บทที่ 227 จดหมายตอบกลับของเหล่าตัวสำรอง (2)
สุดท้ายยังมีจดหมายอีกสองฉบับ เขาหวนนึกถึงเหล่าตัวสำรองที่ตัวเองดูแล ฉู่ไฉ่เวย ฮว๋ายชิ่ง และหลินอัน
เห็นได้ชัดว่ามีสามคน โอ้ ไม่นะ เด็กน้อยสามคน เหตุใดถึงมีจดหมายตอบกลับเพียงแค่สองฉบับ
สวี่ชีอันโกรธเล็กน้อยพลางคิดในใจว่าใครไม่ตอบจดหมายข้า เป็นเพราะทักษะการเลี้ยงเด็กของข้าไม่ดีพอหรือฉมวกของราชาแห่งท้องทะเลปักไม่แม่นยำพอ
เขาสุ่มเลือกจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับและเปิดอ่าน
‘เจ้าสุนัขรับใช้
คดีที่อวิ๋นโจวจะจบเมื่อใด ข้าไม่ได้คิดถึงเจ้าหรอกนะ เพียงแค่รู้สึกว่าเทศกาลไหว้วสันต์ใกล้เข้ามาแล้ว ทหารรักษาพระองค์หลายคนก็หยุดกลับบ้าน ข้างกายข้าจึงมีข้ารับใช้ที่ใช้การได้เพียงไม่กี่คน’
เปิดมาประโยคแรก ความเอาแต่ใจและหยิ่งยโสของยายตัวร้ายก็พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้าของเขาแล้ว
องค์หญิงยังจะขาดทหารรักษาพระองค์อีกหรือ…อืม ยายตัวร้ายยังจำได้ว่าต้องตอบจดหมายข้า ไม่เลวๆ…สวี่ชีอันอ่านต่อ
‘หมากเรียงห้าตัวที่เจ้าคิดค้นขึ้นมาโด่งดังไปทั่วด้วยน้ำมือของข้า ทุกคนต่างชื่นชมข้าว่าเป็นหญิงงามจิตใจดีและฉลาด แม้แต่ฮว๋ายชิ่งผู้น่ารำคาญก็ชื่นชมยินดีกับข้าอย่างจริงใจเช่นกัน นางหมอบลงกับพื้นและพูดกับข้าเป็นการส่วนตัวว่า หลินอันฉลาดกว่าข้ามาก ฮว๋ายชิ่งยอมรับความพ่ายแพ้จากใจจริง แต่เรื่องแบบนี้นางคงไม่ยอมรับแน่นอน ข้าพลั้งปากบอกเจ้า เจ้าก็อย่าจำไว้ในใจล่ะ ฮว๋ายชิ่งเป็นองค์หญิง เหลือหน้าเหลือตาไว้ให้นางหน่อย ข้าก็ไม่อยากเอาเปรียบเจ้า เทศกาลไหว้วสันต์กำลังใกล้เข้ามา เสด็จพ่อจะมอบเครื่องหยกเงินทอง ผ้าไหมและเครื่องประดับให้แก่ข้า เมื่อเจ้ากลับมา เจ้าก็ไปเลือกสักสองสามชิ้นที่ห้องเก็บของของข้าได้ตามต้องการ’
ฮ่าๆๆ หลินอันเด็กโง่ ข้าหลอกนางว่าอารองยืมเงินไปทั่วเพื่อส่งข้าไปฝึกวิทยายุทธ์และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก นางคิดว่าเป็นเรื่องจริงและมอบเงินให้ข้าด้วยวิธีต่างๆ ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก…โปรดรักษาต่อไป
สวี่ชีอันยิ้มอย่างมีความสุข
‘เกิดอะไรขึ้นกับผงปรุงรสไก่นั่น เจ้าเป็นคนคิดค้นขึ้นมาไม่ใช่หรือ เหตุใดผู้คนข้างนอกถึงเล่าลือกันว่าฉู่ไฉ่เวยแห่งสำนักโหราจารย์เป็นผู้คิดค้น ข้าโกรธมาก ถึงขั้นวิ่งไปโวยวายที่สำนักโหราจารย์รอบหนึ่ง โหรชุดขาวแห่งสำนักโหราจารย์ไม่กล้าลงมือกับข้าจึงวิ่งแจ้นไปฟ้องเสด็จพ่อ ข้าถูกเสด็จพ่อดุอย่างหนัก รอเจ้ากลับมา ข้าจะพาเจ้าไปทวงความยุติธรรม’
เอ่อ…ความจริงแล้วผงปรุงรสไก่เป็นสิ่งที่ไฉ่เวยทำออกมาจริงๆ ข้าเพียงแค่ให้แนวคิด อืม นางต้องการใช้ผงปรุงรสไก่กระชับบุคลิกของนักเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งเรื่องนี้นางก็เคยบอกข้าแล้ว
สวี่ชีอันซาบซึ้งใจเล็กน้อย ยายตัวร้ายยังคงให้ท้ายเขาอยู่มาก
เขายัดจดหมายของหลินอันกลับเข้าไปในซองจดหมาย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเปิดจดหมายฉบับสุดท้าย
ฮว๋ายชิ่งกับไฉ่เวย พวกเจ้าสองคนใครเป็นคนทรยศกันแน่ ตอนนี้จะได้เห็นผลแล้ว
‘ฆ้องทองแดงสวี่
สภาพแวดล้อมในอวิ๋นโจวนั้นซับซ้อน การโจรกรรมก็มีมานานแล้ว พรรคฉีกับสำนักพ่อมดวางแผนอย่างลับๆ มาหลายปี พวกเขาคงสั่งสมอำนาจที่อวิ๋นโจวไว้ไม่น้อย จำไว้ว่าจงประพฤติตนอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจะมีทหารระดับสี่เจียงลวี่จงอยู่ด้วยก็ไม่ได้ปลอดภัยนัก หากล็อกเป้าหมายแล้วต้องใช้ความเร็วปานสายฟ้าจับเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีเวลาโต้ตอบ ข้าเดาว่าเว่ยกงแอบวางแผนไว้ แต่น่าจะไม่ได้พบกับเจ้า บางทีผู้ตรวจการจางอาจจะรู้หรืออาจจะไม่รู้ แม้ว่าเจ้าจะวินิจฉัยคดีราวกับเทพ แต่อย่างไรเสียศักยภาพของเจ้าก็มีขีดจำกัด โปรดอย่าเคลื่อนไหวเพียงผู้เดียว’
จดหมายเป็นของฮว๋ายชิ่ง
ความรู้สึกของสวี่ชีอันซับซ้อนมาก เขาทั้งผิดหวังทั้งมีความสุข ผิดหวังที่แม่หญิงตาโตผู้ทรงเสน่ห์เป็นหญิงชั่ว เสียแรงที่ทุ่มเทและรับนางเข้าไปในบ่อปลา แต่นางกลับใจจืดใจดำเช่นนี้
เขามีความสุขที่ฮว๋ายชิ่งไม่ได้เป็นหญิงชั่ว และในใจยังคงนึกถึงฆ้องทองแดงคนนี้
คนนั้นก็ลูก คนนี้ก็ลูก เมื่อเผชิญกับบทสรุปเช่นนี้ สวี่ชีอันก็ทั้งสุขและทุกข์ปนๆ กัน
“ฮว๋ายชิ่งช่างน่ากลัวจริงๆ ไหวพริบของนางสูงเกินไป…ไม่ ไม่ใช่แค่ไหวพริบ ยังมีการวิเคราะห์สถานการณ์และควบคุมจิตใจคนอีก แม้แต่ความคิดของเว่ยกงนางก็รู้…จบสิ้นแล้ว หลังจากนี้หากทำเรื่องเหลวไหลคงถูกจับได้โดยง่าย”
ดูเหมือนว่าองค์หญิงฮว๋ายชิ่งจะเป็นลูกศิษย์ครึ่งหนึ่งของเว่ยเยวียน นางจะมีความสามารถนี้ก็ไม่แปลก…สวี่ชีอันหรี่ตาและอ่านจดหมายต่อ
‘ไม่กี่วันก่อน ไฉ่เวยมารับประทานอาหารที่พระราชอุทยานของข้า นางเอ่ยถึงเจ้าตอนที่คุยเล่นกัน นางบอกว่าช่วงนี้นางกังวลว่าจะตอบจดหมายเจ้าอย่างไร เพราะนางไม่ชอบเรียนหนังสือ จึงกลัวว่าหากเขียนไม่ดีจะทำให้เจ้าหัวเราะเยาะ และนางยังบอกอีกว่าสวี่หนิงเยี่ยนมีใจจริงๆ เขาส่งกลีบบัวแดงจากชิงโจวมาให้ข้า และบอกว่าข้างดงามเหมือนกับบัวแดง ตอนไฉ่เวยคุยกับข้า นางมีรอยยิ้มที่หางตากับคิ้ว…ข้าจึงบอกกับไฉ่เวยว่า ข้าจะเขียนจดหมายตอบกลับแทนเจ้าเอง นางตกลงด้วยความยินดี อ้อ ใต้เท้าสวี่ช่างมีเสน่ห์น่าหลงใหล ดอกไม้หนึ่งดอกมอบให้คนสองคน คำพูดก็แตกต่างกัน แต่ก็อธิบายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ข้าเลื่อมใสนัก’
สวี่ชีอันอ่านจดหมายด้วยสีหน้าตะลึงงัน
“เจ้าเป็นอะไรไป” หยางเชียนฮ่วนถาม
“จบสิ้นแล้ว…” คนไร้ประโยชน์สวี่หน้าแดงก่ำ เขาละอายใจจนอยากกระโดดลงไปในคลองและว่ายน้ำกลับไปที่เมืองไป๋ตี้
บัดซบ ลืมไปว่าฉู่ไฉ่เวยเป็นสาวน้อยที่ยังไม่รู้จักความรักและนางก็มีความสัมพันธ์อันดีกับฮว๋ายชิ่ง จึงแบ่งปันเรื่องนี้กับสหายสนิทโดยปราศจากอุปสรรคทางใจ เดิมทีฮว๋ายชิ่งมีอคติกับข้า ตอนออกจากเมืองหลวงนางก็ไม่ยอมมาพบข้า มาตอนนี้แม่นางไฉ่เวยยังขโมยบ้านอีก…ฮว๋ายชิ่งต้องติดฉลากผู้ชายเจ้าชู้ให้ข้าแน่ สวี่ชีอันใบหน้าแดงก่ำด้วยความละอายใจ ข้าก็เป็นคนที่มีหน้ามีตา เจ้าทำเช่นนี้จะให้ข้ามีหน้ากลับไปเมืองหลวงได้อย่างไร…อ้อ ข้าตายแล้ว เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ขณะเดียวกันข้าก็รู้สึกโชคดีเพราะฮว๋ายชิ่งไม่เห็นจดหมายของยายตัวร้าย ฝูเซียงกับน้องสาวหลิงเยวี่ย สองคนหลังไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มีความเกี่ยวข้องกับฮว๋ายชิ่ง แม้ว่ายายตัวร้ายจะเป็นน้องสาวของนาง แต่ทั้งสองคนก็เปรียบเสมือนน้ำกับไฟ เป็นไปไม่ได้ที่จะแบ่งปันจดหมายลับในห้องส่วนตัวกัน การโอ้อวดยิ่งเป็นไปไม่ได้ ถึงยายตัวร้ายจะไร้เดียงสา แต่นางก็เป็นองค์หญิงที่เกิดในราชวงศ์เช่นกัน นางคงไม่โง่เอาจดหมายแบบนี้ไปพูดข้างนอก ยังดีที่ข้ารู้ว่าฉู่ไฉ่เวยเป็นคนหัวทึบ ข้าจึงไม่ได้หยอกล้อกับนาง สิ่งที่เล่าก็ล้วนเป็นอาหารเลิศรสระหว่างทาง…ข้าเกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น องค์หญิงฮว๋ายชิ่งไม่พอใจ แต่ก็ยังเขียนจดหมายมาเตือนข้า ถึงอย่างไรที่ข้าเขียนให้นางก็เป็นจดหมายรัก ส่วนที่เขียนให้ไฉ่เวยก็เป็นจดหมายธรรมดา หึๆ คิดไม่ถึงล่ะสิฮว๋ายชิ่ง เจ้าคิดว่าข้าอยู่ชั้นที่สอง แต่จริงๆ แล้วข้าอยู่ชั้นที่ห้า
“เป็นจดหมายที่ผู้ใดเขียนหรือ”
เมื่อเห็นว่าสวี่ชีอันอ่านจบในที่สุด หยางเชียนฮ่วนก็กลายเป็นคนช่างพูดอีกครั้ง
“จดหมายที่เพื่อนในเมืองหลวงส่งมา” สวี่ชีอันมีสีหน้าเรียบเฉย
“ของเพื่อนสนิทสินะ” หยางเชียนฮ่วนเอ่ย
สวี่ชีอันตื่นตัวขึ้นทันที “เจ้าแอบอ่านจดหมายของข้าหรือ”
หยางเชียนฮ่วนยิ้มเยาะ “ข้าหยางเชียนฮ่วนไม่ทำเรื่องสกปรกเช่นนี้หรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง