“ช้าก่อน!” คุณชายโจวตะโกนเรียกผู้คุมและจ้องไปที่เจ้าหน้าที่ชุดคลุมสีคราม “คนผู้นี้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายกลางถนน หมายจะจัดการข้าให้ตาย และข้าคือเจ้าทุกข์” เขาหรี่ตาและพูดอย่างมีนัยลึกซึ้ง “ใต้เท้าผู้นี้ อย่าสอดเท้าเข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่น”
อีกฝ่ายเป็นขุนนางระดับห้าชั้นเอก เทียบกับบิดาของตนเองไม่ได้เลย ต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอาญา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรมการคลัง
คุณชายโจวเองก็ไม่สามารถพูดอะไรรุนแรงเกินไปได้ เขาแค่ต้องการให้อีกฝ่ายเข้าใจความหมายโดยนัยว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการล่วงเกินคุณชายของข้าราชการในตำแหน่งรองเจ้ากรมไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย
ในแวดวงราชการกลัวการสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็นมากที่สุด
ไม่คิดเลยว่าเจ้าหน้าที่ชุดคลุมสีครามผู้นี้หาได้กลัวแม้แต่น้อย แต่กลับหัวเราะเยาะเย้ย “คำพูดนี้ของคุณชายโจว ออกไปพูดกับท่านเจ้ากรมเองเถิด”
คุณชายโจวขมวดคิ้ว สบตากับชายชรา ท่านอาเฉินพูดเสียงเบาว่า “เจ้ากรมซุนกับนายท่านสนิทสนมกันมานานแล้ว…”
ประโยคครึ่งหลังหมายความว่า หากไม่เกิดเรื่องเกินความคาดหมาย เขาก็จะยุ่งเกี่ยวอย่างแน่นอน หากไม่เป็นเช่นนั้น ย่อมต้องมีปัญหา
คุณชายโจวผู้ซึ่งไม่ยอมปล่อยให้ลูกไก่ในกำมือบินหนีไปง่ายๆ แบบนี้เดินตามหลังเขาไปติดๆ ขอเพียงปัญหาไม่ใหญ่ เขาจะจับตัวสวี่ชีอันกลับมาทันที แล้วลงทัณฑ์เจ้านี่ให้ตายไปเลย
เดินออกจากเรือนจำของกรมอาญา แสงแดดที่สดใสส่องสว่าง สวี่ชีอันหรี่ตาเพื่อบรรเทาความรู้สึกเคืองตา
เขาเดินตามเจ้าหน้าที่ชุดคลุมสีครามผู้นั้นมาถึงลานที่ทำการปกครองกรมอาญา ในลานมีคนรายล้อมอยู่จำนวนมาก มีเจ้าหน้าที่ในชุดคลุมสีต่างๆ ของกรมอาญา มีชายหนุ่มชุดขาวสิบกว่าคน มีรถม้าสองคันและม้าที่ตายแล้ว มีผู้เฒ่าท่าทางสง่าผ่าเผยสองคน
คุณชายโจวเห็นทุกคนก็งุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณชายโจวได้ยินเสียงของโซ่ตรวนหยุดลง สวี่ชีอันหยุดอยู่กับที่ หันกลับมา แล้วพูดอย่างชัดเจนว่า
“เจ้าควรดีใจที่ไม่ได้ลงทัณฑ์ข้า ข้าขอแนะนำตัวเองอีกครั้ง ข้าเป็นศิษย์คนใหม่ของท่านโหราจารย์”
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก
สีหน้าของคุณชายโจวสูญเสียการควบคุมทันที เป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีทางเป็นศิษย์ของท่านโหราจารย์ได้
แต่เมื่อเห็นเสื้อคลุมสีขาวของสำนักโหราจารย์อยู่กันจนเต็มลาน คุณชายโจวและชายชราก็ต้องอยู่ในความสงบ
สวี่ชีอันไม่ได้สนใจคนทั้งสอง เดินตรงไปข้างหน้า กวาดตามองไปที่คนสวมชุดขาว กลับไม่เห็นแม่นางไฉ่เวยตามคาด
สาวสวยใบหน้ารูปไข่หน้าอกเล็กคนนั้นไม่อยู่หรือ
หัวหน้ามือปราบหวังส่งหนังสือในการเล่นแร่แปรธาตุที่ล้ำค่ามาแล้ว แต่แม่นางไฉ่เวยไม่อยู่…แต่บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุแห่งสำนักโหราจารย์ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือแล้วจึงได้มาช่วยข้างั้นหรือ
หรือบางทีแม่นางไฉ่เวยอาจจะไม่สามารถปลีกตัวมาได้ ดังนั้นจึงขอให้ศิษย์ร่วมสำนักมาช่วยข้าแทน!
สวี่ชีอันหายใจเข้าลึกๆ ท่ามกลางเสียงโซ่ตรวนนั้น “สวี่ชีอันคารวะศิษย์พี่ทุกท่าน”
ศิษย์พี่? ซ่งชิงตกตะลึง สังเกตสวี่ชีอันอย่างละเอียด “หนังสือนั่น เจ้าเป็นคนเขียนหรือ”
ดวงตาของเขาไม่เป็นมิตรเท่าไร…สวี่ชีอันพยักหน้า “ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับพูดคุยกัน รอให้ออกจากกรมอาญาไปก่อน ศิษย์พี่ต้องการถามสิ่งใด หากหนิงเยี่ยนรู้จะตอบทุกคำถามโดยไม่ปิดบังอย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นสวี่ชีอันพูดคุยกับคนชุดขาวของสำนักโหราจารย์แล้ว คุณชายโจวก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาเบือนหน้าไปทางอื่น ในใจลึกๆ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นความจริง รีบเดินไปยืนข้างๆ เจ้ากรมซุนอย่างรวดเร็วและกระซิบว่า
“ใต้เท้าซุน คนของสำนักโหราจารย์…”
เจ้ากรมซุนเหลือบตามองเขา “มาถามหาคนกับข้า”
คุณชายโจวเซไปเล็กน้อย
ชายชราร่างผอมบางสูดลมหายใจลนลานขึ้นมาทันที
‘เขาเป็นลูกศิษย์ของท่านโหราจารย์จริงๆ หรือว่า! เป็นไปไม่ได้ และถ้าเขาเป็นลูกศิษย์ของท่านโหราจารย์จริง คดีเงินภาษีคงไม่มีวันเกี่ยวโยงไปถึงครอบครัวสกุลสวี่’
คดีเงินภาษี!!
ชายชราร่างผอมบางนึกถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง ‘ถ้าท่านโหราจารย์รับเป็นศิษย์หลังเกิดคดีเงินภาษีเล่า’
‘เขาไขความลับคดีเงินภาษีได้จริง และทำเงินปลอมขึ้นมา อัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุด้วยตัวเองเช่นนี้ ท่านโหราจารย์เห็นดังนี้จึงเกิดความคิดรับเป็นศิษย์เป็นกรณีพิเศษก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แล้วก็มีความเป็นไปได้สูงด้วย นอกจากนี้หากไม่ใช่ศิษย์ของท่านโหราจารย์ เหตุใดคนชุดขาวกลุ่มนี้จึงมารวมตัวกันที่นี่?’
ในเวลานี้ชายชราร่างผอมบางสังเกตเห็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เงียบขรึมสองคน และม้าที่ตายอย่างประหลาด เขาจ้องมองครู่หนึ่ง และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็สั่น เขาจำนักปราชญ์แห่งสำนักอวิ๋นลู่สองคนนั้นได้ ชายชราร่างผอมบางกลืนน้ำลายลงคอ “ท่านเจ้ากรม ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สองท่านนั้น…”
“มาถามหาคนเช่นกัน” เจ้ากรมซุนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คุณชายโจวใบหน้าเคร่งเครียด หันหน้ามาเล็กน้อย มองไปที่ชายชรา
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง