เจ้ากรมซุนเหลือบมองอย่างเย็นชา
หวงหลางจงรู้สึกเหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง ก้มหน้าและเดินไปหาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน
“ใต้เท้า เหตุการณ์มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ข้าน้อยไม่ทันได้รับเอกสารการจับกุม สาเหตุสำคัญเป็นเพราะบุคคลผู้นี้เป็นทหารที่มีชื่อเสียงและยังเป็นหลานชายของสวี่ผิงจื้อแห่งกองดาบด้วย มีความสามารถในการหลบหนีการตัดสินลงโทษได้” หวงหลางจงคิดในใจว่า ‘ปากของท่านเจ้ากรมห่างจากข้าแค่หกฟุต แต่ข้าสามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ภายใน 0.01 วินาที’
“คุณชายโจวส่งผู้ติดตามไปยื่นคำฟ้อง โดยบอกว่ามีคนร้ายทุบตีเขาบนท้องถนน แล้วยังบอกด้วยว่าจะทำให้เขาเลือดสาดเลยทีเดียว…”
“เหตุการณ์เร่งด่วน ข้าน้อยตัดสินใจจับตัวไว้ก่อนเพื่อป้องกันการหลบหนีขอรับ”
มีเจ้าพนักงานของสำนักโหราจารย์และปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นลู่อยู่ด้วย เขาไม่กล้าโกหก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องโกหกด้วย
สองฝ่ายต่อสู้กันบนท้องถนน เดิมทีต้องรับโทษเท่ากันอยู่แล้ว
ตัวเขานอกจากไม่ได้รับเอกสารการจับกุมก็ทำตามระเบียบทุกอย่าง ในกรมอาญา ตัวอย่างการเพิ่มเติมเอกสารการจับกุมภายหลังนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก
บรรดาเจ้าพนักงานของสำนักโหราจารย์ต่างพากันขมวดคิ้ว
หลี่มู่ไป๋และจางเซิ่นมองหน้ากัน ฝ่ายแรกก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและพูดอย่างเคร่งขรึม “ยอดนักปราชญ์กล่าวไว้ว่า ‘สุภาพบุรุษควรมีความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง’ ”
‘ตุบๆๆ…’
หวงหลางจงรู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขากำลังเต้นแรง เลือดสูบฉีดไปที่ใบหน้า เนื่องจากรู้สึกละอายใจที่พูดโกหกและรู้สึกละอายใจจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
เขาเกลียดตัวเองที่โกหกและจิตใจกำลังต่อต้านอย่างรุนแรง ต่อต้านพฤติกรรมที่ต่ำช้าของเขา
ปากก็ทิ้งปณิธานของเขาด้วยความโกรธ เอ่ยปากพูดอย่างขาดการควบคุม “คุณชายโจวต้องการจัดการสวี่ชีอันให้ตาย ให้เขาตายคาเรือนจำของกรมอาญา เพื่อระบายความเคียดแค้นในใจ ข้า ข้า…อยากให้คุณชายโจวซึ้งใจในตัวข้า”
สบายใจแล้ว…หวงหลางจงนั่งลงบนพื้น เหงื่อซึมทั่วหน้าผาก
เกิดเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นรอบๆ แววตาของเจ้าหน้าที่กรมอาญามากกว่าสิบคนที่มองหวงหลางจง บางคนดูถูกดูแคลน บางคนเหยียดหยาม บางคนก็รู้สึกสาแก่ใจ บางคนส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ
“ข้าน้อยไร้ยางอาย วันพรุ่งข้าน้อยจะเขียนหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ” การทำงานของกรมอาญาเกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาในทันที
ดำเนินการตามหลักคุณธรรมห้าประการ…เจ้ากรมซุนเงียบเฉย กวาดตามองหวงหลางจงที่ใบหน้าซีดเผือด แววตาไร้ชีวิตชีวา แล้วสั่งเจ้าหน้าที่ในปกครองว่า “ถ่ายทอดคำสั่งข้า ปล่อยตัวเขาไป”
…
ท่ามกลางเสียงกระทบกันของโซ่ตรวนและกุญแจมือ สวี่ชีอันถูกพาตัวมาที่ห้องไต่สวน คุณชายโจวเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มตัวหนาแต่ดูไม่น่าเกลียด
เขานั่งด้วยท่าทางผึ่งผาย เท้าข้างหนึ่งพาดอยู่บนเก้าอี้ ใบหูที่ฉีกขาดจากการถูกสวี่ชีอันเหยียบถูกพันด้วยผ้าสีขาว
ชายชราร่างผอมบางที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน คอเสื้อและปลายแขนเสื้อกุ๊นสีทองยืนอยู่ข้างเขา จ้องมองที่สวี่ชีอันด้วยดวงตาที่แหลมคม โดยไม่ปิดบังเจตนาที่ต้องการสังหารอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ยังมีผู้คุมสองนายยืนอยู่ข้างกองเครื่องลงทัณฑ์ มองสำรวจสวี่ชีอันด้วยท่าทางสาแก่ใจ
คุณชายที่สวมชุดสวยงามโบกมือ ผู้คุมคนหนึ่งหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากหน้าอกแล้วโยนใส่หน้าสวี่ชีอัน
“เวลานี้เจ้ามีสองทางให้เลือกเดิน” คุณชายโจวเหลือบตามอง “ยอมรับผิดและประทับลายนิ้วมือยอมรับโทษทัณฑ์ หรือรับโทษจากเครื่องมือลงทัณฑ์ของที่นี่ทุกชิ้น จากนั้นก็ยอมรับโทษและประทับลายนิ้วมือ”
สวี่ชีอันมองดูแวบหนึ่ง เนื้อหาในหนังสือยอมรับโทษทัณฑ์มีใจความประมาณนี้ ‘เนื่องจากมือปราบสวี่ชีอันแห่งที่ว่าการอำเภอฉางเล่อได้ทะเลาะวิวาทกับโจวลี่บนท้องถนนและมีเจตนาฆ่า โดยใช้กำลังทำร้ายโจวลี่จนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นมือปราบก็มาถึง แล้วมือปราบสวี่ชีอันก็ถูกจับกุม…’
ทำร้ายร่างกายบนท้องถนน อีกฝ่ายเป็นถึงบุตรชายของรองเจ้ากรมแห่งกรมการคลัง หากข้าประทับลายนิ้วมือ โทษสถานเบาก็ต้องถูกเนรเทศ หากสกุลโจวตุกติกก็อาจจะตัดสินตัดหัวข้าที่ตลาดผักก็เป็นได้…นี่ไม่ได้เป็นการเหลือทางรอดให้ข้า
สวี่ชีอันถอนสายตา หันไปมองคุณชายที่สวมชุดสวยงาม “ประทับลายนิ้วมือยอมรับ จะได้เจ็บตัวน้อยลง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง