่สตรีในสำนักสังคีตก็ยังแตกต่างจากสตรีชาติตระกูลดีอยู่
อืม มีแต่เด็กเล็กที่อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนผู้ใหญ่จะรู้ว่าไม่อาจครอบครองได้ทุกสิ่งทุกอย่าง สมองของสหายกว่างเสี้ยวผู้นี้มีปัญญารู้ความยิ่งนัก…สวี่ชีอันพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องคิดทบทวนให้ดี”
จูกว่างเสี้ยวเงยหน้าขึ้น “เจ้าเหมือนจะไม่ตกใจเลยนะ”
ภายในห้อง สวี่ชีอันนั่งอยู่หน้าโต๊ะแล้วรวบรวมพลังปราณไว้ที่นิ้วมือ ก่อนปัดผ่านตรงมุม ‘ยันต์ผนึกวิญญาณ’ ทันใดนั้น ลมจากปราณหยินก็พวยพุ่งออกมาจากปากขวดเหล้า ทำให้อุณหภูมิห้องลดลง
ควันสีเขียวลอยเอื่อยออกมาจากปากขวด ราวกับปลาไหลที่ถูกหนีบหางเอาไว้ พุ่งไปซ้ายทีขวาที แต่ก็ไม่อาจสะบัดหางออกจากปากขวดได้
ด้วยความจนปัญญา ควันสีเขียวจึงแปรสภาพกลายเป็นสาวงามล่มบ้านล่มเมืองลอยตัวอยู่เหนือปากขวดแล้วมองมาที่สวี่ชีอันด้วยใบหน้า ‘น้ำตาคลอเบ้า’ อย่างน่าสงสาร
“คุณชาย ข้าน้อยทำผิดอะไร เหตุใดท่านถึงทำกับข้าอย่างนี้”
ดูไปแล้วก็คล้ายกับการ์ตูน 3D เหมือนกันแฮะ…สวี่ชีอันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองพินิจดูผีสาวจากล่างไล่ขึ้นบน
“ว้าย คุณชายแอบดูใต้กระโปรงข้าน้อย” ผีสาวกดกระโปรงเอาไว้อย่างเขินอายพลางกัดริมฝีปาก ใบหน้าทรงเสน่ห์แสดงท่าทียั่วยวนอย่างไม่อาจเอื้อนเอ่ยได้
…ยังอยากจะล่อลวงข้าอีก พูดไปพูดมาแล้ว ภรรยากระดาษเช่นนี้ช่างเป็นข่าวดีสำหรับโอตาคุจริงๆ …สวี่ชีอันถอนหายใจ ‘เฮ้อ’ ออกมา แล้วหยิบแหวนปานจื่อมาวางไว้บนโต๊ะ
“แม่นางซูซู พยายามต่อไปเถอะ!”
แหวนปานจื่อหยกส่องประกายใส
ผีสาวมองพินิจดูแหวนปานจื่อหยกอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “กลิ่นอายของลัทธิขงจื๊อ?”
หลังจากสวี่ชีอันพยักหน้ายืนยัน นางก็เก็บท่าทางโปรยเสน่ห์ ลอยตัวกรีดกรายอยู่กลางอากาศ แล้วหลุบตามองสวี่ชีอันจากที่สูง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ตามใจเจ้า”
สวี่ชีอันกล่าว “ได้ เช่นนั้นข้าจะโยนแหวนปานจื่อลงไปในขวดเหล้านะ”
แม่นางซูซูรีบโอนอ่อนลงทันที “ท่านเจ้าคะ มาคุยกันก่อนเถิด”
รู้จักปรับตัวเสียด้วย…สวี่ชีอันถือโอกาสเก็บแหวนปานจื่อกลับ แล้วเอนตัวพิงกับเก้าอี้ก่อนเอ่ยถาม “ใครส่งเจ้ามา”
แม่นางซูซูแสดงท่าทีประจบเอาใจ “นายท่านของบ่าวมีนามว่าหลี่เมี่ยวเจิน เป็นเทพธิดาของนิกายสวรรค์แห่งลัทธิเต๋า อายุสิบเก้าปี ยังไม่แต่งงานเจ้าค่ะ นางเป็นคนสั่งให้บ่าวมาล่อลวงคุณชายแล้วสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับคดีโจวหมินมาจากคุณชาย เพื่อให้แน่ใจว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อผู้บัญชาการหยางชวนหนานหรือไม่เจ้าค่ะ”
……………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...