บทที่ 255 การสอบสวน
“ก่อนที่จะออกจากวัง ข้าน้อยได้ทำเรื่องที่ไม่จำเป็น ข้าน้อยขอให้ฝ่าบาทส่งขันทีน้อยที่ดูแลมา…”
สวี่ชีอันเล่า ‘คำโฆษณา’ ที่เขาสอนขันทีน้อยให้เว่ยเยวียนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อเห็นเว่ยเยวียนตกอยู่ในภวังค์ความคิด สวี่ชีอันก็รีบพูดว่า “ข้าน้อยตัดสินใจเอาเองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอเว่ยกงโปรดวิเคราะห์ให้เล็กน้อย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เว่ยเยวียนก็เผยรอยยิ้มออกมาและพยักหน้า “แม้ว่าจะตัดสินใจเอาเอง แต่ก็ทำได้ไม่เลว ฝ่าบาททรงขี้สงสัยและเชี่ยวชาญการกำหนดสมดุล หากคำพูดของเจ้าลอยไปเข้าหูเขาคงทำให้เขาเกิดความสงสัยในตัวเฉินกุ้ยเฟย ดังนั้นไตร่ตรองคดีพระสนมฝูทั้งหมดใหม่อีกครั้ง พิจารณาผลได้ผลเสียของฝ่ายต่างๆ และสมดุลที่เขาพยายามรักษามาตลอด”
สวี่ชีอันยังคงไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ “จะถูกฝ่าบาทมองออกหรือไม่ หรือขันทีน้อยคนนั้นสารภาพกับฝ่าบาทว่ารับเงินของข้าและถ่ายทอดคำพูดแทนข้า”
“คำพูดของเจ้าไม่มีอะไรผิด ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง” เว่ยเยวียนยิ้ม
“ส่วนคำถามข้อหลัง การสารภาพกับฝ่าบาทเป็นการเผยว่าตัวเองรับสินบน ซึ่งมีความผิด ใครจะนำพาความซวยมาสู่ตัวเองกันล่ะ การได้เป็นขุนนางรับใช้ในที่ประทับของฝ่าบาท ไม่ต้องพูดถึงความฉลาด อย่างน้อยก็คงไม่โง่จนเกินไป”
เหอะๆ เรื่องพวกนี้ข้าก็รู้…สวี่ชีอันเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชม “เว่ยกงฉลาดล้ำ ข้าน้อยขอชื่นชม”
เว่ยเยวียนมองเขาอย่างล้ำลึก ส่ายหน้าและหัวเราะออกมา
จากนั้นเขาก็กลับไปที่ห้องน้ำชาด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างผ่อนคลาย เทชาสองถ้วยด้วยตัวเองและพูดว่า “เจ้าก้าวเข้าสู่ระดับหลอมวิญญาณแล้ว อย่าหยุดหล่อหลอมจิตเดิม จนกว่าจุดฝังเข็มพิเศษที่อยู่นอกเส้นลมปราณจะขยายตัว เจ้าสามารถฝึกฝนร่างกายล่วงหน้าได้”
จุดฝังเข็มพิเศษที่อยู่นอกเส้นลมปราณ…อ้อ ขมับ
สวี่ชีอันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งถึงจะได้สติกลับมา จุดฝังเข็มพิเศษที่อยู่นอกเส้นลมปราณหมายถึงขมับ บนโลกนี้ไม่มีคำเรียกขมับ
จุดฝังเข็มพิเศษที่อยู่นอกเส้นลมปราณ ฟังดูรสนิยมสูง…สวี่ชีอันเองก็ไม่ชอบคำเรียก ‘ขมับ’ เพราะรู้สึกอยู่ตลอดว่ามันเป็นคำกริยาคำหนึ่ง
เมื่อได้ยินหัวข้อนี้ สวี่ชีอันก็รู้ว่าการกระทำของเขาเมื่อสักครู่นี้ได้รับการตอบรับที่ดี เว่ยเยวียนอารมณ์ดีและวางแผนจะให้รางวัลแก่ฆ้องที่น่าสรรเสริญอย่างเขา
พฤติกรรมที่ดูเหมือนจะ ‘ขอโทษ’ แต่ความจริงแล้วอยากได้ความดีความชอบนั้น เว่ยเยวียนมองออกทะลุปรุโปร่ง แต่ผู้นำก็ชอบผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยกยอปอปั้นตนเองแบบนี้
แม้แต่เว่ยเยวียนที่ฉลาดเป็นกรดก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
หากเมื่อสักครู่นี้สวี่ชีอันพูดว่า ‘เว่ยกง ข้าทำผลงานใหญ่ได้อีกแล้ว ฮ่าๆๆ’
การตอบรับที่จะได้รับก็จะแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง บางทีเว่ยเยวียนอาจจะวิจารณ์สักสองสามประโยคและบอกเขาว่าอยู่อย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว รักษาความเยือกเย็นเอาไว้และต้องสงบนิ่ง
“ฝึกฝนร่างกายหรือขอรับ” สวี่ชีอันถามกลับ
การฝึกฝนร่างกายคือเนื้อหาหลักของช่วงหลอมจิต ไม่มีอะไรมากไปกว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกกับการออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งทะลวงขีดจำกัดทางกายภาพครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกๆ สามวันต้องเชิญหมอมาคลายเส้นและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด คลายกล้ามเนื้อ จากนั้นก็กินข้าวปลาอาหารและยาจีนที่ทำให้อบอุ่นและบำรุงร่างกายอย่างไม่หยุดหย่อน
สวี่ชีอันสูญเสียเงินหนึ่งร้อยตำลึงไปกับ ‘การกิน’ ในหนึ่งปี ซึ่งเกือบจะเท่ากับรายรับครึ่งปีของอารอง
หลังจากไปถึงระดับหลอมวิญญาณ ปัจจัยของระดับหลอมจิตแน่นอนว่าใช้ไม่ได้ผล สวี่ชีอันจึงไม่รู้ว่าควรจะฝึกฝนร่างกายอย่างไร
“ข้าเคยบอกกับเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว ว่าระบบทหารไม่ใช่จะได้ผลลัพธ์ในชั่วข้ามคืน มันเป็นการคลำหาและการปรับปรุงแก้ไขอย่างต่อเนื่องของคนรุ่นก่อนถึงได้มีทหารเก้าระดับในวันนี้”
เว่ยเยวียนดื่มชา การสนทนาค่อยๆ เข้มข้นขึ้น เขาพูดว่า “กระดูกเหล็กผิวทองแดงแต่เดิมถูกทุบตีด้วยไม้ด้วยกระบอง เหมือนกับค้อนของช่างตีเหล็ก ซึ่งหลอมเหล็กแท่งหนึ่งจนกลายเป็นเหล็กชั้นดี กระบวนการนี้ใช้เวลายาวนานมาก และเพราะมักจะทุบตีถูกจุดสำคัญ หากรากฐานไม่แข็งแกร่งพอก็อาจตายคาที่ได้”
เว่ยกง ที่ท่านพูดว่าทุบตีถูกจุดสำคัญใช่แบบนั้นในความเข้าใจของข้าหรือไม่…อืม ไก่ก็บินหนี ไข่ก็แตก?!
“ต่อมาก็มีคนสร้างอ่างอาบน้ำยา โดยใช้สมบัติสวรรค์พิเศษเป็นวัสดุหลัก นำผู้คนใส่ในหม้อขนาดใหญ่และต้ม ทหารก็ฝึกลมหายใจในหม้อ อดทนต่ออุณหภูมิสูง ดูดซับฤทธิ์ยาเพื่อบรรลุขั้นกระดูกเหล็กผิวทองแดง”
“อัตราการเสียชีวิตเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” สวี่ชีอันถาม
“อันตรายมากเหมือนกัน บางครั้งต้มๆ อยู่ คนก็สุกแล้ว” เว่ยเยวียนตอบ
“…”
ในหัวของสวี่ชีอันผุดภาพหนึ่งขึ้นมาทันที เขานั่งอยู่ในหม้อขนาดใหญ่ ข้างๆ เป็นน้ำเดือด ฉู่ไฉ่เวยที่เชี่ยวชาญเภสัชวิทยาเติมเครื่องปรุงลงไปในหม้ออย่างไม่หยุดหย่อน ยี่หร่า ถั่วฝักยาว อบเชยและต้นหอม…
สวี่หลิงอินยืนอยู่ข้างๆ น้ำตาไหลออกมาจากมุมปาก
“มีวิธีที่ปลอดภัยกว่านี้อีกหรือไม่” เขากลืนน้ำลายเงียบๆ
“ด้วยการถือกำเนิดของพรสวรรค์จากรุ่นสู่รุ่น ในที่สุดก็มีคนคิดค้นวิธีบำเพ็ญตบะวิธีแรกที่อาศัยหลอมปราณเป็นฐานและการฝึกฝนร่างกายเป็นตัวช่วยขึ้นมา แก่นของวิธีนี้คือการพัฒนาร่างกายจากภายในสู่ภายนอกด้วยวิธีเคลื่อนปราณแบบพิเศษ ควบคู่ไปกับการทุบตีหรือการต้ม อันตรายจะลดลงอย่างมาก”
เว่ยเยวียนคลี่กระดาษเซวียนจื่อ หยิบปากกาขึ้นมาเขียนคำว่า “ดาบรวมศูนย์” และพูดว่า
“วิธีชั้นยอดของที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลเรียกว่าดาบรวมศูนย์ ฆ้องทองคำทุกคนก็ใช้วิธีนี้ อา… การโยนมันลงไปบนยุทธภพจะทำให้เกิดโศกนาฏกรรมนองเลือด”
สวี่ชีอันตระหนักได้ถึงประโยชน์ของการพึ่งพาเว่ยเยวียนและการกลายเป็นหน่วยลาดตระเวนตรวจการณ์ยามวิกาลอีกครั้ง ที่นี่มีเคล็ดวิชาชั้นยอดและมีทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุด ทรัพยากรที่เหล่าคนพเนจรในยุทธภพไม่อาจถึงเข้าได้ สำหรับสวี่ชีอัน เขาเข้าถึงได้ง่ายๆ จริงๆ
รวมถึงภาพตระหนักรู้นั่นก็เป็นผลิตภัณฑ์ชั้นยอดเช่นกัน
เขาสามารถก้าวเข้าสู่ระดับหลอมวิญญาณได้รวดเร็วเช่นนี้ แน่นอนว่าพรสวรรค์ของเขาน่าตกใจ แต่ก็ไม่อาจสลัดความเกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่เว่ยเยวียนมอบให้เขาได้
ระบบทหารเป็นอาชีพที่งานหนักจริงๆ หากวิเคราะห์ด้วยความรู้ของยุคสมัยใหม่ ระดับหลอมจิตขั้นเก้าจะเรียกอีกว่าระดับย้ายอิฐ ระดับแปดคือย้ายอิฐฝึกกำลังภายใน ระดับเจ็ดคือย้ายอิฐทำงานหนักไม่พักผ่อน ระดับหกสุดยอดยิ่งกว่า โหมดทำลายหินก้อนใหญ่ด้วยหน้าอกโดยตรง…สวี่ชีอันถอนหายใจและถามว่า
“เว่ยกง มีวิธีเคลื่อนปราณที่สามารถฝึกฝนจนกลายเป็นกระดูกเหล็กผิวทองแดงได้โดยไม่ต้องถูกต้มและไม่ต้องถูกทุบตีด้วยกระบองกับไม้หรือไม่”
“มี!”
คำตอบของเว่ยเยวียนเกินความคาดหมายของสวี่ชีอัน เขายินดีปรีดาก่อน จากนั้นก็หยั่งเชิงว่า “ในความฝันหรือ”
เว่ยเยวียนมองเขา นิ่งเงียบไปสองสามวินาทีและกล่าวอย่างนุ่มนวล “ศาสนาพุทธมีวิธีที่คล้ายคลึงกัน บางคนพูดว่า ระดับกระดูกเหล็กผิวทองแดงของทหารพัฒนามาจากระดับเพชรของศาสนาพุทธ บางคนก็พูดว่า เป็นพระพุทธเจ้าที่อ้างอิงระบบทหารและสร้างเส้นทางใหม่ในระบบพุทธศาสนาเรียกว่าจอมยุทธ์ภิกษุ”
หรือกล่าวได้ว่า ระบบจอมยุทธ์ภิกษุมีวิธีที่สามารถฝึกฝนจนกลายเป็นกระดูกเหล็กผิวทองแดงได้โดยไม่ต้องถูกต้ม เรื่องนี้ง่ายมาก หันกลับไปหาหมายเลขหกและขอของฟรีจากเขา…ใบหน้าของสวี่ชีอันเผยรอยยิ้มไร้เดียงสาออกมาโดยไม่รู้ตัว
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง