ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 253

สรุปบท บทที่ 253-2 เปิดเผยตรงไปตรงมา (2): ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สรุปเนื้อหา บทที่ 253-2 เปิดเผยตรงไปตรงมา (2) – ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet

บท บทที่ 253-2 เปิดเผยตรงไปตรงมา (2) ของ ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 253 เปิดเผยตรงไปตรงมา (2)

เฉินกุ้ยเฟยกับหลินอันมีใบหน้าเหมือนกัน ใบหน้ารูปไข่ห่านได้มาตรฐาน คิ้วดวงตา ริมฝีปาก และจมูกล้วนได้รูป

ลำพังในแง่ของรูปโฉม เฉินกุ้ยเฟยด้อยกว่าฮองเฮาเล็กน้อย ทว่าบุคลิกของนางอ่อนหวานสง่าผ่าเผย มนุษย์สัมพันธ์ดีกว่าฮองเฮา

ทว่าเสื้อผ้าลายปักวิจิตรกับเครื่องประดับสลับซับซ้อนราคาแพงบนศีรษะได้ทำลายมนุษยสัมพันธ์ของนาง

ในบรรดาหญิงสาวที่สวี่ชีอันเคยพบ มีเพียงหลินอันที่สามารถเอาเสื้อผ้าอาภรณ์อันโอ่อ่าอยู่ได้ ยิ่งงามล้ำค่า เสน่ห์ของนางก็ยิ่งมากขึ้น

ก็ดีกว่าหญิงสาวมากมาย งดงามยามที่ไม่แต่งตัว หากแต่งองค์ทรงเครื่องจะดูไร้รสนิยม แต่หลินอันเป็นหญิงสาวประเภทที่พอแต่งตัวก็จะยิ่งงามวิจิตรยิ่งดูดี

จุดนี้ที่สองแม่ลูกไม่เหมือนกัน

“ฝ่าบาททรงเสนอปลดฮองเฮาที่ท้องพระโรงเช้าในวันนี้ คิดว่าใต้เท้าสวี่จะต้องได้ยินแล้ว”

เสียงของเฉินกุ้ยเฟยขาดความไพเราะกังวานของสาวน้อย มากด้วยความอ่อนหวานที่เป็นผู้ใหญ่ ประหนึ่งอาบสายลมฤดูใบไม้ผลิ

“ข้าน้อยทราบแล้ว” สวี่ชีอันพยักหน้าพูดอย่างกระชับความ

“เช่นนั้นใต้เท้าสวี่มาที่ตำหนักจิ่งซิ่วของข้าด้วยเหตุอันใดรึ”

“คดีนี้ยังมีจุดที่สงสัยเล็กน้อย”

เฉินกุ้ยเฟยส่งเสียง ‘อ้อ’ เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “สงสัยสิ่งใดรึ”

“เอ่อ…ข้าน้อยโง่เขลา ไร้เบาะแส”

ภายในห้องเงียบลงชั่วขณะ เฉินกุ้ยเฟยจ้องมองสวี่ชีอันอยู่นาน รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปเล็กน้อย ไม่นานนักก็ราวกับปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง แล้วเอื้อนเอ่ยทีละคำ

“เจ้าโกหก!”

สามคำนี้ราวกับค้อนหนักทุบลงในใจของสวี่ชีอัน ราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นที่ข้างหู

นางรู้ได้อย่างไรว่าข้าโกหก…แสงเดือดในแววตาของเขาพวยพุ่งอย่างมิอาจควบคุม หายใจถี่กระชั้น ทว่าก็ข่มอารมณ์ทั้งหมดลงในเวลาต่อมา แล้วเอ่ยอย่างงุนงง

“กุ้ยเฟยหมายความว่าอย่างไร”

“เจ้าใช้วิชามองปราณกับคนอื่นได้ คนอื่นก็ใช้วิชามองปราณกับเจ้าได้เช่นกัน”

เฉินกุ้ยเฟยประคองถ้วยชาขึ้นและจิบอย่างไม่รีบร้อนพร้อมทอดถอนใจเอ่ย “ข้าเชิญเจ้ามาเพียงเพื่อลองเชิง แต่คำโกหกของเจ้าเมื่อครู่ทำให้ข้ามิอาจอาศัยเพียงเคราะห์ดีได้ ใต้เท้าสวี่ความคิดช่างเฉียบแหลม คดีอันละเอียดอ่อนบนโลกสำหรับเจ้าล้วนเป็นเพียงกลเม็ดเล็กๆ”

เฉินกุ้ยเฟยเป็นโหร?! เป็นไปไม่ได้หรอก เหตุใดนางจึงต้องสารภาพกับข้า ไม่กลัวว่าข้าจะบอกจักรพรรดิหยวนจิ่งรึ จุดประสงค์ที่นางเชิญข้ามาคืออะไร

นานาความคิดผุดขึ้นมา แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงถอนหายใจ “กุ้ยเฟยมีเหตุผลอันใดนั้น ข้าน้อยแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้”

จากนั้นก็หันหน้าไปหาเว่ยกงกับฮว๋ายชิ่งให้รับมือกับเจ้า…สวี่ชีอันกล่าวเสริมในใจ

เมื่อก้าวถึงจุดนี้ ทั้งสองเปิดเผยตรงไปตรงมาพอกัน

ความไม่หวาดหวั่นของเฉินกุ้ยเฟยทำให้สวี่ชีอันคาดไม่ถึง เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี

“เจ้าสืบได้ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อครู่รึ” เฉินกุ้ยเฟยจิบชาคล้ายกับกำลังคุยเล่นอย่างใจเย็น

“ใช่ ข้าน้อยมองออกว่าหลางเอ๋อร์ปลอมตัวมา”

“แต่ก็สงสัยอยู่ก่อนแล้วสินะ ไหนลองว่ามา” เฉินกุ้ยเฟยหัวเราะ

สวี่ชีอันบ่นพึมพำ “ข้าน้อยหวนย้อนมองคดีพระสนมฝู มีข้อสงสัยมากมายจริงๆ เหตุใดกุ้ยเฟยถึงวางสุราไป๋รื่อชุนที่ฮองเฮามอบให้ไว้บนโต๊ะอย่างไร้เหตุผล อย่างไรเสียที่นี่ก็คือวังหลัง รินสุราเสริมบำรุงสมรรถภาพทางเพศให้องค์รัชทายาทเมาเล็กน้อย ไม่กลัวเขาจะทำเรื่องผิดหรือ นี่ไม่สอดคล้องกับท่าทีระมัดระวังของท่านเลย”

เฉินกุ้ยเฟยตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด นางนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะหลุดยิ้มพร้อมส่ายหน้า “นับวันข้ายิ่งชื่นชมเจ้า ดูท่าว่าหลินอันจะขุดพบสมบัติล้ำค่าโดยไม่รู้ตัว เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่ายังมีคนอยู่เบื้องหลังข้าอีก”

สวี่ชีอันหลุบตามองปลายเท้า แล้วเอ่ยพิจารณา “หากกุ้ยเฟยทราบเรื่องที่ท่านน้าทำตั้งนานแล้ว เช่นนั้นเหตุใดจึงเก็บไว้ในใจมานานเพียงนี้ จนกระทั่งบัดนี้เพิ่งจะลงมือ หากกุ้ยเฟยเพิ่งจะทราบเรื่องของท่านน้ากับหวงเสี่ยวโหรวเมื่อเร็วๆ นี้ เช่นนั้นใครกันที่บอกกุ้ยเฟยล่ะ ต้องไม่ใช่หวงเสี่ยวโหรวอย่างแน่นอน นางเก็บไว้ในใจมานานหลายปีเช่นนี้ได้ จู่ๆ คงไม่เปลี่ยนไปยืนยันที่จะเปิดเผยกับท่านก่อนโดยไม่มีสาเหตุ ในนั้นจะต้องมีคนจูงสะพานสร้างทางอยู่แน่นอน นอกจากนี้กุ้ยเฟยรู้ว่าข้าน้อยโกหก วิชามองปราณของสำนักโหราจารย์ใช่ว่าคนทั่วไปจะใช้ได้ ข้าน้อยเพิ่งจะเดาความเป็นได้หนึ่งอย่างออก”

สวี่ชีอันเงยหน้าจ้องมองใบหน้าอันงดงามของเฉินกุ้ยเฟย “เป้าหมายของท่านคือฮองเฮา และเป้าหมายของคนหรืออิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังท่านคือเว่ยกง”

ใบหน้าของเฉินกุ้ยเฟยปราศจากรอยยิ้ม หรี่ตามองสวี่ชีอันอย่างละเอียดอยู่นาน แล้วพลันเอ่ย “ใต้เท้าสวี่คิดว่าหลินอันเป็นอย่างไร”

เยี่ยม…สวี่ชีอันใจกระตุก ไม่ได้ตอบอะไร

“องค์รัชทายาทเคยบอกข้าว่าหลินอันถึงวัยที่จะออกเรือนแล้ว ข้าก็คอยระแวงอยู่เงียบๆ จากนั้นก็พบว่านับแต่นางได้รู้จักกับเจ้า เมื่อมาถึงตำหนักจิ่งซิ่ว ปากก็เอาแต่เอ่ยถึงเจ้ามากที่สุด”

เฉินกุ้ยเฟยคอยโน้มน้าว “วัยความรักผลิบานของสาวน้อย ข้าก็เคยผ่านมาก่อน ได้ข่าวว่าใต้เท้าสวี่จะได้รับการแต่งตั้งในอีกไม่กี่วัน แม้ว่าตำแหน่งจื่อจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็หมายความว่าเจ้าได้ก้าวเข้าสู่ระดับชนชั้นสูง ข้าให้สัญญากับเจ้าได้ ภายในสามปีจะทำให้ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของเจ้าก้าวไปอีกขั้น เมื่อถึงเวลานั้นจะให้หลินอันแต่งงานกับเจ้า”

ตีสนิทอย่างโจ่งแจ้ง นี่ก็คือเหตุผลที่เฉินกุ้ยเฟยเปิดเผยตรงไปตรงมากับเขา

สวี่ชีอันลังเลเล็กน้อย

เฉินกุ้ยเฟยได้ทีขี่แพะไล่ “แม้เจ้าจะได้รู้ความลับ ทว่าจะไม่มีทางชี้ตัวข้าได้ ไม่กี่วันมานี้หลางเอ๋อร์ร่างกายไม่สู้ดีนัก เกิดป่วยกะทันหัน หมอหลวงไม่ได้ช่วยชีวิตกลับมา ใต้เท้าสวี่คิดอย่างไรกับผลลัพธ์นี้”

หลินอันที่น่ารักไร้เดียงสามีมารดาแบบเจ้าได้อย่างไร วาดฝันแล้วก็คิดจะเฉดหัวข้า…สวี่ชีอันบ่นพึมพำ “สามปีนานเกินไป ใครจะรู้ว่ากุ้ยเฟยจะลอยแพข้าน้อยหรือไม่”

เฉินกุ้ยเฟยแสดงความเห็น “เร็วสุดสองปี เรื่องได้รับการแต่งตั้งมิใช่เรื่องเล่นๆ เจ้าคงจะเข้าใจในจุดนี้”

“ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น”

สวี่ชีอันโบกมือปัดและเผยรอยยิ้มเหนียมอาย “ข้าน้อยอยากบอกว่าแต่งงานต้องอีกสามปี แต่อยู่กินฉันสามีภรรยาก่อนได้หรือไม่”

…………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง