ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 232

บทที่ 232-2 ขอฝ่าบาทโปรดพระราชทานความตายแก่กระหม่อม

เรื่องนี้… สวี่ชีอันหรี่ตาเล็กน้อย ในที่สุดก็เข้าใจความหมายของเว่ยเยวียนแล้ว ท่านโหราจารย์มีศิษย์เพียงห้าคน แต่ฉู่ไฉ่เวยกลับเป็นศิษย์คนที่หก แล้วอีกคนเป็นใครกัน

คนคนนั้นไปไหน

หยางเชียนฮ่วนเป็นศิษย์คนที่สาม ซ่งชิงเป็นศิษย์คนที่สี่และฉู่ไฉ่เวยเป็นศิษย์คนที่หก… ซุนเสวียนจีคนนั้นไม่รู้ว่าเป็นศิษย์คนที่เท่าไร

“ซุนเสวียนจี เป็นศิษย์คนที่สอง” เว่ยเยวียนกล่าว

“ถ้าเช่นนั้น ศิษย์คนโตและศิษย์ที่ห้ายังไม่แน่ชัด” สวี่ชีอันพูด

ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันต่อชั่วขณะหนึ่ง ห้องน้ำชาจึงตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่

เมื่อชาหมดลง เว่ยเยวียนกล่าวต่อว่า “เจ้าฟื้นผิดเวลาจริงๆ”

“ทำไมเว่ยกงจึงพูดเช่นนี้” สวี่ชีอันไม่เข้าใจ

“จางสิงอิงยื่นหนังสือต่อเบื้องบนเพื่อกราบบังคมทูล หวังว่าราชสำนักจะปูนบำเหน็จให้เจ้า หลังจากที่ฝ่าบาททรงหารือกับทุกคนแล้ว ก็ทรงแต่งตั้งเจ้าให้ดำรงตำแหน่งจื่อ[1]แห่งอำเภอฉางเล่อ อีกไม่กี่วันพระราชโองการก็คงจะมาถึง”

เว่ยเยวียนพูดอย่างจนใจว่า “แต่ในเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ถ้าสำนักราชเลขาธิการต้องการจะเพิกถอนพระราชโองการ แต่ฝ่าบาทก็คงจะตามน้ำไป”

“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ขอแค่เงินที่ควรพระราชทานให้ข้ายังอยู่ ข้าก็ไม่มีปัญหา” สวี่ชีอันยักไหล่ไม่สนใจ

ตำแหน่งจื่อแห่งอำเภอฉางเล่อ น่าจะเป็นตำแหน่งบรรดาศักดิ์จื่อ ฟังแล้วเหมือนตำแหน่งน้องชาย… ไม่สิ ตำแหน่งลูกชาย

ต่อไปเมื่อพบกับขุนนางที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในอำเภอฉางเล่อ เวลาทุกคนแนะนำตัวกัน อีกฝ่ายก็จะพูดว่า สวัสดี ข้าคือ xxx แห่งอำเภอฉางเล่อ

สวี่ชีอันก็จะต้องพูดว่า ‘ข้าคือจื่อแห่งอำเภอฉางเล่อ’

ผู้ไม่เข้าใจก็อาจจะคิดว่าข้าเป็นลูกของใครสักคน

เว่ยเยวียนเหลือบมองเขา “เงินทองเป็นของนอกกาย เงินจะเปรียบกับคุณค่าของบรรดาศักดิ์ได้อย่างไร ถึงแม้เจ้าจะเป็นฆ้องเงิน ในมือมีทั้งอำนาจและอิทธิพล แต่ฐานะของเจ้าก็ยังไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้”

“มีเพียงบรรดาศักดิ์เท่านั้น ที่ทำให้เจ้าหลุดพ้นจากสถานะชาวบ้านได้ เป็นเหมือนหนังสือรับรองการเป็นผู้มีตำแหน่งและอำนาจในราชวงศ์ หากเจ้าได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ สกุลสวี่ก็จะไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา แต่เป็นตระกูลชั้นสูงเรืองอำนาจ”

“ต่อไปถ้าแต่งงาน หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ก็จะไม่มีคุณสมบัติที่จะแต่งงานกับเจ้า จะต้องเป็นบุตรีของตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลเท่านั้นจึงจะคู่ควรกับเจ้า”

“สามารถแต่งงานกับองค์หญิงได้หรือไม่” สวี่ชีอันกระซิบถาม

…เว่ยเยวียนพยักหน้า “ตามหลักการแล้วทำได้”

องค์หญิงไม่สามารถแต่งงานกับสามัญชนได้ พระสวามีในอนาคต จะต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งและอำนาจ แม้ว่าบรรดาศักดิ์จื่อจะไม่สูงส่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นตำแหน่งบรรดาศักดิ์

“ไม่รู้ทำไม ฝ่าบาทจึงไม่ทรงโปรดเจ้า หากพระองค์ไม่ทรงเห็นด้วย ใครก็ทำอะไรไม่ได้” หลังจากเว่ยเยวียนพูดจบ ก็หัวเราะ

“โชคดีที่เจ้าไม่ใช่คนที่ไร้ค่าเสียทีเดียว ยังพอมีโอกาส”

เว่ยกงกำลังสั่งสอนข้า

“หลายวันก่อน เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในวัง พระสนมฝูสิ้นพระชนม์กะทันหัน โดยตกลงมาจากหอเก๋งในลักษณะที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เวลานั้นในพระตำหนักมีเพียงองค์รัชทายาทอยู่เพียงพระองค์เดียว อีกทั้งยังทรงเมามายอยู่ด้วย คดีนี้ยุ่งยากมาก ทั้งเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของราชวงศ์ ทั้งยังพัวพันกับการปลดและแต่งตั้งองค์รัชทายาทด้วย ตุลาการทั้งสามฝ่ายต่างไม่เต็มใจที่จะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ คงไม่เป็นการดีต่อการจัดการคดีอย่างแน่นอน”

…โอ้แม่เจ้า องค์รัชทายาททรงข่มเหงพระสนมของจักรพรรดิหรือ

สวี่ชีอันรีบส่ายหัว “เว่ยกง นี่ท่านกำลังทำร้ายข้าอยู่ใช่หรือไม่ เรื่องอื้อฉาวในราชวงศ์ ข้าจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร”

“ไม่เป็นไร” เว่ยเยวียนโบกมือไปมาแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ขุนนางแม่ทัพทุกคนรู้กันทั่วหมดแล้ว เจ้ารู้เพิ่มอีกสักคนจะเป็นไร เจ้าสืบสวนได้จะดีที่สุด แต่ถ้าสืบสวนไม่พบ ก็แค่ละทิ้งไป”

“ถ้าไม่มีความสามารถพอ อย่างมากก็แค่ถูกลงโทษนิดหน่อย แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่โปรดเจ้า แต่หากไม่ได้ทำความผิดใหญ่หลวง มีบรรดาศักดิ์จื่อคุ้มหัวอยู่ ใช่ว่าคิดจะตัดหัวก็ตัดได้เหล่าขุนนางผู้มีอำนาจไม่มีวันเห็นด้วยแน่นอน”

เข้าใจแล้ว ความหมายของเว่ยกงก็คือ ถ้าจักรพรรดิทรงเพิกถอนพระราชโองการที่ทรงแต่งตั้งข้า ต่อไปหากมีพระประงสงค์จะใช้งานข้า ข้าก็จะแสร้งทำเป็นถึงตายก็ไม่ยอมรับ ต้องหลอกล่อให้จักรพรรดิหยวนจิ่งทรงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้ข้าเสียก่อน จากนั้นค่อยถอนตัวด้วยเหตุผลว่ามีความสามารถไม่พอ ถึงเวลานั้นอย่างมากก็แค่ถูกลงโทษนิดหน่อย แต่ก็ได้บรรดาศักดิ์มาอยู่ดี เว่ยกงนี่ช่าง…ฉลาด เจ้าแผนการ (ร้ายลึก) นัก

“องค์รัชทายาทเป็นพระเชษฐาร่วมพระมารดาของหลินอัน” สวี่ชีอันนึกถึงปลาสวยงามเจ้าอารมณ์ที่ตัวเองเลี้ยงไว้ขึ้นมาทันที

เวลานี้ราชินีน้อยแห่งไนต์คลับคงกำลังโศกเศร้าและทำอะไรไม่ถูกอยู่แน่เลย

“เจ้ากับองค์หญิงหลินอันไม่มีเรื่องหมางใจกันใช่ไหม” เว่ยเยวียนหรี่ตา พินิจพิเคราะห์เขาอย่างละเอียด

“ไม่มีๆ” สวี่ชีอันรีบส่ายหัว

เว่ยเยวียนพยักหน้าอย่างวางใจ

วันรุ่งขึ้น ห้องทรงพระอักษร

“เวลาสามวันผ่านไป คำตอบที่พวกเจ้าให้ข้าคือประโยคที่ว่า ‘คดีซับซ้อนและมีข้อสงสัยมากมาย โปรดทรงเมตตาผ่อนผันอีกสองสามวันหรือ’ ”

จักรพรรดิหยวนจิ่งทรงใช้หนังสือหลายเล่มทุบตีขุนนางชั้นผู้ใหญ่สามท่าน

หนังสือที่ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลต้าหลี่ เจ้ากรมกรมอาญาและเว่ยเยวียนส่งมา เหมือนกันอย่างน่าประหลาด ราวกับลอกการบ้านกัน แถมยังลอกคำตอบที่ผิดมาอีก

จักรพรรดิหยวนจิ่งทรงตบโต๊ะด้วยความกริ้ว

เจ้ากรมกรมอาญากล่าวอย่างละอายว่า “ฝ่าบาท คดีนี้มีประเด็นน่าสงสัยมากมาย ชวนให้หลงทาง กระหม่อมได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาทโปรดให้เวลาอีกสองสามวันด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลต้าหลี่กล่าวว่า “กระหม่อมไร้ความสามารถ จึงขอเกษียณอายุกลับบ้านเกิดพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกเจ้า…” จักรพรรดิหยวนจิ่งเหวี่ยงพระหัตถ์ กวาดหนังสือ พู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกบนโต๊ะตกลงบนพื้น ทรงพิโรธจนพระวรกายสั่นสะท้าน

“ข้าจะตัดหัวพวกเจ้าทุกคน”

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามคนคุกเข่าลงทันที ร้องเสียงดังพร้อมกันว่า “กระหม่อมถึงตายก็ไม่เสียดาย ขอพระองค์ทรงรักษาพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

นี่มีการซ้อมบทกันมาก่อนหรือ

จักรพรรดิหยวนจิ่งทรงกริ้วหนักยิ่งขึ้น

ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งต่างพากันก้มหน้าก้มตา เหล่าขุนนางใกล้ชิดที่ชอบเถียงกับเว่ยเยวียนมาตลอดต่างก็ไม่พูดจา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง