บทที่ 274 ไถ่ตัว
สวี่ชีอันนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่ ยกถ้วยชา ดื่มไปหนึ่งอึก แล้วพูดช้าๆ ว่า “ลองพูดมา”
แม่นางหรงหรงเม้มริมฝีปากแดง แล้วพูดว่า “ในเมื่อใต้เท้าสวี่เคยได้ยินชื่อเสียงของข้ามาก่อน คิดว่าคงคุ้นเคยกับชื่อของโจรสาวพันหน้าผู้ปราดเปรียวเช่นเดียวกัน”
“เคยได้ยิน” สวี่ชีอันลูบขากรรไกรล่าง พร้อมมองนาง “เจ้าหมายความว่า คนที่ขโมยของล้ำค่าของข้าความจริงแล้วคือโจรสาวพันหน้าผู้ปราดเปรียวคนนั้น? ”
“ฆ้องเงินหมิ่น ช่วยหาข้อมูลของโจรสาวผู้ปราดเปรียวคนนั้นให้ข้าด้วย”
หมิ่นซานหันไปสั่งให้เจ้าพนักงานให้ไปหา เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา เจ้าพนักงานก็หอบสมุดเล่มหนึ่งเข้ามา เปิดหน้าที่เกี่ยวข้อง แล้วยื่นให้สวี่ชีอัน
มีข้อมูลของโจรสาวพันหน้าผู้ปราดเปรียวไม่มากนัก มีเพียงการบันทึกไว้ว่าอีกฝ่ายเป็นจอมโจรที่ร้ายกาจมาก ไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว ไม่รู้พื้นเพและไม่รู้ว่าเป็นศิษย์สำนักใด ก่อคดีมานับไม่ถ้วน โดยไม่เคยถูกจับตัวได้
บันทึกส่วนนี้ให้ข้อมูลแก่สวี่ชีอันสองเรื่อง เรื่องแรก อีกฝ่ายไม่ใช่โจรธรรมดา ก่อคดีใหญ่ต่อเนื่อง โดยไม่เคยพลาด
เรื่องที่สอง ขอบเขตของโจรสาวผู้ปราดเปรียวจำกัดอยู่ที่การขโมยเท่านั้น กำลังในการทำลายล้างไม่มากนัก ดังนั้นที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลจึงทำการบันทึกไว้น้อยมาก และไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก
“เป็นโจรผู้ปราดเปรียวที่เป็นมืออาชีพมาก” สวี่ชีอันปิดสมุด ส่งคืนให้เจ้าพนักงาน และมองแม่นางหรงหรงที่ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา
“ทำไมโจรสาวพันหน้าผู้ปราดเปรียวจึงแปลงโฉมเป็นเจ้า? ”
แม่นางหรงหรงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ใครจะไปรู้ บางทีอาจจะอิจฉาที่ข้ามีมนุษยสัมพันธ์ดีก็ได้”
‘ดูท่าทางคงจะเคยโจมตีจุดอ่อนกันมาก่อน ดังนั้นจึงถูกแก้แค้น’ สวี่ชีอันคว้าดาบมาแขวนไว้ที่เอวตามเดิม แล้วพูดว่า “ฆ้องเงินหมิ่น ข้ามอบคนให้เจ้า หากข้าไม่อนุญาต ห้ามปล่อยตัวเด็ดขาด ใครจะมาขอก็ไม่ได้”
หลังจากมอบหมายงานแล้ว สวี่ชีอันก็รีบออกจากที่ทำการปกครอง ขี่ม้าตัวโปรดออกไป วิ่งกุบกับกุบกับไปที่เมืองชั้นนอก
‘คงต้องขอให้นักบวชเต๋าจินเหลียนออกหน้าเองแล้ว ดีที่เขารู้ที่อยู่ของนักบวชเต๋าจินเหลียน แม้ว่าจะไม่เคยไปก็ตาม’
พระอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก อีกหนึ่งชั่วยามก็ถึงเวลาห้ามออกนอกบ้านในตอนกลางคืนแล้ว เขาจะต้องหาตัวโจรสาวให้พบก่อนเวลาห้ามออกนอกบ้านในตอนกลางคืน เพื่อช่วงชิงเอาเศษหนังสือปฐพีกลับคืนมา คงต้องกลับไปที่ที่ทำการปกครอง เพื่อขอให้เว่ยเยวียนเซ็นคำสั่งจับกุมตัว
นักบวชเต๋าจินเหลียนอาศัยอยู่ในเมืองทางเหนือ ในสำนักเล็กๆ ริมแม่น้ำ ซึ่งมีลักษณะเด่นคือมีหุ่นไล่กาตัวเล็กยืนอยู่บนหลังคาของเรือนใหญ่
สวี่ชีอันมาถึงที่นี่ เคาะประตูสำนัก ภายในเงียบสงบ และไม่มีใครตอบ
“ท่านนักบวชออกไปแล้ว?”
สวี่ชีอันกระโดดข้ามกำแพงเข้าไปในสำนัก ผลักประตูเรือนใหญ่ออก ภายในเรือนสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย บนเตียง นักบวชเต๋าจินเหลียนนอนสีหน้าสงบ ราวกับว่าเสียชีวิตไปแล้ว
สวี่ชีอันตะโกนหลายครั้ง “ท่านนักบวช” เมื่อเห็นว่าเขายังหลับไม่ยอมตื่น ก็รู้ว่าตาแก่คนนี้คนนี้สิงร่างแมวออกเตร็ดเตร่อีกแล้ว
เหตุใดจู่ๆ ก็มีนิสัยแผลง ๆ แบบนี้ขึ้นมาได้…ข้าควรทำอย่างไร ไม่รู้ว่าท่านนักบวชจะกลับเมื่อไหร่…สวี่ชีอันขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็คิดอะไรขึ้นได้
เขาเดินไปที่ขอบเตียง ยกมือขึ้น แล้วแยกออกทางซ้ายและขวา แล้วตบบ้องหูของท่านนักบวชดัง ‘เผียะ เผียะ เผียะ’
ในฐานะผู้อาวุโสในยุทธภพ นักบวชเต๋าจินเหลียนควรรู้ว่าต้องปกป้องร่างกายของตัวเองอย่างไร เขาจะต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ ทันทีที่ร่างกายเป็นอันตราย เขาก็จะรับรู้ได้ทันที แม้กระทั่ง…
‘เผียะ เผียะ เผียะ!’
ในห้องมีเพียงเสียงตบมือ
ผ่านไปเป็นเวลานาน สวี่ชีอันจึงได้ยินเสียงที่ไม่ใส่อารมณ์ใดๆ ดังมาจากทางประตู “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่”
เสียงตบหยุดในทันที สวี่ชีอันได้สติพร้อมกับความประหลาดใจ มองไปที่ประตู แล้วพูดว่า “ท่านนักบวช ท่านกลับมาแล้ว”
แมวสีส้มตัวหนึ่งยืนอยู่ข้างธรณีประตู มองดูเขาอยู่ไกลๆ
สวี่ชีอันเห็นนักบวชเต๋าจินเหลียนไม่พูดจา ก็รีบอธิบายว่า “ข้ามีธุระด่วนต้องการพบท่าน แต่ท่านไม่อยู่ในสำนัก ข้าเดาว่าท่านจะต้องเตรียมทางหนีทีไล่สำหรับร่างกายไว้ จึงต้องทำเช่นนี้”
แมวสีส้มยังคงเปล่งเสียงที่ไม่ใส่อารมณ์ใดๆ “แล้วเจ้าเดาได้หรือไม่ว่าทันทีที่เจ้าเข้ามาในสำนัก ข้าก็รับรู้ได้แล้ว”
แม้กระทั่งทันทีที่ข้าเข้ามาในสำนัก นักบวชเต๋าจินเหลียนก็รับรู้แล้วว่ามีแขกมาเยือน…สวี่ชีอันกล่าวอย่างงุนงงว่า
“ข้าไม่รู้ ”
แมวสีส้มพยักหน้า ย่างเข้าห้องมาอย่างสง่างามแบบแมว กระโดดขึ้นไปบนเตียง แล้วถามว่า “มีธุระอะไร”
“เศษหนังสือปฐพีของข้าถูกขโมยไป”
ในขณะนั้น เขาได้เล่าเรื่องที่ตัวเองได้พบกับโจรสาวพันหน้าอย่างไร และจับตัวแม่นางหรงหรงมาผิดตัวได้อย่างไรให้นักบวชเต๋าจินเหลียนฟัง
“หลังจากที่เศษของหนังสือปฐพียอมรับเจ้าของแล้ว คนภายนอกก็ไม่สามารถเห็นจดหมายที่ส่งต่อถึงกันได้ และไม่สามารถดึงของภายในออกมาได้ เจ้าสามารถวางใจได้” แมวสีส้มท่าทีสงบมาก
“แล้วเมื่อข้าได้รับมันจากมือท่าน ก็เท่ากับเป็นของที่ไม่มีเจ้าของ”
“ถูกผู้นำเต๋านิกายปฐพีลบตราไปแล้ว”
สวี่ชีอันพยักหน้า เขารู้เรื่องนี้เหล่านี้นานแล้ว “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พวกเราไปเอาเศษหนังสือปฐพีกลับคืนกันเถิด”
“ตามข้ามา”
แมวสีส้มกระโดดลงจากเตียง และวิ่งออกจากห้อง หลังจากที่สวี่ชีอันวิ่งตามออกไป เขาก็พบว่ามันนั่งยองๆ อยู่บนหลังม้า เอียงคอรอตัวเองอย่างเงียบๆ
ทำไมท่านนักบวชไม่ไปด้วยร่างของตัวเอง แม้ว่าจะชอบแมวมาก แต่เวลานี้จะไปทำเรื่องที่เป็นการเป็นงาน…หรือว่าสำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะไปในร่างของตัวเองหรือไปด้วยจิตเดิมก็ไม่แตกต่างกัน
สวี่ชีอันปลดสายบังเหียนของม้าด้วยความข้องใจ ลูบหน้าของแม่ม้าน้อย คิดในใจว่าต้องเสียเปรียบให้ชายอื่นขี่
กุบกับ กุบกับ…
แม่ม้าน้อยวิ่งห้อไปบนถนนที่กว้างใหญ่ ไม่มีใครขวางทางหรือแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
นี่เป็นยุคที่คนต้องหลีกทางให้รถ
“เลี้ยวซ้าย!”
เจ้าแมวสีส้มพูดขึ้นมาทันใด
สวี่ชีอันหันหัวม้า ควบคุมแม่ม้าน้อยให้เคลื่อนไหวได้อย่างสวยงาม แล้วเลี้ยวไปทางซ้าย
ภายใต้การบัญชาการของนักบวชเต๋าจินเหลียน สวี่ชีอันเปลี่ยนเส้นทางจากเมืองทางเหนือไปยังเมืองทางตะวันออก มายังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง นักบวชเต๋าจินเหลียนกล่าวว่า “เศษหนังสือปฐพีอยู่ข้างใน”
ขณะที่เขาพูด สวี่ชีอันมีความรู้สึกเหมือนสายเลือดเชื่อมต่อกัน ลึกล้ำยิ่งนัก รับรู้ถึงตำแหน่งของเศษหนังสือปฐพีได้อย่างชัดเจน
เมื่อเศษหนังสือปฐพีกับเจ้าของอยู่ใกล้กัน จะสามารถสื่อถึงกันได้
…
ภายในห้องห้องหนึ่งของโรงเตี๊ยม
หญิงสาวที่แต่งหน้าเข้ม ดวงตากลมโตเป็นประกายนั่งอยู่ที่โต๊ะ มือหนึ่งเท้าแก้ม อีกมือหนึ่งเล่นกระจกหยกอันเล็ก
“ทำไมจึงใช้เจ้าของล้ำค่าชิ้นนี้ไม่ได้”
แม่นางหรงหรงตัวปลอมจ้องมองเศษหนังสือปฐพี มองผ่านๆ ก็ดูธรรมดาไม่มีอะไรแปลก แต่ในฐานะที่นางเป็นผู้สืบทอดคนเดียวของลัทธิโจร จึงมีสัญชาตญาณที่ว่องไวต่อของล้ำค่า
การค้นหาของล้ำค่า เป็นทักษะโดยกำเนิดของศิษย์ของลัทธิโจร
บนพื้นผิวกระจกมีลวดลายแปลก ๆ มากมาย กล่อง ตั๋วเงิน หน้าไม้ และแท่งเงิน…
นางอาศัยประสบการณ์ในการ ‘ล่าสมบัติ’ มาหลายปี จึงสามารถเดาได้อย่างรวดเร็ว
นี่คือของวิเศษที่จำเจ้าของจากเลือด และมีความสามารถในการเก็บสะสมสิ่งของด้วยตัวเอง
ในใจของแม่นาง ‘หรงหรง’ ร้อนรุ่มขึ้นทันที คิดไม่ถึงว่าปลาตัวใหญ่ที่จับมาได้มากขนาดนี้ ไม่เพียงจะได้ของล้ำค่ามาชิ้นหนึ่ง แต่ในนั้นยังมีทรัพย์สมบัติล้ำค่าจำนวนมหาศาลอีกด้วย
“จะเอาของที่อยู่ข้างในออกมาได้อย่างไรนะ…”
หรงหรงตัวปลอมจับเศษหนังสือปฐพีแล้วเคาะลงบนโต๊ะดัง ‘ปัง ปัง ปัง!’
ของวิเศษที่จำเจ้าของจากเลือด นางไม่เคยเห็นมาก่อน รู้สึกหมดปัญญาแล้ว แน่นอนว่ามีหลักการหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อาวุธเวทมนตร์ที่สามารถเก็บสะสมสิ่งของทุกชนิด หากทำลายอาวุธเวทมนตร์ไป สิ่งของที่อยู่ข้างในก็จะหลุดออกมาเอง
แต่นี่เป็นของวิเศษที่จำเจ้าของจากเลือด ประเมินค่าไม่ได้ จะเห็นกับแค่ประโยชน์ตรงหน้าไม่ได้
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตู ‘ปัง ปัง’ ดังขึ้น
“ใคร”
แม่นาง ‘หรงหรง’ ขมวดคิ้วถาม นางไม่ได้ขอน้ำร้อนจากเสี่ยวเอ้อร์ และค่าห้องก็ยังมีเหลือเฟือ
“ตรวจการติดกระดาษ” เสียงผู้ชายดังมาจากข้างนอก
ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ แม่นาง ‘หรงหรง’ ก็หน้าเปลี่ยนสี คว้ากระจกหยกซ่อนไว้ในเสื้อ โดยไม่ต้องคิด ลุกขึ้นและก้าวเท้า พุ่งตัวไปที่หน้าต่าง
‘ปัง’
นางเปิดหน้าต่าง ขณะที่กำลังจะหนีออกจากที่นี่ กลับเห็นแมวสีส้มนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาสีเหลืองอำพันเหลือบมองนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง