ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 28

“ช้าก่อน!” คุณชายโจวตะโกนเรียกผู้คุมและจ้องไปที่เจ้าหน้าที่ชุดคลุมสีคราม “คนผู้นี้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายกลางถนน หมายจะจัดการข้าให้ตาย และข้าคือเจ้าทุกข์” เขาหรี่ตาและพูดอย่างมีนัยลึกซึ้ง “ใต้เท้าผู้นี้ อย่าสอดเท้าเข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่น”

อีกฝ่ายเป็นขุนนางระดับห้าชั้นเอก เทียบกับบิดาของตนเองไม่ได้เลย ต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอาญา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรมการคลัง

คุณชายโจวเองก็ไม่สามารถพูดอะไรรุนแรงเกินไปได้ เขาแค่ต้องการให้อีกฝ่ายเข้าใจความหมายโดยนัยว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการล่วงเกินคุณชายของข้าราชการในตำแหน่งรองเจ้ากรมไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย

ในแวดวงราชการกลัวการสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็นมากที่สุด

ไม่คิดเลยว่าเจ้าหน้าที่ชุดคลุมสีครามผู้นี้หาได้กลัวแม้แต่น้อย แต่กลับหัวเราะเยาะเย้ย “คำพูดนี้ของคุณชายโจว ออกไปพูดกับท่านเจ้ากรมเองเถิด”

คุณชายโจวขมวดคิ้ว สบตากับชายชรา ท่านอาเฉินพูดเสียงเบาว่า “เจ้ากรมซุนกับนายท่านสนิทสนมกันมานานแล้ว…”

ประโยคครึ่งหลังหมายความว่า หากไม่เกิดเรื่องเกินความคาดหมาย เขาก็จะยุ่งเกี่ยวอย่างแน่นอน หากไม่เป็นเช่นนั้น ย่อมต้องมีปัญหา

คุณชายโจวผู้ซึ่งไม่ยอมปล่อยให้ลูกไก่ในกำมือบินหนีไปง่ายๆ แบบนี้เดินตามหลังเขาไปติดๆ ขอเพียงปัญหาไม่ใหญ่ เขาจะจับตัวสวี่ชีอันกลับมาทันที แล้วลงทัณฑ์เจ้านี่ให้ตายไปเลย

เดินออกจากเรือนจำของกรมอาญา แสงแดดที่สดใสส่องสว่าง สวี่ชีอันหรี่ตาเพื่อบรรเทาความรู้สึกเคืองตา

เขาเดินตามเจ้าหน้าที่ชุดคลุมสีครามผู้นั้นมาถึงลานที่ทำการปกครองกรมอาญา ในลานมีคนรายล้อมอยู่จำนวนมาก มีเจ้าหน้าที่ในชุดคลุมสีต่างๆ ของกรมอาญา มีชายหนุ่มชุดขาวสิบกว่าคน มีรถม้าสองคันและม้าที่ตายแล้ว มีผู้เฒ่าท่าทางสง่าผ่าเผยสองคน

คุณชายโจวเห็นทุกคนก็งุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

คุณชายโจวได้ยินเสียงของโซ่ตรวนหยุดลง สวี่ชีอันหยุดอยู่กับที่ หันกลับมา แล้วพูดอย่างชัดเจนว่า

“เจ้าควรดีใจที่ไม่ได้ลงทัณฑ์ข้า ข้าขอแนะนำตัวเองอีกครั้ง ข้าเป็นศิษย์คนใหม่ของท่านโหราจารย์”

สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก

สีหน้าของคุณชายโจวสูญเสียการควบคุมทันที เป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีทางเป็นศิษย์ของท่านโหราจารย์ได้

แต่เมื่อเห็นเสื้อคลุมสีขาวของสำนักโหราจารย์อยู่กันจนเต็มลาน คุณชายโจวและชายชราก็ต้องอยู่ในความสงบ

สวี่ชีอันไม่ได้สนใจคนทั้งสอง เดินตรงไปข้างหน้า กวาดตามองไปที่คนสวมชุดขาว กลับไม่เห็นแม่นางไฉ่เวยตามคาด

สาวสวยใบหน้ารูปไข่หน้าอกเล็กคนนั้นไม่อยู่หรือ

หัวหน้ามือปราบหวังส่งหนังสือในการเล่นแร่แปรธาตุที่ล้ำค่ามาแล้ว แต่แม่นางไฉ่เวยไม่อยู่…แต่บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุแห่งสำนักโหราจารย์ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือแล้วจึงได้มาช่วยข้างั้นหรือ

หรือบางทีแม่นางไฉ่เวยอาจจะไม่สามารถปลีกตัวมาได้ ดังนั้นจึงขอให้ศิษย์ร่วมสำนักมาช่วยข้าแทน!

สวี่ชีอันหายใจเข้าลึกๆ ท่ามกลางเสียงโซ่ตรวนนั้น “สวี่ชีอันคารวะศิษย์พี่ทุกท่าน”

ศิษย์พี่? ซ่งชิงตกตะลึง สังเกตสวี่ชีอันอย่างละเอียด “หนังสือนั่น เจ้าเป็นคนเขียนหรือ”

ดวงตาของเขาไม่เป็นมิตรเท่าไร…สวี่ชีอันพยักหน้า “ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับพูดคุยกัน รอให้ออกจากกรมอาญาไปก่อน ศิษย์พี่ต้องการถามสิ่งใด หากหนิงเยี่ยนรู้จะตอบทุกคำถามโดยไม่ปิดบังอย่างแน่นอน”

เมื่อเห็นสวี่ชีอันพูดคุยกับคนชุดขาวของสำนักโหราจารย์แล้ว คุณชายโจวก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาเบือนหน้าไปทางอื่น ในใจลึกๆ ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นความจริง รีบเดินไปยืนข้างๆ เจ้ากรมซุนอย่างรวดเร็วและกระซิบว่า

“ใต้เท้าซุน คนของสำนักโหราจารย์…”

เจ้ากรมซุนเหลือบตามองเขา “มาถามหาคนกับข้า”

คุณชายโจวเซไปเล็กน้อย

ชายชราร่างผอมบางสูดลมหายใจลนลานขึ้นมาทันที

‘เขาเป็นลูกศิษย์ของท่านโหราจารย์จริงๆ หรือว่า! เป็นไปไม่ได้ และถ้าเขาเป็นลูกศิษย์ของท่านโหราจารย์จริง คดีเงินภาษีคงไม่มีวันเกี่ยวโยงไปถึงครอบครัวสกุลสวี่’

คดีเงินภาษี!!

ชายชราร่างผอมบางนึกถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง ‘ถ้าท่านโหราจารย์รับเป็นศิษย์หลังเกิดคดีเงินภาษีเล่า’

‘เขาไขความลับคดีเงินภาษีได้จริง และทำเงินปลอมขึ้นมา อัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถในการเล่นแร่แปรธาตุด้วยตัวเองเช่นนี้ ท่านโหราจารย์เห็นดังนี้จึงเกิดความคิดรับเป็นศิษย์เป็นกรณีพิเศษก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แล้วก็มีความเป็นไปได้สูงด้วย นอกจากนี้หากไม่ใช่ศิษย์ของท่านโหราจารย์ เหตุใดคนชุดขาวกลุ่มนี้จึงมารวมตัวกันที่นี่?’

ในเวลานี้ชายชราร่างผอมบางสังเกตเห็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เงียบขรึมสองคน และม้าที่ตายอย่างประหลาด เขาจ้องมองครู่หนึ่ง และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็สั่น เขาจำนักปราชญ์แห่งสำนักอวิ๋นลู่สองคนนั้นได้ ชายชราร่างผอมบางกลืนน้ำลายลงคอ “ท่านเจ้ากรม ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สองท่านนั้น…”

“มาถามหาคนเช่นกัน” เจ้ากรมซุนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

คุณชายโจวใบหน้าเคร่งเครียด หันหน้ามาเล็กน้อย มองไปที่ชายชรา

สวี่ชีอันยกขื่อไม้ขึ้น ฟาดลงบนศีรษะของเขาอย่างโหดเหี้ยม จนไม้หักกระจาย

คุณชายโจวตาเหลือก หงายหลัง เลือดสีแดงไหลออกมาจากศีรษะของเขา

สวี่ชีอันมองไปที่ชายชราผอมบางด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตบข้าให้ตายเช่นนั้นหรือ”

ทุกคนเงียบกริบ!

“ต่อหน้าศิษย์พี่ของข้าและใต้เท้าแห่งกรมอาญาทุกท่าน ต่อหน้าปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่าน ตบมดตัวนี้ให้ตาย เร็วเข้า”

ความโกรธที่ปะทุขึ้นสู่ใบหน้าลดลงราวกับกระแสน้ำ ชายชราร่างผอมบางยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว

รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด…ลูกขุนนางจึงจะสามารถต่อกรกับลูกขุนนางได้ ความเที่ยงธรรมของกฎหมายใช้ได้กับสามัญชนเท่านั้น…สวี่ชีอันอาบน้ำท่ามกลางแสงแดดในต้นฤดูหนาว รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่

หลังจากออกจากกรมอาญาแล้ว สวี่ชีอันก็เห็นม้าเร็วสองตัวควบม้าจากปลายถนน พวกเขาคือสวี่เอ้อร์หลางและอารองสวี่

พ่อลูกทั้งสองเห็นคนสวมชุดขาวของสำนักโหราจารย์ห้อมล้อมสวี่ชีอันอยู่ สีหน้าเคร่งเครียดของอารองก็ดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด

คนของสำนักโหราจารย์มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร…ดวงตาของอารองมีแววสงสัย ตัวเขาเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุด เคยเข้าร่วมสงครามซานไห่ เขาไม่ได้ปฏิบัติต่อนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งสำนักโหราจารย์ว่าเป็นเหมือนเทพเช่นคนธรรมดาทั่วไป

สวี่ซินเหนียนบังคับบังเหียนม้า เหลือบมองญาติผู้พี่ของเขาแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ขอบพระคุณท่านมู่ไป๋”

สวี่ชีอันจึงต้องประสานมือคารวะคนของสำนักโหราจารย์ จากนั้นก็คารวะปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองพร้อมกับญาติผู้น้องอีกครั้ง

หลี่มู่ไป๋พูดด้วยความเสียดายว่า “มีพรสวรรค์ด้านบทกวีเช่นนี้ เหตุใดจึงไปเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ หนิงเยี่ยน เจ้าสนใจที่จะมาอยู่ที่สำนักอวิ๋นลู่เพื่อศึกษาลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋าหรือไม่”

รู้จักกันไม่ถึงภายในสองเค่อ[1]ก็เรียกหนิงเยี่ยนแล้ว…จางเซิ่นกล่าวเสริมว่า “ฝากตัวเป็นศิษย์ข้าได้พอดีเลย”

สวี่ชีอัน ‘???’

………………………………………………

[1] เค่อ 1 เค่อเท่ากับ 15 นาที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง