บทที่ 232-1 ขอฝ่าบาทโปรดพระราชทานความตายแก่กระหม่อม
หอเฮ่าชี่
หนานกงเชี่ยนโหรวและจางไคไท่กลับมาถึงที่ทำการปกครองก็เข้าไปยังหอเฮ่าชี่ทันที มีบุตรบุญธรรมเช่นหนานกงเชี่ยนโหรวเป็นคนนำทาง จึงไม่จำเป็นต้องนำความไปแจ้งก่อน พวกเขาสามารถขึ้นไปพบเว่ยเยวียนบนหอได้โดยตรง
เว่ยเยวียนยืนอยู่หน้าแผนที่ที่แขวนในแนวนอน สองมือไพล่หลัง หรี่ตา ไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว เขายืนในท่านี้มาครึ่งชั่วยามแล้ว
นี่คือภาพมุมสูงของพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด ในภาพแสดงให้เห็นกองบัญชาการของสำนักพ่อมด และตำแหน่งแว่นแคว้นต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แผนที่ประเภทนี้ขาดความละเอียดแม่นยำ สามารถดูมุมกว้างได้เพียงเลาๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้มีคุณค่าอะไร
แผนที่ที่ละเอียดแม่นยำมากกว่านี้ เป็นสิ่งลับที่ไม่ว่าอย่างไรทุกแคว้นก็ต้องการแย่งชิงและรักษาไว้ให้ได้
เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ตามด้วยเสียงของหนานกงเชี่ยนโหรวและจางไคไท่
“ท่านพ่อบุญธรรม”
“เว่ยกง”
เว่ยเยวียนไม่ได้หันมามอง แต่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ศพของสวี่ชีอันลอยอยู่ในคลองมาสิบกว่าวันแล้ว ไม่ควรทิ้งไว้นาน…ให้ญาติของเขานำไปฝังโดยเร็วที่สุด”
หากตั้งใจฟังอย่างละเอียด ในน้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นมีความเสียใจเจืออยู่
หนานกงเชี่ยนโหรวรู้ดีว่าทำไมท่านพ่อบุญธรรมจึงไม่ยอมมองศพของสวี่ชีอัน ท่านพ่อบุญธรรมเป็นผู้กุมอำนาจ เป็นนักวางแผน จิตใจของเขาควรจะเข้มแข็ง เย็นชา มีเพียงคนที่เย็นชาไร้ความปรานีเท่านั้นจึงจะสามารถเป็นผู้ไร้เทียมทาน
เว่ยเยวียนควรจะเป็นผู้ที่ไร้เทียมทาน ไม่ถูกควบคุมด้วยอารมณ์
หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลในที่ทำการ หรือแม้แต่คนภายนอก ล้วนหวังว่าเว่ยเยวียนจะเป็นคนเช่นนั้น
“ท่านพ่อบุญธรรม…” หนานกงเชี่ยนโหรวกระแอม แล้วพูดว่า “สวี่ชีอัน ยังไม่ตายขอรับ”
เว่ยเยวียนหันกลับมาทันที เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จนเสื้อคลุมยาวสีครามของเขาสะบัดตาม
ขณะนี้ทั้งสีหน้าและแววตาของขันทีใหญ่ล้วนดูซับซ้อน ทั้งตะลึงงัน ไม่เข้าใจ ดีใจและมีความหวัง….หนาน
กงเชี่ยนโหรวไม่เคยเห็นอารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้บนใบหน้าของท่านพ่อบุญธรรมมาก่อน
แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว ขันทีใหญ่ก็หวนคืนท่าทีสุขุม ค่อยๆ เดินไปนั่งลงข้างโต๊ะ แล้วถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเคร่งขรึมว่า
“เกิดอะไรขึ้น”
หนานกงเชี่ยนโหรวจึงนำคำพูดที่สวี่ชีอันฝากมา เล่าต่อให้เขาฟัง
เว่ยเยวียนฟังอย่างเงียบๆ จนจบ แล้วพูดทันทีว่า “ให้เขารีบมาพบข้า”
หนานกงเชี่ยนโหรวพยักหน้า แล้วมองไปที่ภาพมุมสูงของพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแผ่นใหญ่นั้น “เรื่องสายลับนั่น…”
‘สวี่ชีอันฟื้นคืนชีพแล้ว สำนักพ่อมดยังต้องกวาดล้างหรือไม่’
“ทำการกวาดล้างสำนักพ่อมดหลังจากการเก็บเกี่ยวสารทฤดู แผนการไม่เปลี่ยนแปลง” สีหน้าของ เว่ยเยวียนเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง
หนานกงเชี่ยนโหรวและจางไคไท่กล่าวลา คนแรกตั้งใจจะไปจวนสกุลสวี่อีกครั้ง แต่ทันทีที่พวกเขาออกจากที่ทำการปกครอง ก็พบกับสวี่ชีอันที่ควบม้าเข้ามา
“เจ้าช่างรู้เวลาจริงๆ” หนานกงเชี่ยนโหรวกล่าวชมเชยด้วยความประหลาดใจ “ใครไม่รู้คงจะคิดว่าท่านพ่อบุญธรรมรับบุตรบุญธรรมเพิ่มอีกคนหนึ่งเป็นแน่”
สวี่ชีอันเหน็บแนมกลับด้วยความชิงชังว่า “เป็นคนจัดเจนน่ะ”
หนานกงเชี่ยนโหรวเดือดดาลขึ้นมาทันที เข้าใจผิดคิดว่าสวี่ชีอันกำลังเย้ยหยันท่าทางเหมือนผู้หญิงของเขา คิ้วกิ่งหลิวขมวดตั้ง “ทำไมเจ้าถึงไม่ตายที่อวิ๋นโจวไปซะ”
ทันทีที่พูดจบ ในสมองของสวี่ชีอันก็จับภาพภาพหนึ่งได้ทันที เป็นภาพที่หนานกงเชี่ยนโหรวยกมือขวาขึ้น เหวี่ยงแขนสะบัดมือลงมา…
สวี่ชีอันดวงดีและหัวไว จึงย่อตัวก้มหัวลง หลบฝ่ามือของหนานกงเชี่ยนโหรวได้อย่างหวุดหวิด แล้วหนีเข้าไปในที่ทำการปกครองอย่างรวดเร็ว
“ขี้เกียจจะเถียงกับคนไม่เอาไหนเช่นเจ้า ข้าไปพบเว่ยกงก่อนล่ะ”
ต่อหน้าฆ้องทองคำระดับสี่ แสดงฝีมือได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น ขืนยังไม่หนี มีหวังโดนทุบแหลกคาพื้นแน่
หนานกงเชี่ยนโหรวมองตามหลังเขาไปด้วยความงุนงงเล็กน้อย จากนั้นก้มศีรษะลงมองมือของตน… ‘หลบได้หรือ’
ระดับหลอมวิญญาณนั้นไวต่อการรับรู้ถึงอันตรายอย่างยิ่ง และสามารถสังเกตเห็นความอาฆาตแค้น และการซุ่มโจมตีรอบกายได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะปิดตาก็ยังสามารถเข่นฆ่าท่ามกลางกองทัพที่ตะลุมบอนได้ เมื่อทหารบำเพ็ญถึงระดับหลอมวิญญาณแล้ว พลังการต่อสู้ของเขาก็จะไปถึงจุดสูงสุดจุดหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ด้วยการบำเพ็ญในระดับสี่ของหนานกงเชี่ยนโหรว แม้เขาจะออมมือ แต่กว่าทหารระดับหลอมวิญญาณจะหาทางหลบเลี่ยงอันตรายที่เข้า ฝ่ามือของเขาก็น่าจะฟาดเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างง่ายดายไปแล้วสิ ‘เป็นไปได้อย่างไรกัน…’ หนานกงเชี่ยนโหรวขมวดคิ้วเรียวงามเล็กน้อย
…
สวี่ชีอันพบกับแววตาประหลาดใจมาตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลหรือเจ้าพนักงานก็ดี ทุกคนต่างจ้องมองเขาอย่างตกตะลึงพรึงเพริด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง