บทที่ 286 การซื้อขายเมื่อห้าร้อยปีก่อน
“มีเรื่องอันใด”
เสียงอันเลือนรางของไต้ซือเสินซูดังขึ้นที่ข้างหู สวี่ชีอันมองเห็นหมอกหนาแน่นแผ่กระจาย เขาทะลุผ่านไอหมอกที่ลอยล่อง มองเห็นวัดที่เก่าทรุดโทรม ไต้ซือเสินซูรูปงามนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ประตูทางเข้า
“ไต้ซือ ก็ไม่มีอะไรหรอก…เมื่อครู่ก็แค่มองเห็นฉากยิ่งใหญ่ตระการตา จึงใคร่ขอแบ่งส่วนบุญจากท่าน” สวี่ชีอันเอ่ยอย่างนอบน้อม
“ต่อหน้ายอดฝีมือของสำนักพุทธ อย่าได้เรียกชื่อข้าในใจเป็นอันขาด” ไต้ซือเสินซูกล่าวเตือน
“เข้าใจแล้วไต้ซือ ข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงท่าน”
สวี่ชีอันบรรยายทิวทัศน์ท้องฟ้ายามราตรีที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อครู่ ก่อนจะเอ่ยอย่างปลงตก “วิชาปิดกั้นความลับสวรรค์ของท่านโหราจารย์ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง”
“เป็นถึงขั้นหนึ่งก็ย่อมยอดเยี่ยมอยู่แล้ว” ไต้ซือเสินซูเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ทว่าอาจเป็นสาเหตุที่ความทรงจำของข้าขาดหาย ข้าจำข้อมูลเกี่ยวกับโหรไม่ได้”
เอ๋…ก่อนหน้าหนึ่งร้อยปีที่ไต้ซือเสินซูจะถูกผนึก ถึงจะปรากฏระบบโหรหรือ เขาไม่รู้เรื่องพื้นฐานของระบบโหนเท่าไรนัก
สวี่ชีอันกล่าว “ไต้ซือ ไม่กี่วันก่อนข้าเคยหยั่งเชิงภิกษุที่มาจากแดนประจิม พบว่าเขารู้จักตัวตนของท่านเพียงเล็กน้อย”
ใบหน้าอันอ่อนโยนของไต้ซือเสินซูเผยสีหน้าเอาจริงเอาจังพร้อมจ้องเขาอย่างจดจ่อ “ผลเป็นอย่างไร”
สวี่ชีอันตอบ “ภิกษุของสำนักพุทธกล่าวว่าท่านเป็นคนทรยศสำนักพุทธ เพราะฆ่าท่านไม่ตายจึงผนึกท่านไว้”
“คนทรยศสำนักพุทธ…”
ไต้ซือเสินซูเอาแต่พึมพำ สีหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยน ลึกลงไปในแววตาปรากฏความเศร้าโศกและเคียดแค้น
ม่านหมอกหนาของโลกซ่อนเร้นใบนี้ไหวสะท้าน ม่านหมอกหนาพลุ่งพล่านราวกับสายลำธาร
“เจ้าทำได้ดีมาก ข้านึกถึงเรื่องในอดีตบางอย่างขึ้นมาได้” ใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าอารมณ์ของไต้ซือเสินซูจะสงบลง จึงพยักหน้ากล่าว
เรื่องในอดีตอะไรล่ะลูกพี่ แบ่งปันกับข้าหน่อยได้หรือไม่…สวี่ชีอันกล่าวในใจ
ความคิดเพิ่งจะปรากฏ ไอหมอกตรงหน้าก็ปิดลง ปิดกั้นวัดเก่าทรุดโทรมและไต้ซือเสินซูเอาไว้ ครั้นแล้วโลกทั้งใบก็เริ่มจางหาย
ทัศนียภาพแปรเปลี่ยน ของตกแต่งในห้องส่องสะท้อนอยู่ในม่านตา เขาออกมาจากในโลกซ่อนเร้นของไต้ซือเสินซู
ป้าแก่นั่นกับข้าเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด กลับไปข้าจะลองถามนักบวชเต๋าจินเหลียนว่าเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอย่างไรกันแน่ มิเช่นนั้นก็จะรู้สึกค้างคาและไม่สบายใจอยู่ตลอด…ไม่รู้ว่าสมณทูตจากสำนักพุทธจะไปเมื่อไร ช่วงนี้ข้าจะพยายามไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ไต้ซือตู้เอ้อร์แข็งแกร่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้เสียอีก พลังจิตวิญญาณของข้าในตอนนี้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว อีกไม่นานก็ลองบุกทะลวงได้ แต่เมื่อได้เห็นความอัศจรรย์ของพลังระดับเพชรของสำนักพุทธ ข้าก็ไม่ชอบใจกระดูกเหล็กผิวทองแดงของทหารเล็กน้อย…ความทรงจำของไต้ซือเสินซูขาดหายไป ไม่มีวิชากังฟูนี้ เหิงหย่วนก็เป็นหมาหัวเน่า เรียนถึงเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งแบบนี้ไม่ได้ ยากแล้ว
เขานอนคิดฟุ้งซ่านอยู่บนเตียง ทันใดนั้นความรู้สึกหวั่นใจที่คุ้นเคยก็โหมเข้ามา
สวี่ชีอันยื่นมือไปดึงชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมาจากใต้หมอนพลางลุกขึ้นจุดตะเกียงน้ำมัน นั่งตรวจสอบข้อความอยู่ที่โต๊ะ
หมายเลขหนึ่ง ‘ท่านนักบวช ผู้นำของสมณทูตแดนประจิม ไต้ซือตู้เอ้อร์เป็นขั้นอะไร’
ไม่บ่อยนักที่คนบ้าหมายเลขหนึ่งที่คอยซุ่มอ่านจะเป็นฝ่ายเริ่มส่งข้อความมาก่อน
หมายเลขเก้า ‘ตู้เอ้อร์เป็นอรหันต์ขั้นสอง พิฆาตกลีพละ’
อรหันต์ขั้นสอง นี่เป็นไปตามที่ข้าคาดเอาไว้…ว่าแต่พิฆาตกลีพละคืออะไร สวี่ชีอันย้อนนึกเล็กน้อย ยืนยันว่าในคลังเอกสารของที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลไม่ได้บันทึก ‘พละ’ ไว้
หมายเลขสี่ ‘สิ่งที่เรียกว่าพละเป็นคำเรียกของสำนักพุทธ อรหันต์มีสามมหาพละ แบ่งออกเป็นพิฆาตกลี มิหวนคืน และอรหันต์ ซึ่งอรหันต์พละสูงที่สุด พิฆาตกลี และ มิหวนคืน อยู่ระดับเดียวกัน’
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…แม้จะฟังไม่เข้าใจ แต่ก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่สุดยอดมาก! สวี่ชีอันพยักหน้าช้าๆ
หลังจากอธิบาย หมายเลขสี่ก็กล่าว ‘แต่ข้ารู้สึกว่าลักษณะธรรมที่สองที่ปรากฏกายในคืนนี้แข็งแกร่งแบบไร้เหตุผลเล็กน้อย’
ลักษณะธรรมที่หนึ่งเป็นพิฆาตกลีพละรวมตัวกัน เป็นพลังของตัวไต้ซือตู้เอ้อร์ ปราณของลักษณะธรรมที่สองยิ่งใหญ่กว่า หนักและหนายิ่งกว่า
หมายเลขเก้า ‘นั่นเป็นลักษณะธรรมเนตรพิโรธระดับเพชร หนึ่งในเก้ามหาลักษณะธรรม’
หมายเลขสี่ ‘มิน่าเล่า ที่แท้พระโพธิสัตว์ก็ลงมือแล้ว’
พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ขั้นหนึ่ง?! สวี่ชีอันส่งเสียง ‘ซี้ด’ เขามองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว สันหลังเย็นวาบ ตื่นตระหนกเหมือนโจรได้ยินเสียงไซเรน
หากผู้ที่มาเมืองหลวงเป็นขั้นหนึ่ง สวี่ชีอันก็คิดว่าตนต้องถูกแขวนอีกแล้ว
นิ่งไว้ๆ ทุกระบบล้วนมีความพิเศษของมัน ปิดกั้นความลับของสวรรค์เป็นเรื่องถนัดของโหร ต้องเชื่อมั่นในพลังของท่านโหราจารย์…เขาทำได้เพียงปลอบใจตนเอง
บัดนี้หลี่เมี่ยวเจินได้เปิดใช้งานแล้วพร้อมส่งข้อความบอก ‘พวกเจ้ากำลังหมายถึงอะไร อะไรคือลักษณะธรรมที่ปรากฏกายในค่ำคืนนี้’
หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสองไม่ลงรอยกันมาตลอด หมายเลขสี่ ‘เลี่ยงที่จะสงสัย’ นาง เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสวรรค์กับมนุษย์ นักบวชเต๋าจินเหลียนจึงไม่ได้เปิดใช้งานชั่วคราว กลุ่มเงียบไปสักพัก ท้ายที่สุดหมายเลขหกเหิงหย่วนก็ส่งข้อความอธิบาย
‘สมณทูตสำนักพุทธเข้าเมืองหลวงมาแล้ว มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย มีลักษณะธรรมปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าของเมืองหลวงในค่ำคืนนี้’
ผ่านไปสักพักหลี่เมี่ยวเจินก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง ‘มาเพื่อคดีซังผองั้นหรือ’
สิ่งที่ผนึกใต้ซังผอเกี่ยวข้องไปถึงสำนักพุทธ เรื่องนี้ครั้งหนึ่งหมายเลขสามเคยประกาศภายในพรรคฟ้าดิน เมื่อนึกถึงการตายของสวี่ชีอัน ในใจนางก็นึกเสียใจเล็กน้อย
หมายเลขหก ‘ใช่’
หลี่เมี่ยวเจินส่งข้อความอย่างปลงตก ‘ศาสนาพุทธช่างแข็งแกร่งจริงๆ สมกับที่เป็นศาสนาใหญ่อันดับหนึ่งแห่งจิ่วโจว’
ศาสนาพุทธเป็นมหาอิทธิพลอันดับหนึ่งในจิ่วโจวเลยหรือ…แต่ก่อนข้าก็ไม่เคยนึกถึงจุดนี้มาก่อน พรุ่งนี้ว่าจะไปตรวจสอบข้อมูลที่ที่ทำการปกครองเสียหน่อย
หมายเลขสี่ ‘หลี่เมี่ยวเจิน เหตุใดเจ้าจึงยังมาไม่ถึงเมืองหลวง’
หมายเลขสอง ‘เหอะ ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตนานขึ้นอีกหน่อยไม่ดีหรือไง’
เฮ้ๆ แม่นาง อย่าพูดจารุนแรงเช่นนี้ ใช้คุณธรรมเข้าสยบสิ! สวี่ชีอันพูดแขวะในใจ
หมายเลขสอง ‘ข้าเลือกเดินทางบกไปยังเมืองหลวง ระหว่างทางจะได้ขจัดสิ่งชั่วร้าย สังหารขุนนางทุจริตและพวกใช้อำนาจบาตรใหญ่ได้พอดี’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง