บทที่ 250 ความจริง
ตามคาด ชายที่ทำให้ฮองเฮาให้ความสำคัญเช่นนี้ยอมถูกส่งเข้าตำหนักเย็นก็ต้องปกป้อง ฮว๋ายชิ่งในฐานะลูกสาวไม่น่าจะไม่มีเบาะแสอะไร
หากข้าเป็นโฮมส์ ฮว๋ายชิ่งเจ้าก็เป็นวัตสัน…สวี่ชีอันพยักหน้าแล้วไต่ถาม “เป็นใคร? ”
ฮว๋ายชิ่งเดิมก็ใบหน้าเย็นชาอยู่แล้ว ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร น้ำเสียงก็เฉื่อยเนือยเหินห่าง พ่นออกมาคำหนึ่ง “ท่านน้า”
‘ท่านน้า’ คำนี้ราวกับเป็นกุญแจไขปริศนาทำให้สวี่ชีอันกระจ่างแจ้งในทันที เชื่อมเบาะแสทั้งหมดเข้าด้วยกัน ในที่สุดก็คลายปมคดีของพระสนมฝูออกแล้ว
“ท่านน้าผู้นี้คงเป็นน้องชายไม่ก็พี่ชายของฮองเฮา” สวี่ชีอันส่งเสียงจิบปาก
ก็มีเพียงพี่น้องร่วมบิดามารดาที่จะทำให้ฮองเฮายอมแบกรับข้อกล่าวหาเพื่อปกป้องเขา
องค์หญิงฮว๋ายชิ่งพยักหน้าเล็กน้อย “ท่านน้าเป็นน้องชายของเสด็จแม่ ลูกหลานผู้ดีที่ดื่มด่ำกับสุราเคล้านารี ไร้ความรู้ความสามารถ ลุ่มหลงในความงาม สาวใช้ของตำหนักเฟิ่งฉีล้วนเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่เขาไปเยี่ยมเยียนฮองเฮา จะแอบลวนลามพวกนางเสมอ”
ในถ้อยคำพูดราวกับเกลียดชังและเฉยชาต่อท่านน้าผู้นั้นยิ่งนัก
“ตอนนี้ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง สมัยก่อนท่านน้าจะเข้าไปเยี่ยมเยียนเสด็จแม่ในตำหนักเป็นครั้งครา ทว่าไม่กี่ปีก่อนจู่ๆ ก็ไม่มาอีกเลย เมื่อกลับมามองปัจจุบันอีกครั้งจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น”
นอกเสียจากราชวงศ์แล้ว ครอบครัวของฮองเฮา หวงกุ้ยเฟย และกุ้ยเฟยก็สามารถเข้ามาเยี่ยมเยียนพวกนางในวังได้ เพียงต้องแจ้งในวังล่วงหน้า
สวี่ชีอันนั่งยองบนพื้น สองมือจุ่มลงถังน้ำ แหงนหน้าขึ้นประมาณสี่สิบห้าองศาพร้อมพึมพำ
“สาวใช้หวงเสี่ยวโหรวถูกท่านน้ากระทำชำเราและได้ตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงปลงตกคิดฆ่าตัวตาย ทว่าคนที่ฮองเฮาจัดมาให้อยู่ข้างกายนางมาพบได้ทันเวลา จึงช่วยชีวิตนางไว้ได้…ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น”
ในทางกลับกันฮว๋ายชิ่งก้มมองปลายเท้าพร้อมเอ่ยเสียงเบา “เจ้าพูดว่านางเคยคลอดลูกมิใช่หรือ เช่นนั้นแท้งล่ะ ไม่ใช่ว่าการแท้งจะ…ปากมดลูกปิดหรือ สาวใช้ตั้งครรภ์มิอาจซ่อนได้ ทว่าในเมื่อหวงเสี่ยวโหรวผ่านมาได้จนถึงตอนนี้ เช่นนั้นก็แสดงว่าเด็กยังไม่ได้คลอด”
สวี่ชีอันส่งเสียง ‘อืม’ “3-4 เดือนก็มีผิวแตกลายแล้ว หลังจากแท้งปากมดลูกก็จะปิด ข้ามีแนวโน้มว่าฮองเฮาจะทำแท้งเด็กไปแล้วมากกว่า เพราะเด็กมิอาจถือกำเนิดได้ มิเช่นนั้นท่านน้าก็จบสิ้นแล้ว”
ฮว๋ายชิ่งพยักหน้า “ดังนั้นสาวใช้หวงเสี่ยวโหรวแค้นเคืองอยู่ในใจ จึงร่วมมือกับผู้บงการ ภายนอกใส่ความองค์รัชทายาท แต่ความเป็นจริงลอบมุ่งไปที่ฮองเฮาและเว่ยกงงั้นหรือ”
“หากเป็นแบบนี้ เช่นนั้นหวงเสี่ยวโหรวเรียกได้ว่าเกลียดฮองเฮาเข้ากระดูกดำ อืม ก็จริง ความแค้นที่ฆ่าลูกสินะ แต่ข้าคิดว่าไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น”
“เจ้าอยากถามอะไร”
“องค์หญิงปราดเปรื่องจริงๆ…เหตุใดฮองเฮาจึงไม่ฆ่าหวงเสี่ยวโหรวล่ะ เช่นนี้ทุกอย่างก็จบแล้ว”
“เสด็จแม่ช่างใจอ่อนจริงๆ ” ฮว๋ายชิ่งส่ายหน้าด้วยความเสียดาย เมื่อมองสีหน้าของนางราวกับเวทนาในชะตากรรมและขุ่นเคืองที่ไม่ลุกสู้
ดูท่าทางฮองเฮาจะเป็นสตรีขี้ใจอ่อน…หากเป็นฮว๋ายชิ่ง คาดว่าตอนนั้นคงฆ่าหวงเสี่ยวโหรวแล้ว จะได้ไม่เกิดหายนะภายหลัง…ฮว๋ายชิ่งเป็นสตรีที่กระทำการใหญ่ให้สำเร็จได้ จุดนี้ข้ายืนยันได้ สวี่ชีอันยกมือคิดจะลูบคาง แต่ยกไปได้ครึ่งทางก็ชะงัก จุ่มมือลงถังน้ำใหม่อีกครั้งพลางเอ่ย
“คดีนั้นก็แจ่มแจ้งแล้ว ฮองเฮาจะต้องสนใจคดีพระสนมฝูอยู่เป็นแน่ เมื่อนางพบว่าผู้ที่สังหารพระสนมฝูคือหวงเสี่ยวโหรว วันนั้นข้าไปพบนางเพื่อซักถาม นางก็รู้ว่าคนบงการวางแผนใช้ท่านน้าเพื่อจัดการนาง นี่เป็นกลยุทธ์เปิด หากไม่เสียสละชีวิตท่านน้าก็ต้องสละชีวิตตนเอง ทว่าย้อนกลับมาพูด ฮองเฮาช่างเป็นคนโอ๋น้องชายเสเพลผู้นี้เสียจริง”
ฮว๋ายชิ่งขมวดคิ้ว “โอ๋…พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
“เพื่อน้องชายไร้ประโยชน์แล้ว ถึงกับยอมถูกส่งเข้าตำหนักเย็น หากวันหนึ่งนางถูกปลด องค์ชายสี่ก็มิใช่ทายาท เช่นนั้นจะไร้วาสนากับตำแหน่งจักรพรรดิอย่างแท้จริง”
ฮว๋ายชิ่งชำเลืองมองเขา แล้วยิ้มเยาะ “ในวังหลัง เหล่านางสนมกับการอยู่ในตำหนักเย็นต่างกันอย่างไร”
“นี่ก็จริง” สายตาของสวี่ชีอันมุ่งไปที่ฮว๋ายชิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงแสดงความไม่พอใจจักรพรรดิหยวนจิ่งต่อหน้าเขา
“เสด็จแม่ไม่เคยสนใจเรื่องของวังหลัง นางก็ไม่ได้อาลัยในตำแหน่งฮองเฮา หากใช้ตำแหน่งฮองเฮาแลกชีวิตของท่านน้า นางจะต้องยินยอม ทว่า เสด็จพี่สี่จะต้องเกิดใจอาฆาตแค้นเป็นแน่”
“ดังนั้นองค์หญิงจึงจะให้องค์ชายสี่ออกห่างงั้นหรือ”
ฮว๋ายชิ่งพยักหน้า เอ่ยถามต่อ “ผ้าไหมสีเหลืองจะอธิบายว่าอย่างไร”
“ฤดูใบไม้ผลิหยวนจิ่งปีที่สามสิบเอ็ด น่าจะเป็นช่วงเวลาที่สาวใช้หวงเสี่ยวโหรวเสียบริสุทธิ์…ทว่ามีบางอย่างน่าประหลาด หวงเสี่ยวโหรวฆ่าตัวตายเมื่อสี่ปีก่อน แต่หยวนจิ่งปีที่สามสิบเอ็ดคือเมื่อห้าปีก่อน หยวนจิ่งปีที่สามสิบเอ็ดเพิ่งจะเริ่มต้น พวกเราอย่าเพิ่งนับ” สวี่ชีอันพลันขมวดคิ้ว
องค์หญิงฮว๋ายชิ่งเข้าใจความหมายของสวี่ชีอัน จึงเอ่ยด้วยเสียงกังวานไพเราะ “คำนวณตามเวลา คงฆ่าตัวตายหลังจากถูกบังคับให้ทำแท้ง หลังจากเสด็จแม่ทำแท้งทารกในครรภ์ของหวงเสี่ยวโหรว ก็จัดเตรียมให้เหอเอ๋อร์ดูแลนาง”
“ความจริงเป็นเช่นนี้ ตรงกับข้อสรุปที่พวกเราสืบสวนได้ ทว่าองค์หญิงไม่คิดว่าแปลกหรือ เมื่อครู่พระองค์ก็เพิ่งตรัสว่า การตั้งครรภ์และคลอดเด็กมิอาจซุกซ่อนในวังหลังได้ สาวใช้เช่นหวงเสี่ยวโหรว มีสิทธิ์อะไรกล้าทำเช่นนี้ เว้นเสียแต่ไม่เกรงกลัวเพราะมีคนหนุนหลัง”
“ไม่มีทางเป็นเสด็จพ่อ” ฮว๋ายชิ่งส่ายหน้า
เรื่องนี้สวี่ชีอันก็เห็นด้วย
ด้วยความโหยหาในอายุยืนของจักรพรรดิหยวนจิ่ง ยึดมั่นในการบำเพ็ญตบะ ไม่มีทางเสพสังวาสสาวใช้อย่างแน่นอน
“พวกเราไปถามท่านน้าผู้นี้กันเถอะ เอาแต่เดาส่งเดชไปก็ไม่มีความหมาย”
ข้อเสนอของสวี่ชีอันได้รับความเห็นชอบจากองค์หญิงฮว๋ายชิ่งแล้ว ราวกับนางก็กำลังตั้งใจเช่นนี้
ทั้งสองออกจากห้องน้ำแข็งทันที มองเห็นร่างของขันทีน้อยอยู่ไกลๆ เขายังไม่ได้จากไป
ขันทีน้อยผู้นี้ช่างซื่อสัตย์นัก…สวี่ชีอันเดินเข้าไปแล้วเอ่ย “ข้ากับองค์หญิงฮว๋ายชิ่งต้องออกนอกวังหน่อย เจ้าไปพักก่อนเถอะ เรื่องในวันนี้ อย่าเพิ่งรีบไปกราบบังคมทูลรายงานฝ่าบาท”
ขันทีน้อยมองเขาแล้วพูดอึกอัก
“มีอะไรเจ้าก็พูดมา อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง”
“ใต้เท้าสวี่ ข้าน้อยกลัวเล็กน้อย”
อย่ากลัวไปเลย ข้าจะทำตัวเงียบๆ…สวี่ชีอันหัวเราะร่า “วางใจได้ สิ่งที่ไม่ควรรู้ ข้าก็จะไม่ให้เจ้ารู้ เจ้าแค่เชื่อฟังก็พอ”
เป็นแบบนี้ขันทีน้อยก็ถอนหายใจโล่งอก “ท่านพูดเช่นนี้ข้าน้อยก็สบายใจหน่อย”
เดิมทีสวี่ชีอันคิดว่าจะได้ร่วมโดยสารรถม้าไปกับฮว๋ายชิ่ง นึกไม่ถึงว่าฮว๋ายชิ่งผู้ใจเหี้ยมไร้คุณธรรมจะให้ม้าพันธุ์ดีกับเขาตัวหนึ่ง
นั่งบนหลังม้าติดตามรถม้าขององค์หญิงเดินทางไปยังจวนของท่านน้า สวี่ชีอันนึกถึงแม่ม้าน้อยสุดที่รักของตนโดยไม่รู้ตัว
การลอบสังหารเมื่อวาน เขาไล่แม่ม้าน้อยไป หลังจากสังหารมือลอบสังหารกลับไปสามคนก็ไปพักรักษาที่ที่ทำการปกครองตลอดกระทั่งบัดนี้ เขายังคงไม่รู้ว่าแม่ม้าน้อยอยู่ที่ใด
ทว่า ตอนเช้าก่อนที่เขาจะเข้าวังก็ได้สั่งให้สหายร่วมราชการไปหาแม่ม้าน้อย
หน้าต่างรถม้าเปิดออก ฮว๋ายชิ่งโผล่หน้าออกมา ใบหน้าอันไร้ที่ติ จมูกตรงสวย ริมฝีปากแดงสดใส มุมปากประณีตประหนึ่งแกะสลัก นัยน์ตาสวยราวกับผืนน้ำสีใสวาวระยับ
“แม้เสด็จแม่จะรับโทษแทนท่านน้าจริงๆ ก็ยังคงหาผู้บงการไม่พบ” นางเอ่ยพร้อมทอดถอนใจ
สวี่ชีอันไม่ได้ตอบแต่ถามกลับ “สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจมากกว่าคือ เพราะเหตุใดผู้บงการจึงลงมือกับฮองเฮามาตลอดจนถึงตอนนี้”
ทั้งสองมองหน้ากันโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
…
จวนของท่านน้าอยู่ในเขตพระราชฐาน สวี่ชีอันกับองค์หญิงใหญ่มาถึงจวนของท่านน้า เมื่อถามทหารยามจึงรู้ว่าท่านน้าไม่อยู่ในเขตพระราชฐาน แต่อยู่บ้านเก่าที่เมืองชั้นใน
“ไปลองถามว่าท่านน้าย้ายไปบ้านเก่าตั้งแต่เมื่อไร” ฮว๋ายชิ่งเปิดหน้าต่างรถม้า สั่งทหารรักษาพระองค์ที่ติดตามมา
เมื่อทหารรักษาพระองค์ถามจบก็ตอบกลับ “วันนี้”
วันนี้? ยามที่ประชุมราชการวันนี้เมื่อเช้า จักรพรรดิหยวนจิ่งก็เสนอปลดฮองเฮา…สวี่ชีอันมองฮว๋ายชิ่งโดยไม่รู้ตัว พบว่าองค์หญิงใหญ่ก็มองเขาอยู่เช่นกัน
“ไปบ้านเก่าของสกุลซ่างกวน” องค์หญิงฮว๋ายชิ่งเอ่ยอย่างเย็นชา
รถม้าหรูที่สร้างจากไม้จินสื่อหนานค่อยๆ เคลื่อนออกจากเขตพระราชฐาน ใช้เวลาครึ่งชั่วยามกว่าจึงมาถึงบ้านของบรรพบุรุษสกุลซ่างกวน
เกินความคาดหมาย บ้านเก่าของสกุลซ่างกวนเป็นเรือนใหญ่สามส่วน ขนาดใหญ่กว่าคฤหาสน์ที่สวี่ชีอันซื้อไว้ไม่เท่าไร แน่นอนว่าในแง่ของความประณีตและความหรูหรากินขาดจวนสกุลสวี่แน่นอน
อีกทั้งที่นี่ก็มีทหารยามมากมาย
สวี่ชีอันถือโอกาสค่อยๆ หยุดรถม้า หนีบกระดาษวิชามองปราณที่เตรียมเอาไว้ระหว่างทางออกมาจากในอก ใช้พลังปราณจุดไฟ
รถม้าหยุดลงนอกจวนสกุลซ่างกวน ฮว๋ายชิ่งเหยียบเก้าอี้ตัวเล็กลงมา แล้วตรงเข้าไปในจวน ทหารรักษาพระองค์ตรงประตูทางเข้าไม่กล้าขวาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง