บทที่ 252 ไม่ได้โกหก
ตำหนักเส้าอิน
หลินอันมีพระอารมณ์ดีทีเดียว วันนี้หลังจากที่จักรพรรดิหยวนจิ่งทรงเสนอให้ปลดฮองเฮาในท้องพระโรง หลังจากวิพากษ์วิจารณ์อยู่เป็นเวลานาน วงราชการของต้าฟ่งแทบจะไม่มีใครไม่รู้เรื่องนี้
หลินอันซึ่งทรงประทับอยู่ในวังย่อมทรงได้ยินมาบ้างเป็นธรรมดา
องค์หญิงรองผู้ทรงฉลองพระองค์กระโปรงสีแดง ทรงฮัมเพลงประทับบนชิงช้าใต้ซุ้มต้นองุ่น ที่ใต้ฉลองพระองค์กระโปรง ฉลองพระบาทลายปักอันประณีตแกว่งไกวไปมาอย่างมีความสุข
พระองค์ทรงพระอารมณ์ดีนั้นก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล เพราะฮองเฮาทรงยอมรับว่าใส่ความองค์รัชทายาท และสังหารพระสนมฝู ถ้าเช่นนั้นเสด็จพี่องค์รัชทายาทก็จะได้ออกจากศาลต้าหลี่ในไม่ช้า
เสด็จแม่ก็ไม่ต้องทรงกันแสงเสียพระทัยทุกวัน
ยังมีอีก ยังมีอีก สุนัขรับใช้ก็รอดชีวิตกลับมาแล้ว ระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งปีที่ผ่านมา นับว่าโชคดีแท้ๆ
หลินอันทรงชอบชีวิตที่สุขสงบ
“เวลานี้ฮว๋ายชิ่งคงจะเศร้าเสียใจมาก หึ ใครใช้ให้ฮองเฮาทรงใส่ร้ายเสด็จพี่องค์รัชทายาทของข้าเล่า…อืม เห็นแก่ความอารมณ์ดีของข้า หลายวันนี้จะไม่ไปเหยียดหยามนางก็แล้วกัน”
หัวใจปีศาจกำลังเตรียมแผนร้าย แต่เมื่อคิดถึงว่าหมัดของฮว๋ายชิ่งนั้นใหญ่กว่าของตนเอง ยายตัวร้ายจึงทรงเลือกที่จะทำตามความปรารถนาของหัวใจ อีกสักพักค่อยไปหาเรื่องฮว๋ายชิ่ง
เมื่อถึงเวลานั้นจะนำสุนัขรับใช้ไปด้วย เขาเป็นวีรบุรุษที่ต่อสู้กับทหารข้าศึกนับพัน จะต้องปกป้องตนเองได้อย่างแน่นอน
ทหารรักษาพระองค์ที่อยู่นอกพระตำหนักเดินเข้ามา หยุดห่างออกไปกว่าสิบเมตรไม่ได้เข้าใกล้อีก กุมหมัดแล้วกล่าวรายงานว่า “องค์หญิง ใต้เท้าสวี่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
รอยแย้มพระสรวลบนพระพักตร์ของยายตัวร้ายสดใสขึ้นในทันที “รีบเชิญเข้ามา”
พระองค์ยังคงประทับบนชิงช้าไม่ขยับเขยื้อน แต่ทรงเอียงหน้า ชะเง้อมอง
สวี่ชีอันเดินนำขันทีน้อยเข้ามา แล้วนั่งลงที่โต๊ะหินใต้ซุ้มเถาวัลย์ตามสบาย กินผลไม้ ขนมฝีมือพ่อครัวของห้องเครื่อง และชาสูตรพิเศษที่นางกำนัลเตรียมไว้สำหรับหลินอัน
“นี่…” นางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างๆ ตะโกน
“หืม?” สวี่ชีอันมองนางอย่างไม่เข้าใจ
“นั่นเป็นของสำหรับพระองค์ทรงดื่ม” นางกำนัลเอื้อนเอ่ยเสียงเบาราวกับยุง
“เอ่อ ขออภัย ขออภัย” สวี่ชีอันยกถ้วยขึ้นจิบอีกจิบหนึ่ง
คราวนี้ ยายตัวร้ายทรงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พระพักตร์แดงก่ำ ทรงตรัสด้วยความพิโรธ “สวี่หนิงเยี่ยน”
พอดีกับเวลานี้ มีลมพัดโชยมา ซุ้มต้นองุ่นแกว่งเล็กน้อย และดวงอาทิตย์ส่องแสงผ่านเถาวัลย์ ส่องลงบนพระพักตร์รูปไข่กลมกลึงของพระองค์ พระโอษฐ์แดงเปล่งปลั่ง พระนาสิกโด่ง พระเนตรกลมโตคู่นั้นงามจนยากจะพรรณนา ประกอบกับพระปรางแดงระเรื่อที่หนุนให้เด่น เต็มไปด้วยเสน่ห์ยากจะบรรยาย
ผู้หญิงที่ชอบเก็บความรู้สึก
ฮว๋ายชิ่งและหลินอันต่างก็มีความงามที่โดดเด่นทั้งคู่…น่าเสียดายที่แม้ว่าองค์หญิงอีกสองพระองค์จะทรงพระสิริโฉม แต่ก็ห่างจากคำว่า ‘หญิงงามแห่งยุค’ อยู่ไม่น้อย…สวี่ชีอันรู้สึกเสียดายอยู่ในใจ
ไม่อย่างนั้นเขาจะพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะกวาดองค์หญิงของต้าฟ่งให้เรียบ
‘ใต้เท้าสวี่เป็นทั้งขุนนางคนโปรดขององค์หญิงใหญ่ แล้วยังเป็นขุนนางคนโปรดขององค์หญิงรอง อนาคตข้างหน้าไม่มีวันสิ้นสุดเลย…’ ขันทีน้อยคิดในใจ
เมืองหลวงที่ใหญ่มหึมา นอกจากพระราชโอรสและพระราชธิดาในวังแล้ว คนเดียวที่อยู่ร่วมกับองค์หญิงหลินอันได้เช่นนี้ คงจะมีแต่ใต้เท้าสวี่ผู้นี้เพียงคนเดียว
หลายวันมานี้ ขันทีน้อยได้ติดตามสวี่ชีอันเพื่อตรวจสอบคดี ได้เห็นเขาอยู่ร่วมกับองค์หญิงฮว๋ายชิ่งและองค์หญิงหลินอันด้วยตาของตัวเอง แม้แต่คนตาบอดก็ดูออกว่าองค์หญิงทั้งสองพระองค์ต่างทรงให้ความสำคัญ และทรงชื่นชมสวี่ชีอันเป็นอย่างยิ่ง
“คดีสิ้นสุดแล้วมิใช่หรือ” ยายตัวร้ายทรงตรัสเสียงแจ๋วว่า “สุนัขรับใช้ เหตุใดเจ้ายังต้องเข้าวังมาจัดการคดีอีก”
พระองค์ทรงตัดสินว่าสวี่ชีอันยังคงตรวจสอบคดีอยู่ จากการที่มีขันทีน้อยอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเวลานี้คนที่มาสวนเส้าอินก็จะต้องเป็นเขาเพียงคนเดียว
“คดียังไม่สิ้นสุดพ่ะย่ะค่ะ…” สวี่ชีอันหายใจออกอย่างแรง พร้อมกับแสดงสีหน้าเสียใจ “พระองค์ กระหม่อมเป็นคนของพระองค์หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ยายตัวร้ายทรงพยักพระพักตร์โดยไม่ลังเล
“กระหม่อมถูกคนรังแก” สวี่ชีอันปิดหน้า แสดงความเศร้าสลดออกมา “ครอบครัวของกระหม่อมลำบากมาก อารองของกระหม่อมพร่ำบอกตั้งแต่ยังเด็กว่า เด็กจากครอบครัวที่ยากจนต้องดูแลครอบครัวเร็ว…แต่ว่า เจ้าคนชั่วจากตำหนักจิ่งซิ่วที่โดนลงโทษแสนสาหัส ได้ขู่เข็ญเอาเงินสิบตำลึงจากกระหม่อม”
แม้ว่าหลินอันจะเป็นคนอ่อนหวาน แต่ก็ชอบช่วยเหลือคนอื่นมาก เมื่อได้ยินดังนั้นก็ทรงพิโรธอย่างมาก ‘ตุบ’ ทรงกระโดดลงจากชิงช้า เลิกพระขนงงาม
“ไป ไปที่ตำหนักจิ่งซิ่ว ข้าจะทวงความยุติธรรมให้เจ้า”
เรื่องเงินเป็นเรื่องเล็ก แต่มารังแกคนของหลินอัน ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ทันที
สวี่ชีอันเดินเคียงข้างองค์หญิง ‘อย่างน่ารัก’ ท่าทางเหมือนถูกรังแกอย่างหนัก หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่ง เขาก็ถามว่า
“องค์หญิง ข้างกายเฉินกุ้ยเฟยมีสาวใช้ชื่อหลางเอ๋อร์ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” หลินอันทรงพยักพระพักตร์พยัก
“นางกำนัลคนนี้เป็นคนเก่าคนแก่ของตำหนักจิ่งซิ่วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ นับตั้งแต่เข้าวังมา ก็คอยถวายการรับใช้เคียงข้างเสด็จแม่มาโดยตลอด”
“องค์หญิงทรงเล่าเรื่องคนคนนี้ให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ อย่างเช่นชอบอะไร เกลียดอะไร ไม่กี่วันมานี้เกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง”
“ข้าจะสนใจไปสนใจว่าไม่กี่วันมานี้นางกำนัลคนหนึ่งเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้างไปด้วยเหตุใด”
ยายตัวร้ายพูดจาอย่างมีเหตุมีล พระองค์ทรงคิดครู่หนึ่ง ก็ทรงตรัสเสริมว่า “แต่นางชอบกินขนมโก๋มาก ข้าเห็นเสด็จแม่พระราชทานขนมโก๋ที่เหลือแก่นางบ่อยๆ นางชื่นชอบยิ่งนัก”
ระหว่างถามตอบกันไปมา ก็มาถึงตำหนักจิ่งซิ่ว
ในระยะไกล ก็เห็นขันทีที่เฝ้าประตูที่เพิ่ง ‘ยักยอก’ เงินสิบตำลึงจากสวี่ชีอันไปเมื่อสักครู่นี้
สวี่ชีอันก้าวไปข้างหน้าแล้วตบไปฉาดหนึ่ง แล้วก็ชี้หน้าขันทีที่ปิดใบหน้าอยู่แล้วพูดว่า “องค์หญิง เขานี่แหละที่เป็นคนขู่เข็ญเอาเงินจากกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า…”
ขันทีที่เฝ้าประตูปิดหน้าที่ร้อนผะผ่าว ทั้งโกรธทั้งโมโห เขาคาดไม่ถึงว่าสวี่ชีอันจะพาองค์หญิงรองกลับมาหาเรื่องเขา
ถึงอย่างไรตนก็เป็นคนในตำหนักของเฉินกุ้ยเฟย คนเฝ้าหน้าประตูสมุหราชเลขาธิการยังเป็นถึงขุนนางระดับเจ็ด ส่วนตัวเขาเป็นถึงคนเฝ้าประตูของเฉินกุ้ยเฟย
ตามปกติ ขุนนางข้างนอกจะไม่กล้าแข็งข้อกับขันทีในวัง หากเสียเปรียบ ส่วนมากก็ต้องกล้ำกลืน อดกลั้นความโกรธแค้น
“ตบอีกฉาดนึง”
ต่อหน้าคนนอก หลินอันทรงรักษาภาพลักษณ์ที่องค์หญิงพึงมี จึงทรงบัญชาด้วยพระสุรเสียงเย็นชา
สวี่ชีอันสบัดฝ่ามือไปอีกครั้ง สะบัดจนขันทีที่เฝ้าประตูตัวเซ หูอื้อ
“คนของข้ายังกล้าขู่เข็ญ เห็นกับเสด็จแม่ข้าจะอภัยให้เจ้าครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปหากยังกล้าที่ไม่เคารพใต้เท้าสวี่ จะลดขั้นเจ้าไปเป็นกุลี”
พระพักตร์งามของหลินอันราวกับปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง “คายเงินออกมา”
ยอมให้โอกาสขันทีเฝ้าประตูตัวเล็กๆ ก็นับว่าพระองค์ทรงเป็นผู้หญิงที่มีเมตตามากแล้ว จริงใจยิ่งกว่าพระราชวงศ์หญิงส่วนใหญ่…สวี่ชีอันคิดในใจว่า ด้วยพระอุปนิสัยเช่นนี้ จึงยั่วยวนผู้ชายเจ้าชู้ได้ง่าย
ความสัมพันธ์ระหว่างหลินอันกับข้าดีทีเดียว ข้าจะต้องจับตาดูนางให้ดี จะให้ผู้ชายเจ้าชู้มาทำให้เสียหายไม่ได้
ขันทีที่เฝ้าประตูไม่เต็มใจ เงินห้าตำลึงนั้นมากกว่าเงินภาษีต่อเดือนของเขาอีก แต่พระบัญชาขององค์หญิงรองเขาก็ไม่กล้าฝ่าฝืน จึงจำต้องมอบให้
เขาหยิบตั๋วเงินที่เพิ่งซ่อนไว้ออกมา แล้วมอบด้วยสองมือ “ข้าดูถูกผู้อื่น ใต้เท้าสวี่ได้โปรดอย่าได้ถือโทษ”
สวี่ชีอันไม่ได้รับไว้ “ข้าให้เจ้าไปสิบตำลึง”
สิบตำลึง?!
ขันทีที่เฝ้าประตูเงยหน้าขึ้น ตกตะลึง พูดแก้ตัวว่า “แค่ห้าตำลึงชัดๆ เหตุใดใต้เท้าสวี่จึงใส่ร้ายข้า”
สวี่ชีอันหันไปมองยายตัวร้ายทันที แล้วพูดเสียงดังว่า “องค์หญิง พระองค์ทรงดูคนหน้าไหว้หลังหลอกคนนี้สิพ่ะย่ะค่ะ เขาไม่ได้เห็นพระองค์อยู่ในสายตาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
หลินอันทรงเบิกพระเนตรกลมโตที่ทำอย่างไรก็ไม่น่ากลัว
“กระหม่อมมิบังอาจ กระหม่อมมิบังอาจ…”
ขันทีที่เฝ้าประตูคลำอยู่นาน จึงคลำเจอเงินสามตำลึง และเศษเงินหนึ่งกำมือ สีหน้าห่อเหี่ยว “กระหม่อมมีอยู่เท่านี้พ่ะย่ะค่ะ”
สวี่ชีอันเก็บเงินใส่อกเสื้อด้วยรอยยิ้มกริ่ม “การทำความดีอาจไม่ได้รับสิ่งตอบแทน แต่ถ้าไม่ทำความดี สักวันหนึ่งจะต้องถูกจัดกาารแน่”
“ข้าจะให้บทเรียนแก่เจ้า เงินนี้ถือว่าเป็นค่าครูก็แล้วกัน”
คนบางคนมักคิดเสมอว่าถ้าทำอะไรผิดไป แค่ขอโทษก็พอ หากอีกฝ่ายยังวางอำนาจบีบบังคับ ก็เท่ากับอีกฝ่ายไม่มีเหตุผล หากคำขอโทษใช้ได้ผล จะมีกฎหมายไว้ทำไม…เอาเงินข้าไปห้าตำลึง แค่คืนมาก็จบแล้วหรือ ฝันไปเถอะ
จากนั้น เขาก็หันไปมองพระพักตร์ด้านข้างที่โค้งมนกลมกลึงของยายตัวร้าย “ไหนๆ ก็มาแล้ว พระองค์ทรงพากระหม่อมเข้าไปในตำหนักจิ่งซิ่วด้วยเถิด กระหม่อมจะปิดคดีของพระสนมฝูอยู่พอดีพ่ะย่ะค่ะ”
ในขณะนั้น ยายตัวร้ายทรงพาเขาข้ามประตู เข้าไปในลานพระตำหนัก
“องค์หญิง คนที่กระหม่อมตามหาก็คือนางกำนัลที่ชื่อหลางเอ๋อร์ พระองค์ทรงช่วยตามตัวมาให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
สวี่ชีอันเดินตามนางกำนัลเข้าไปในห้องโถงด้านข้าง ส่วนยายตัวร้ายทรงไปเยี่ยมเสด็จแม่ เขาตะโกนตามหลังฉลองพระองค์กระโปรงสีแดง ฉลองพระองค์กระโปรงสีแดงทรงไม่แม้แต่จะหันมามอง ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “รู้แล้ว”
เมื่อเข้าไปในห้องโถงด้านข้าง ก็มีนางกำนัลสาวยืนคอยรับใช้อยู่ไม่ห่าง
สวี่ชีอันถามว่า “ห้องน้ำอยู่ที่ไหน”
“ใต้เท้าโปรดรอสักครู่” นางกำนัลขานรับเสียงแผ่วเบา ออกไปตามขันทีน้อยแล้วกล่าวว่า “พาใต้เท้าไปห้องน้ำด้วย”
สวี่ชีอันเดินตามขันทีออกจากห้องโถงด้านข้าง ไปที่ห้องส้วมทางด้านทิศใต้ของลานพระตำหนัก เขาปิดประตูแล้วก็เท ‘หนังสือเวทมนตร์’ ฉบับขงจื๊อจากเศษหนังสือปฐพี ฉีกกระดาษแผ่นที่บันทึกวิชามองปราณออก แล้วเผาด้วยพลังปราณ
ปราณใสสองสายพุ่งออกมาจากดวงตา จากนั้นก็อ่อนกำลังลง
ใช้ไปเรื่อยๆ หนังสือเวทมนตร์ก็บางลงครึ่งหนึ่ง ไม่ได้ ของดีอย่างนี้ ข้าจะใช้มันต่อไป รอหลังการสอบคัดเลือกช่วงวสันต์จะไปสำนักอวิ๋นลู่ ไปพบอาจารย์ทั้งสามคนของข้า อืม บทกวีที่ให้พวกเขาฟรีจะต้องคิดล่วงหน้าให้ดีก่อน…
กลับไปที่ห้องโถงด้านข้าง เขาดื่มชา รอนางกำนัลที่ชื่อหลางเอ๋อร์คนนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...