ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 286

สรุปบท บทที่ 286 การซื้อขายเมื่อห้าร้อยปีก่อน: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สรุปเนื้อหา บทที่ 286 การซื้อขายเมื่อห้าร้อยปีก่อน – ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet

บท บทที่ 286 การซื้อขายเมื่อห้าร้อยปีก่อน ของ ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 286 การซื้อขายเมื่อห้าร้อยปีก่อน

“มีเรื่องอันใด”

เสียงอันเลือนรางของไต้ซือเสินซูดังขึ้นที่ข้างหู สวี่ชีอันมองเห็นหมอกหนาแน่นแผ่กระจาย เขาทะลุผ่านไอหมอกที่ลอยล่อง มองเห็นวัดที่เก่าทรุดโทรม ไต้ซือเสินซูรูปงามนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ประตูทางเข้า

“ไต้ซือ ก็ไม่มีอะไรหรอก…เมื่อครู่ก็แค่มองเห็นฉากยิ่งใหญ่ตระการตา จึงใคร่ขอแบ่งส่วนบุญจากท่าน” สวี่ชีอันเอ่ยอย่างนอบน้อม

“ต่อหน้ายอดฝีมือของสำนักพุทธ อย่าได้เรียกชื่อข้าในใจเป็นอันขาด” ไต้ซือเสินซูกล่าวเตือน

“เข้าใจแล้วไต้ซือ ข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงท่าน”

สวี่ชีอันบรรยายทิวทัศน์ท้องฟ้ายามราตรีที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อครู่ ก่อนจะเอ่ยอย่างปลงตก “วิชาปิดกั้นความลับสวรรค์ของท่านโหราจารย์ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง”

“เป็นถึงขั้นหนึ่งก็ย่อมยอดเยี่ยมอยู่แล้ว” ไต้ซือเสินซูเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ทว่าอาจเป็นสาเหตุที่ความทรงจำของข้าขาดหาย ข้าจำข้อมูลเกี่ยวกับโหรไม่ได้”

เอ๋…ก่อนหน้าหนึ่งร้อยปีที่ไต้ซือเสินซูจะถูกผนึก ถึงจะปรากฏระบบโหรหรือ เขาไม่รู้เรื่องพื้นฐานของระบบโหนเท่าไรนัก

สวี่ชีอันกล่าว “ไต้ซือ ไม่กี่วันก่อนข้าเคยหยั่งเชิงภิกษุที่มาจากแดนประจิม พบว่าเขารู้จักตัวตนของท่านเพียงเล็กน้อย”

ใบหน้าอันอ่อนโยนของไต้ซือเสินซูเผยสีหน้าเอาจริงเอาจังพร้อมจ้องเขาอย่างจดจ่อ “ผลเป็นอย่างไร”

สวี่ชีอันตอบ “ภิกษุของสำนักพุทธกล่าวว่าท่านเป็นคนทรยศสำนักพุทธ เพราะฆ่าท่านไม่ตายจึงผนึกท่านไว้”

“คนทรยศสำนักพุทธ…”

ไต้ซือเสินซูเอาแต่พึมพำ สีหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยน ลึกลงไปในแววตาปรากฏความเศร้าโศกและเคียดแค้น

ม่านหมอกหนาของโลกซ่อนเร้นใบนี้ไหวสะท้าน ม่านหมอกหนาพลุ่งพล่านราวกับสายลำธาร

“เจ้าทำได้ดีมาก ข้านึกถึงเรื่องในอดีตบางอย่างขึ้นมาได้” ใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าอารมณ์ของไต้ซือเสินซูจะสงบลง จึงพยักหน้ากล่าว

เรื่องในอดีตอะไรล่ะลูกพี่ แบ่งปันกับข้าหน่อยได้หรือไม่…สวี่ชีอันกล่าวในใจ

ความคิดเพิ่งจะปรากฏ ไอหมอกตรงหน้าก็ปิดลง ปิดกั้นวัดเก่าทรุดโทรมและไต้ซือเสินซูเอาไว้ ครั้นแล้วโลกทั้งใบก็เริ่มจางหาย

ทัศนียภาพแปรเปลี่ยน ของตกแต่งในห้องส่องสะท้อนอยู่ในม่านตา เขาออกมาจากในโลกซ่อนเร้นของไต้ซือเสินซู

ป้าแก่นั่นกับข้าเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด กลับไปข้าจะลองถามนักบวชเต๋าจินเหลียนว่าเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอย่างไรกันแน่ มิเช่นนั้นก็จะรู้สึกค้างคาและไม่สบายใจอยู่ตลอด…ไม่รู้ว่าสมณทูตจากสำนักพุทธจะไปเมื่อไร ช่วงนี้ข้าจะพยายามไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ไต้ซือตู้เอ้อร์แข็งแกร่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้เสียอีก พลังจิตวิญญาณของข้าในตอนนี้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว อีกไม่นานก็ลองบุกทะลวงได้ แต่เมื่อได้เห็นความอัศจรรย์ของพลังระดับเพชรของสำนักพุทธ ข้าก็ไม่ชอบใจกระดูกเหล็กผิวทองแดงของทหารเล็กน้อย…ความทรงจำของไต้ซือเสินซูขาดหายไป ไม่มีวิชากังฟูนี้ เหิงหย่วนก็เป็นหมาหัวเน่า เรียนถึงเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งแบบนี้ไม่ได้ ยากแล้ว

เขานอนคิดฟุ้งซ่านอยู่บนเตียง ทันใดนั้นความรู้สึกหวั่นใจที่คุ้นเคยก็โหมเข้ามา

สวี่ชีอันยื่นมือไปดึงชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมาจากใต้หมอนพลางลุกขึ้นจุดตะเกียงน้ำมัน นั่งตรวจสอบข้อความอยู่ที่โต๊ะ

หมายเลขหนึ่ง ‘ท่านนักบวช ผู้นำของสมณทูตแดนประจิม ไต้ซือตู้เอ้อร์เป็นขั้นอะไร’

ไม่บ่อยนักที่คนบ้าหมายเลขหนึ่งที่คอยซุ่มอ่านจะเป็นฝ่ายเริ่มส่งข้อความมาก่อน

หมายเลขเก้า ‘ตู้เอ้อร์เป็นอรหันต์ขั้นสอง พิฆาตกลีพละ’

อรหันต์ขั้นสอง นี่เป็นไปตามที่ข้าคาดเอาไว้…ว่าแต่พิฆาตกลีพละคืออะไร สวี่ชีอันย้อนนึกเล็กน้อย ยืนยันว่าในคลังเอกสารของที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลไม่ได้บันทึก ‘พละ’ ไว้

หมายเลขสี่ ‘สิ่งที่เรียกว่าพละเป็นคำเรียกของสำนักพุทธ อรหันต์มีสามมหาพละ แบ่งออกเป็นพิฆาตกลี มิหวนคืน และอรหันต์ ซึ่งอรหันต์พละสูงที่สุด พิฆาตกลี และ มิหวนคืน อยู่ระดับเดียวกัน’

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…แม้จะฟังไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่สุดยอดมาก! สวี่ชีอันพยักหน้าช้าๆ

หลังจากอธิบาย หมายเลขสี่ก็กล่าว ‘แต่ข้ารู้สึกว่าลักษณะธรรมที่สองที่ปรากฏกายในคืนนี้แข็งแกร่งแบบไร้เหตุผลเล็กน้อย’

ลักษณะธรรมที่หนึ่งเป็นพิฆาตกลีพละรวมตัวกัน เป็นพลังของตัวไต้ซือตู้เอ้อร์ ปราณของลักษณะธรรมที่สองยิ่งใหญ่กว่า หนักและหนายิ่งกว่า

หมายเลขเก้า ‘นั่นเป็นลักษณะธรรมเนตรพิโรธระดับเพชร หนึ่งในเก้ามหาลักษณะธรรม’

หมายเลขสี่ ‘มิน่าเล่า ที่แท้พระโพธิสัตว์ก็ลงมือแล้ว’

พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ขั้นหนึ่ง?! สวี่ชีอันส่งเสียง ‘ซี้ด’ เขามองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว สันหลังเย็นวาบ ตื่นตระหนกเหมือนโจรได้ยินเสียงไซเรน

หากผู้ที่มาเมืองหลวงเป็นขั้นหนึ่ง สวี่ชีอันก็คิดว่าตนต้องถูกแขวนอีกแล้ว

นิ่งไว้ๆ ทุกระบบล้วนมีความพิเศษของมัน ปิดกั้นความลับของสวรรค์เป็นเรื่องถนัดของโหร ต้องเชื่อมั่นในพลังของท่านโหราจารย์…เขาทำได้เพียงปลอบใจตนเอง

บัดนี้หลี่เมี่ยวเจินได้เปิดใช้งานแล้วพร้อมส่งข้อความบอก ‘พวกเจ้ากำลังหมายถึงอะไร อะไรคือลักษณะธรรมที่ปรากฏกายในค่ำคืนนี้’

หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสองไม่ลงรอยกันมาตลอด หมายเลขสี่ ‘เลี่ยงที่จะสงสัย’ นาง เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสวรรค์กับมนุษย์ นักบวชเต๋าจินเหลียนจึงไม่ได้เปิดใช้งานชั่วคราว กลุ่มเงียบไปสักพัก ท้ายที่สุดหมายเลขหกเหิงหย่วนก็ส่งข้อความอธิบาย

‘สมณทูตสำนักพุทธเข้าเมืองหลวงมาแล้ว มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย มีลักษณะธรรมปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าของเมืองหลวงในค่ำคืนนี้’

ผ่านไปสักพักหลี่เมี่ยวเจินก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง ‘มาเพื่อคดีซังผองั้นหรือ’

สิ่งที่ผนึกใต้ซังผอเกี่ยวข้องไปถึงสำนักพุทธ เรื่องนี้ครั้งหนึ่งหมายเลขสามเคยประกาศภายในพรรคฟ้าดิน เมื่อนึกถึงการตายของสวี่ชีอัน ในใจนางก็นึกเสียใจเล็กน้อย

หมายเลขหก ‘ใช่’

หลี่เมี่ยวเจินส่งข้อความอย่างปลงตก ‘ศาสนาพุทธช่างแข็งแกร่งจริงๆ สมกับที่เป็นศาสนาใหญ่อันดับหนึ่งแห่งจิ่วโจว’

ศาสนาพุทธเป็นมหาอิทธิพลอันดับหนึ่งในจิ่วโจวเลยหรือ…แต่ก่อนข้าก็ไม่เคยนึกถึงจุดนี้มาก่อน พรุ่งนี้ว่าจะไปตรวจสอบข้อมูลที่ที่ทำการปกครองเสียหน่อย

หมายเลขสี่ ‘หลี่เมี่ยวเจิน เหตุใดเจ้าจึงยังมาไม่ถึงเมืองหลวง’

หมายเลขสอง ‘เหอะ ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตนานขึ้นอีกหน่อยไม่ดีหรือไง’

เฮ้ๆ แม่นาง อย่าพูดจารุนแรงเช่นนี้ ใช้คุณธรรมเข้าสยบสิ! สวี่ชีอันพูดแขวะในใจ

หมายเลขสอง ‘ข้าเลือกเดินทางบกไปยังเมืองหลวง ระหว่างทางจะได้ขจัดสิ่งชั่วร้าย สังหารขุนนางทุจริตและพวกใช้อำนาจบาตรใหญ่ได้พอดี’

เขาคิดว่าข้ามาเพราะกังวลเรื่องของเมื่อวาน…เว่ยกงหนอ เจ้าคิดว่าข้าอยู่ชั้นที่หนึ่ง อันที่จริงข้าอยู่ชั้นที่สิบแปดต่างหาก! ข้าไม่เพียงรู้ว่าพระโพธิสัตว์ลงมือเมื่อวานนี้ ข้ายังรู้ที่อยู่ของไต้ซือเสินซูอีกด้วย…สวี่ชีอันเอ่ยถามอย่างคล่องแคล่วไม่อ้อมค้อม

“เหตุใดต้าฟ่งจึงต้องช่วยสำนักพุทธผนึกสิ่งชั่วร้ายเล่า”

กระทั่งบัดนี้เขาก็เป็นคนสนิทของเว่ยเยวียนไปแล้ว ความลับที่มิอาจเปิดเผยมากมายก็เปิดอกพูดได้

“มิใช่ว่าเจ้าสืบพบบางอย่างแล้วหรือ” เว่ยเยวียนชะงักเล็กน้อย

“ตอนแรกที่สืบคดีซังผอ ข้าบังเอิญพบประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่ง เมื่อห้าร้อยปีก่อน องค์รัชทายาททรงเที่ยวเล่นอยู่ที่ซังผอ ไม่ทันระวังพลัดตกน้ำ หลังจากนั้นก็เป็นโรคฮิสทีเรีย ไม่นานก็ลาจากโลกนี้ไป ห้าร้อยปีก่อน จักรพรรดิอู่จงขึ้นครองบัลลังก์ ห้าร้อยปีก่อน จู่ๆ สำนักพุทธแดนประจิมก็มาเผยแผ่ศาสนาที่ภาคกลาง ช่วงหนึ่งร้อยปีวัดพุทธผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด กระทั่งหนึ่งร้อยปีให้หลัง ลัทธิขงจื๊อสนับสนุนให้ล้างบางพุทธ ค่ายกลใต้ซังผอจารึกด้วยอักษรพุทธสลัก ข้าสันนิษฐานตามเบาะแสว่า สิ่งชั่วร้ายนั่นก็คือสิ่งที่ถูกผนึกเมื่อห้าร้อยปีก่อนสินะ”

เว่ยเยวียนลังเลอยู่นานก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “ถูกต้อง สิ่งที่ผนึกอยู่ใต้ซังผอมาจากการซื้อขายระหว่างสำนักพุทธกับจักรพรรดิอู่จง จักรพรรดิอู่จงในตอนนั้นมีความสามารถรอบด้าน มีกองกำลังทหารและแม่ทัพฝีมือดีอยู่ภายใต้บังคับบัญชานับไม่ถ้วน ทว่าคิดจะครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิ มีอุปสรรคหนึ่งที่เขามิอาจเลี่ยงได้ตลอดกาล อุปสรรคนั้นถึงขั้นอาจทำให้แผนการอันยิ่งใหญ่ของเขามลายหายสิ้น”

บุคคลหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของสวี่ชีอัน ท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่ง!

“ท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่งจากสำนักโหราจารย์ ยอดฝีมือขั้นหนึ่งของระบบโหร มีท่านโหราจารย์อยู่ ตราบใดที่ต้าฟ่งยังไม่สิ้น ผู้ใดก็มิอาจสั่นคลอนตำแหน่งจักรพรรดิได้ เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งไร้เทียมทานและมิอาจเลี่ยงอุปสรรคได้เช่นนี้ จักรพรรดิอู่จงจึงเลือกร่วมมือกับสำนักพุทธแดนประจิม ครั้งนั้นสำนักพุทธแดนประจิมเริ่มต้นผูกพันธมิตรกับต้าฟ่ง สำนักพุทธช่วยจักรพรรดิอู่จงสังหารท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่ง จักรพรรดิอู่จงก็ต้องเห็นด้วยให้สำนักพุทธเผยแผ่ศาสนาที่ภาคกลางและผนึกสิ่งชั่วร้ายแทนสำนักพุทธ ท่านโหราจารย์เฒ่านั่นนั่งมองซังผอถูกระเบิดอย่างเงียบๆ ก็นับว่าผิดสัญญาแล้ว”

แม่เจ้าโว้ย!

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าก็ว่าอยู่ จักรพรรดิอู่จงครองบัลลังก์สำเร็จ แล้วเหตุใดท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่งถึงจากไป…ในศึกครองบัลลังก์ตอนนั้นสำนักพุทธก็เข้าร่วมด้วย สำนักพุทธมีผู้อยู่เหนือชั้นยศเช่นพระพุทธเจ้าอยู่ นี่ก็สมเหตุสมผลที่จะกำจัดท่านโหราจารย์ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของโหรไป

ช้าก่อน เช่นนั้นท่านโหราจารย์คนปัจจุบันรับบทเป็นอะไรในนั้นล่ะ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ สวี่ชีอันก็สั่นเทาเล็กน้อย เสียใจที่มาเอ่ยถามเว่ยเยวียนอยู่หน่อยๆ

“ท่านโหราจารย์ หะ เหตุใดเขาถึงได้แต่นั่งนิ่งมองสิ่งชั่วร้ายหลุดพ้นไปล่ะ…” สวี่ชีอันลังเลอยู่นาน แต่ยังคงถามข้อสงสัยนี้ออกไปอยู่ดี

เพราะปัญหานี้อาจเกี่ยวพันถึงตนอย่างมาก

ท่านโหราจารย์รู้แผนการของพวกกากเดนอาณาจักรหมื่นปีศาจ แต่ยังเลือกที่จะนั่งมองอย่างเงียบๆ ท่านโหราจารย์รู้ว่าพวกกากเดนอาณาจักรหมื่นปีศาจพักแขนที่ขาดของไต้ซือเสินซูไว้บนร่างของตน แต่ก็ยังเลือกนิ่งดูดาย มิหนำซ้ำท่านโหราจารย์ยังลอบช่วยเหลือเขาอย่างลับๆ!

ท่านโหราจารย์มีจุดประสงค์ใด เขากำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่

เขาไม่กลัวพระพุทธเจ้าโบกฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่มาถึงหน้าประตูหรือ

เว่ยเยวียนหัวเราะ ‘หึหึ’ “ใครจะรู้เล่า”

เขาหรี่ตาลง เพลิดเพลินไปกับการปรนนิบัติของฆ้องเงินคู่ใจพร้อมเอ่ย “ประชุมราชการเช้าในวันนี้ ไต้ซือตู้เอ้อร์เข้าวังแล้ว เขาเสนอจะต่อสู้กับท่านโหราจารย์ วางเดิมพันด้วยแผ่นความลับสวรรค์และวัชรปรัชญาปารมิตาสูตร หวังว่าฝ่าบาทจะเห็นด้วย ฝ่าบาทส่งคนไปสอบถามท่านโหราจารย์แล้ว ท่านโหราจารย์ก็เห็นด้วย ช่วงบ่ายจะแจกประกาศแจ้งทั่วเมืองหลวง หากชื่นชอบความครื้นเครงก็มาดูได้”

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ภายในใจสวี่ชีอันถึงได้ดำดิ่ง รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง

“ต่อสู้อย่างไร”

เว่ยเยวียนส่ายหน้า “วันนี้ก็จะรู้”

……………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง