บทที่ 220-2 ปลอบโยนแล้วแทงข้างหลัง
“ใต้เท้าผู้ตรวจการ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว”
ชั่วพริบตาที่หัวหน้ากองพันใบหน้าสี่เหลี่ยมดวงตาสามเหลี่ยมเห็นผู้ตรวจการจาง ก็รู้สึกว่าในที่สุดหินก้อนใหญ่ที่ถ่วงอยู่ในใจหายไป เขาพ่นลมหายใจยาวออกมา
ผู้ตรวจการจางที่ร้อนใจดั่งไฟเผาตอนเร่งเดินทางมาได้เก็บอารมณ์ทั้งหมดของตนเมื่อขึ้นมาถึงกำแพงเมือง เขาแสดงสีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าไร้อารมณ์
เขายืนมองอยู่บนกำแพงเมืองพักหนึ่งแล้วเอ่ยสั่งการ “ใช้ตะกร้าแขวนพาข้าลงไป”
หัวหน้ากองพันกล่าว “ข้าน้อยเปิดประตูให้ตรงๆ เลยดีกว่าขอรับ เมื่อครู่ฆ้องทองแดงผู้นั้นกับแม่ทัพรับจ้างก็ออกไปทางประตูเมืองตรงๆ”
‘ไร้ความคิด’ …ผู้ตรวจการจางมุมปากกระตุก “ถ้าหากทหารคุ้มกันมีใจคิดบุกเมืองจริงๆ ประตูเมืองคงได้เสียการป้องกันไปแล้ว”
หัวหน้ากองพันก้มหน้าทันที
“ไม่ต้องใช้ตะกร้าแขวนหรอก ข้าจะพาใต้เท้าผู้ตรวจการลงไปเอง” เจียงลวี่จงวางมือบนบ่าของผู้ตรวจการจาง ครู่ต่อมา ผู้ตรวจการจางก็รู้สึกตาลาย ฉับพลันก็มายืนอยู่นอกเมืองแล้ว อยู่หากจากพวกสวี่ชีอันไม่ถึงสิบจั้ง
ส่วนทางด้านสวี่ชีอันก็สังเกตเห็นเจียงลวี่จงและผู้ตรวจการจางแล้ว สีหน้าของแต่ละคนแตกต่างกันไป หลี่เมี่ยวเจินหน้าเดิมไม่เปลี่ยน ส่วนสีหน้าตึงเครียดของสวี่ชีอันก็ผ่อนคลายลง
สวีหู่เฉินกลับร่างกายหยัดตรงขึ้นมาทันใด มือกุมทวนยาวเอาไว้แน่น
เขาไม่กลัวผู้ตรวจการ กลัวก็แค่ฆ้องทองคำผู้นั้นที่อยู่ข้างกาย
ผู้ตรวจการจางกล่าวเสียงดัง “สวีหู่เฉิน ลงจากม้ามาคุยกัน”
สวีหู่เฉินขมวดคิ้ว แล้วกุมทวนยาวแน่นอีกครั้ง หลังจากชั่งน้ำหนักดู เขาก็แขวนทวนยาวไว้บนตะขอม้า แล้วทักทายผู้ตรวจการจางด้วยมือเปล่า
“ท่านใต้เท้าผู้ตรวจการ!” สวีหู่เฉินกอบหมัดคำนับ
“ใจกล้ามากนะ” ผู้ตรวจการจางยิ้มเย็นกล่าวว่า “แม้ว่าวันนี้ข้าจะให้ฆ้องทองคำเจียงสังหารเจ้าตายเสียตรงนี้ ก็ยังสามารถสยบทหารสามพันคนข้างหลังเจ้าได้อยู่ดี “
สวีหู่เฉินไม่พูดจา
“ไม่ว่าพูดอย่างไรก็มีแค่ข้อสรุปเดียว คิดจะมาช่วยหยางชวนหนานไม่ใช่หรือ เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า ถ้าหากหยางชวนหนานทำผิดจริงๆ พวกเจ้าจะช่วยหรือไม่”
“ใต้เท้าหยางเป็นผู้บริสุทธิ์ขอรับ”
“ข้าแค่ถามเจ้า จะช่วยหรือไม่ช่วย”
“ช่วย!”
ผู้ตรวจการหัวเราะลั่น “สมกับเป็นนักรบผู้บ้าเลือดจริงๆ ข้าชื่นชมเจ้า คดีของหยางชวนหนานยังเร็วเกินไปที่จะสรุป ในเมื่อเจ้าเชื่อในตัวของใต้เท้าหยาง เช่นนั้นข้าก็ขอรับประกันกับเจ้า ขอเพียงหยางชวนหนานเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าก็จะคืนความบริสุทธิ์ให้กับเขา”
นิ่งไปพักหนึ่ง ผู้ตรวจการจางก็เปลี่ยนสีหน้าทันใดแล้วพูดเสียงแข็ง “แต่เจ้าเคลื่อนทหารโดยพลการมาประชิดเมืองนั้นถือว่ามีความผิด!”
สวีหู่เฉินกำหมัดอย่างไม่ยินยอม “ข้าน้อย…รู้ความผิดตนแล้ว ตราบใดที่ใต้เท้าผู้ตรวจการสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของใต้เท้าหยางได้ ข้าน้อยก็จะให้ใต้เท้าจัดการได้ตามสบาย”
“ช่างเถอะ หากเจ้าไม่กระทำเรื่องวู่วามแล้วพาทหารกลับค่ายทหาร ข้าก็จะไม่ถือสาหาความ” ผู้ตรวจการจางแสดงท่าทีมีน้ำใจกว้างขวาง
“ในเมื่อใต้เท้าผู้ตรวจการรับประกันแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยก็จะเชื่อใต้เท้าขอรับ” สวีหู่เฉินได้รับคำตอบที่ต้องการแล้วก็หันหน้าไปพยักหน้าเบาๆ ให้กับสวี่ชีอัน
โชคดีที่มีฆ้องทองแดงผู้นี้คอยไกล่เกลี่ย จึงทำให้เรื่องไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นถอยหลังกลับไม่ได้
สวีหู่เฉินนำกองทัพมาก่อเรื่องเพราะต้องการผลลัพธ์เดียวเท่านั้น หรือพูดอีกอย่างคือต้องการเพียงคำรับรองประโยคเดียว เพราะกลัวว่าผู้ตรวจการจากเมืองหลวงจะใส่ร้ายผู้บัญชาการเพื่อทำผลงาน
ตอนนี้ผู้ตรวจการได้ให้คำมั่นแล้วว่าหากคดียังอยู่ในการพิจารณา ผู้บัญชาการจะยังไม่มีความผิด
ผลลัพธ์เช่นนี้ดีมากจริงๆ
จากนั้นผู้ตรวจการจางก็เอ่ยปลอบโยนอย่างสงบนิ่งและแสดงท่าทีสุภาพน่าเคารพออกมา สิ่งนี้ทำให้สวีหู่เฉินคิดไม่ถึง
คนไร้การศึกษาก็มักจะเป็นเช่นนี้ ยามรบราฆ่าฟันก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว แต่เมื่อมีใครมาเอ่ยถามไถ่ทุกข์สุข พวกเขาก็จะรู้สึกซาบซึ้งและไม่มีท่าทีดุร้าย
โดยเฉพาะเมื่อเป็นขุนนางชั้นสูงอย่างผู้ตรวจการ
ผลลัพธ์สุดท้ายนี้ทำให้ทุกคนพึงพอใจ สวีหู่เฉินหันไปอธิบายกับทหารทุกคนแล้ว ผู้ตรวจการจางจึงแก้ไขการใช้กำลังบีบคั้นครั้งนี้ได้โดยไม่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง