ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 257

บทที่ 257 ออกจากเมืองหลวง

“ถวายเกียรติแด่บรรพบุรุษ?”

อาสะใภ้ไม่มีการตอบรับชั่วขณะหนึ่ง คิดในใจว่าการได้รับเลือกเข้ารับราชการของเหนียนเอ๋อร์ต้องเป็นเรื่องของเดือนต่อไปแล้ว รอให้หลานชายแสดงท่าทีอวดเบ่งออกมา นางถึงตระหนักได้ว่าเขากำลังโม้อยู่

อาสะใภ้กลอกตาไปมา เบะปากเอ่ย “โธ่ โธ่ โธ่ ต้าหลางของพวกเราเลื่อนขั้นเป็นขุนนางแล้วหรือ”

ทันทีที่อ้าปากก็รู้แล้วว่าเป็นมนุษย์ป้า

“ข้าได้ยินมาจากเพื่อนบ้านว่า มีเพียงปัญญาชนเท่านั้น ถึงจะสามารถอาศัยในตำหนักได้ เจ้าน่ะ ถึงจะเลื่อนขั้นอย่างไร ก็เป็นได้แค่หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลเท่านั้น”

แม้อาสะใภ้จะค่อยๆ คลายปมในใจ ไม่เคียดแค้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ในหัวข้อที่ว่า ‘หลานชายและบุตรชายใครเหนือกว่ากัน’ นั้น อาสะใภ้คิดว่ายังคงจะยึดหลักการของตนเองอยู่

นางไม่เหมือนสวี่ผิงจื้อผู้เป็นสามี ไม่ว่าหลานชายหรือบุตรชายต่างก็เป็นเด็กของบ้านสกุลสวี่ พวกเขาได้รับการเลี้ยงดูมายี่สิบปีแล้ว และไม่ต่างอะไรกับบุตรแท้ๆ ของนางเลย

อาสะใภ้แค่ไม่คุ้นชินกับท่าทางที่สวี่ชีอันแสดงออกมา บางครั้งก็ชอบอวดเก่งต่อหน้านางบ้าง ไม่เคยเคารพนางที่เป็นอาสะใภ้คนนี้เลย

ดังนั้น เอ้อร์หลางจะต้องมีอนาคตที่ยาวไกลกว่าต้าหลาง แบบนี้อาสะใภ้จึงจะสามารถยืดอกต่อหน้าหลานชายได้

“อาสะใภ้ไม่เชื่อ?” สวี่ชีอันเหล่ตา

“ข้าเชื่อ แค่เลื่อนตำแหน่งเท่านั้นเอง” อาสะใภ้พูดอย่างไม่ใส่ใจ

ช่วงนี้อารองสวี่ก็เลื่อนตำแหน่งแล้ว ย้ายจากเมืองชั้นนอกมาอยู่เมืองชั้นใน และมีเขตลาดตระเวนที่มั่นคงแถบหนึ่งแล้ว พื้นที่แถบนั้นล้วนเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยทั้งนั้น เพื่อเห็นแก่ความสงบสุขของครอบครัวแล้ว พวกเขาจะจ่ายเงินเพื่อเป็นเกียรติให้กับกองดาบที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดยรอบ และสร้างความสัมพันธ์

ดังนั้นช่วงนี้อารองมีเงินในคลังค่อนข้างเยอะ ถูกยึดเงินไปห้าสิบตำลึง เขาก็ยังมีเงินไปสำนักสังคีตได้

แน่นอนว่า ที่จริงแล้วอารองสวี่ไม่คิดจะไปทำงานที่สำนักสังคีต ถึงอย่างไรแม่นางจากสำนักสังคีตห่างจากอาสะใภ้ค่อนข้างไกล แต่ที่ค้างคืนในสำนักสังคีต ต่างก็เพื่อเข้าสังคมระหว่างเพื่อนร่วมงานทั้งนั้น

ในทางกลับกันสวี่ต้าหลางและสวี่เอ้อร์หลางอยู่ในวัยของเซินกงเป้า แต่ยังไม่เคยแต่งงาน ถึงได้ริเริ่มไปสำนักสังคีตเพื่อคลายเครียด

“ไม่ใช่เลื่อนตำแหน่ง แต่เป็นการเลื่อนยศต่างหาก!” สวี่ชีอันเอ่ยเสียงขรึม

“คิคิ…” อาสะใภ้รู้สึกขบขันจนดอกไม้สั่นไหว คิ้วงามขยับ

“นี่ อย่าพูดจาเหลวไหล” อารองสวี่โบกมือ พลางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ตอนนั้นอารองอยู่ในวงล้อมของข้าศึกและสังหารศัตรูที่ด่านซานไห่ สังหารตั้งแต่ตอนใต้มาตอนเหนือ จากตอนเหนือมาตอนใต้ สังหารจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ก็แค่นั้นแหละ การจะได้รับการแต่งตั้งยศยังขาดไปอีกนิด”

สังหารตั้งแต่ตอนใต้มาตอนเหนือ จากตอนเหนือมาตอนใต้ อารองท่านไม่เจ็บแขนเลยหรือ…สวี่ชีอันพูดแขวะในใจ

สวี่ซินเหนียนส่ายศีรษะ “การแต่งตั้งยศเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ครั้งสุดท้ายที่ต้าเฟิงได้รับการแต่งตั้ง ก็ยังเป็นช่วงการสู้รบในด่านซานไห่เมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนี้ทะเลทั้งสี่ต่างก็สงบสุข จะหาผลประโยชน์จากการสู้รบที่ไหนให้เจ้าได้รับการแต่งตั้งเล่า”

“ได้รับการแต่งตั้งยศไม่จำเป็นต้องหาผลประโยชน์จากการสู้รบเสมอไป” สวี่ชีอันลูบศีรษะของเสี่ยวโต้วติง “ข้าขอโทษนะ หลิงอิน”

เสี่ยวโต้วติงไม่สนใจเขา ปากเล็กแนบกับขอบชาม ดื่มโจ๊กทั้งที่หน้ามุ่ย

“พอแล้ว พอแล้ว เจ้าน้ำหนักเท่าใดอาสะใภ้ยังไม่ทราบอีกหรือ” อาสะใภ้ส่งเสียงหัวเราะ “วันนี้เจ้าไม่ไปพักผ่อนก็รีบกลับไปที่ทำการปกครองเสีย ใกล้จะเลยยามเหมาแล้ว อย่ารบกวนการรายงานตัวของอารองเจ้า เรื่องการสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้แก่วงศ์ตระกูล ต้าหลาง เจ้าไม่ต้องกังวลใจ หลังการสอบคัดเลือกช่วงวสันต์ของปีนี้ไป บ้านสกุลสวี่ของพวกเราก็จะมีบัณฑิตขั้นสูงท่านหนึ่งแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเราก็จะจัดงานเลี้ยงที่บ้าน และเชิญพวกพ้องมากินรับประทานอาหารกันสักหนึ่งมื้อ”

การสอบคัดเลือกช่วงวสันต์ยังไม่เริ่ม อาสะใภ้ก็ทำตัวอวดดีขึ้นมาแล้ว

มารดาเถอะ นี่จึงจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ข้าต้องการ อารองเป็นคนที่ลำเอียง อาสะใภ้เป็นคนที่จิตใจโหดร้ายคนหนึ่ง ญาติผู้น้องเป็นปัญญาชนแต่ชอบกดดันข้าทุกเมื่อ น้องสาวคนที่หนึ่งชอบดูถูกข้า ส่วนน้องสาวอีกคนชอบแย่งข้ากิน…สุดท้าย เมื่อเทพแห่งสงครามกลับมา จะได้รับการแต่งตั้งยศที่แข็งแกร่ง และจับครอบครัวท่านลุงและอาสะใภ้เข้าไปอยู่ในคอกสุนัข…สวี่ชีอันคิดไปคิดมา รู้สึกดียิ่งนัก

อารองสวี่หยิบหมวกเหล็กขึ้นมาอีกครั้ง และพยักหน้า “สายแล้ว ข้าต้องรีบไปรายงานตัวแล้ว”

เรื่องการได้รับการแต่งตั้งยศ เขาเมินเฉยไปเอง ทำเหมือนว่าเป็นการล้อเล่นของหลานชาย

หากบ้านสกุลสวี่สามารถกำเนิดขุนนางที่มีชื่อเสียงและมั่งคั่งได้ เช่นนั้นก็คงเป็นควันเขียวผุดจากหลุมฝังศพบรรพบุรุษเสียจริงแล้ว เกรงว่าการสอบได้ถึงชนชั้นสูงของเอ้อร์หลาง ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับต้าหลางได้

ช่วงเวลานี้ สวี่ผิงจื่อเห็นเหล่าจางคนเฝ้าประตูวิ่งพรวดเข้ามาอย่างเร่งรีบ ท่าทางที่ตื่นตระหนกนั้น ช่างเหมือนกับว่ามีแมลงตัวใหญ่ไล่ตามเขาก็มิปาน

“ตะ ใต้ ใต้เท้าขอรับ…”

เหล่าจางคนเฝ้าประตูพูดติดอ่าง พลางเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “มีพระราชโองการขอรับ!”

“พระอะไรนะ” สวี่ผิงจื้อฟังไม่ชัด

“พระราชโองการขอรับ”

“พระอะไรนะ” สวี่เอ้อร์หลางก็ยังฟังไม่ชัด

“พระราชโองการ พระราชโองการการแต่งตั้งยศขอรับ”

สวี่ชีอันเหลือบมองอาสะใภ้ที่งุ่มง่าม ผลักอารองให้ก้าวออกไป “พระราชโองการของฝ่าบาทมาแล้ว”

เมื่อวานตอนเช้าช่วงคดีพระสนมฝูสิ้นสุด เว่ยเยวียนเคยบอกกับเขา ว่าศาลาในได้ร่างพระราชโองการการแต่งตั้งยศเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้กำหนดไว้ในวันนี้

สวี่ผิงจื้อเดินจากในจวนออกมานอกจวน ราวกับเดินผ่านครึ่งชีวิต ความรู้สึกในตอนนี้สับสนอย่างยิ่ง มีทั้งรู้สึกกระสับกระส่าย ตื่นเต้น ลังเล…เขาเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนครั้งหนึ่งในคืนวันแต่งงาน

ไกลๆ เห็นขันทีสวมใส่เสื้อคลุมพญางูยืนอยู่ มีทหารรักษาพระองค์สวมชุดเกราะอ่อนยืนแยกออกเป็นสองแถว

ในมือขันทีผู้นั้นถือพระราชโองการผ้าแพรสีเหลืองที่ปักลายห้ากรงเล็บมังกรทองฉบับหนึ่งอยู่

‘ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…’

สวี่ผิงจื้อได้ยินเสียงหัวใจเต้นดั่งตีกลองของตนเอง

เห็นเจ้าของบ้านเดินเข้ามา ขันทีที่ถ่ายทอดพระราชโองการค่อยๆ คลี่ออก พลางอ่านเสียงดัง “ฆ้องทองแดงสวี่ชีอันรับพระราชโองการ”

อารองคุกเข่าลงก่อน จากนั้นค่อยดึงสวี่ชีอันให้คุกเข่าตาม

อารองสวี่จ้องสวี่ชีอันเขม็ง ขณะที่พระราชโองการอยู่เบื้องหน้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กคนนี้จะคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ

“ฆ้องทองแดงสวี่ชีอันอยู่นี่แล้วขอรับ”

ขันทีพยักหน้า พลางอ่านออกเสียง “ด้วยโองการแห่งสวรรค์ องค์จักรพรรดิจึงทรงมีพระบัญชา ข้าผู้ปกครองโลกที่สงบสุขด้วยบุ๋น การต่อสู้ที่โกลาหล มีที่ปรึกษาแม่ทัพเป็นแกนนำที่แข็งแกร่งของราชสำนัก ในประเทศที่ถูกทอดทิ้งแห่งนี้…สวี่ชีอันสามารถคลี่คลายคดีแปลกประหลาดได้ และสังหารกบฏในอวิ๋นโจวจำนวนสองร้อยคน…”

พอได้ยินคำว่าสังหารกบฏสองร้อย สวี่ชีอันถึงกับงงงวย ในใจเอ่ย ข้าสังหารไปหนึ่งพันคนนี่ เหตุใดถึงกลายเป็นสองร้อยคนได้เล่า

ต่อมา จึงจะรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลันว่าคุยโม้เกินไป จนแม้แต่ตัวเองยังเชื่อถือ

“แต่งตั้งสวี่ชีอันเป็นข้าราชการอำเภอฉางเล่อ ประทานที่ดินสามสิบแปลง และเงินจำนวนห้าร้อยตำลึงทอง มีพระราชโองการมาดังนี้”

“กราบขอบพระทัยฝ่าบาท”

สวี่ชีอันเอ่ยคติดังก้องกังวาน ลุกขึ้นรับพระราชโองการ

“ยินดีด้วยนะขอรับ ใต้เท้าสวี่…อ้อ เซี่ยนจือสวี่” ขันทีที่สวมเสื้อคลุมพญางูยิ้มตาหยีเอ่ย

“ขอบคุณมากขันที”

สวี่ชีอันรับพระราชโองการมา พร้อมกับส่งเงินธนบัตรหนึ่งร้อยตำลึงให้

รอให้ขันทีสวมเสื้อคลุมพญางูจากไปพร้อมกับองครักษ์แล้ว อารองสวี่รีบคว้าพระราชโองการไปทันที พลางดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน ถึงแม้จะรู้อักษรเพียงไม่กี่ตัว แต่กลับตั้งใจดูเสียนี่

ดูไปดูมา อารองสวี่ก็ขอบตาแดง

“ได้รับการแต่งตั้งยศแล้ว ได้รับแล้ว…บ้านสกุลสวี่ของข้ามีจื่อเจวี๋ยท่านหนึ่งแล้ว”

เขารีบวิ่งกลับไปที่ด้านหลังจวนพร้อมกับพระราชโองการ ตะโกนเอ่ย “ฮูหยิน รีบเขียนจดหมายถึงคนตระกูลสวี่เร็ว บ้านสกุลสวี่ได้รับการแต่งตั้งยศแล้ว ข้าจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ สามวันสามคืน ฮ่าฮ่าฮ่า…”

สวี่ชีอันอุ้มกล่องทองคำและโฉนดที่ดินที่จักรพรรดิหยวนจิ่งประทานให้ แอบกลับห้องไปเงียบๆ

อารองช่างโง่เขลายิ่งนัก พระราชโองการหรือจะสำคัญกว่าเงินทอง

หลังนำทองคำเก็บไว้ในเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพี สวี่ชีอันก็กลับเข้าไปในจวน เห็นอารองสวี่และเอ้อร์หลางแย่งพระราชโองการกันอยู่ จนสองคนพ่อลูกเกือบจะตีกัน

สวี่เอ้อร์หลางเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ถ้าไม่รู้ก็คงคิดว่าพระราชโองการเป็นของท่านพ่อเสียอีก”

อารองสวี่ “ไปให้พ้น!”

สวี่เอ้อร์หลางเอ่ยอย่างโมโหเล็กน้อย “ข้าก็แต่อยากดูว่าพระราชโองการเขียนว่าอย่างไรบ้าง”

อารองสวี่ “ไปให้พ้น!”

สวี่เอ้อร์หลางเอ่ยอย่างโมโห “ท่านพ่อ ให้ข้าดูสักครั้งเถิด”

อารองสวี่ “ไปให้พ้น!”

ชิ เจ้าทหารต่ำช้า…สวี่เอ้อร์หลางโกรธสะบัดแขนเสื้อ และกลับห้องไปอ่านตำราแล้ว

นับประสาอะไรกับจื่อเจวี๋ย เขาจะต้องสอบผ่าน และคว้าตำแหน่งจอหงวนมาให้ได้ มิฉะนั้น ดาวเด่นในบ้านคงโดนพี่ใหญ่แย่งไปเป็นแน่

“จริง ได้รับการแต่งตั้งยศแล้วจริงๆ หรือ”

อาสะใภ้เห็นพระราชโองการที่อยู่ในอ้อมกอดสามี เบิกดวงตากลมโต นางยังไม่ทันได้ตั้งรับ ราวกับกำลังอยู่ในความฝัน

ไม่มีการเตรียมใจโดยสิ้นเชิง

“นี่ยังมีของปลอม ด้านบนมีตราประทับหยกอยู่ ฝ่าบาทยังพระราชทานเงินจำนวนห้าร้อยตำลึงทอง และที่ดินให้อีกสามสิบแปลง” สวี่ผิงจื้อพูดเสียงดัง ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ

เงินห้าร้อยตำลึงทอง ที่ดินสามสิบแปลง…ภายในดวงตาอาสะใภ้เปล่งประกายสีทองออกมา

“ต้าหลาง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เหตุใดอาสะใภ้ถึงรู้สึกว่ายังอยู่ในความฝันเล่า” อาสะใภ้จับมือของสวี่ชีอันไว้แน่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง