ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 294

บทที่ 294 ไม่คุกเข่า (2)

“อาตมามาเยือนต้าฟ่ง ช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตจริงๆ”

เสียงหัวเราะของพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ดังขึ้น เพียงแค่ได้ยินเสียงนั่น เขาก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกไร้กังวลของเขาในขณะนี้ “เมื่อตระหนักรู้พุทธศาสนานิกายมหายาน ก็ได้รับชาวพุทธที่เกิดมาพร้อมรากปัญญา อามิตตาพุทธ ขอพระพุทธเจ้าทรงอวยพรสำนักพุทธ”

ทุกคนโกรธจัด

แต่กลับไม่มีเสียงก่นด่า เพราะทุกคนต่างมองไปที่สวี่ชีอันอย่างตั้งใจและกลั้นหายใจด้วยความวิตก ไม่ว่าใครก็เห็นว่าสวี่ชีอันกำลังดิ้นรนเพื่อต่อต้าน ‘เทพอสุราถามใจ’

“อดทนไว้ อดทนไว้…” ยายตัวร้ายพึมพำ มือเล็กบอบบางบิดกระโปรงแน่น

รูม่านตาของฮว๋ายชิ่งขยายเล็กน้อย นางมีความคิดหนึ่งอยู่ในใจ เป็นความคิดที่ชัดเจนมาก ความคิดนี้กลายเป็นคำว่า ‘อย่า’

สวี่ผิงจื้อยืนขึ้น มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ราวกับว่าเขาออกแรงไปพร้อมกับหลานชาย

“เจ้าดูไม่สนใจว่าเขาจะเป็นภิกษุหรือไม่”

หญิงสาวหน้าตาธรรมดากวาดตามองและพบว่าทุกคนกำลังวิตกกังวลและโกรธจัด แต่ญาติผู้น้องของสวี่ชีอันคนนี้ไม่ได้มองสาวกเติ้ง กลับกันเขาจ้องไปที่พระอรหันต์ตู้เอ้อร์

“ข้าสนใจ” สวี่ซินเหนียนกล่าว

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงจ้องไปที่พระอรหันต์ตู้เอ้อร์”

“ข้ากำลังคิดว่าควรจะแทงเขาจากมุมไหน”

ด้านบนสุดของหอดูดาว จักรพรรดิหยวนจิ่งหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาชี้สวี่ชีอันที่อยู่ในแดนลับและเอ่ยอย่างร้อนใจ “ท่านโหราจารย์ ข้าไม่ยอมให้สวี่ชีอันเปลี่ยนไปเข้าสำนักพุทธและกลายเป็นพุทธสาวกหรอกนะ

“ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร ท่านก็ต้องหยุดเขา”

ท่านโหราจารย์ยิ้ม “ฝ่าบาทเป็นถึงจักรพรรดิ เพียงแค่ฆ้องเงินคนเดียวไม่เห็นจำเป็นต้องใส่ใจ”

“ไม่ได้!”

จักรพรรดิหยวนจิ่งคัดค้านและเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ไม่ง่ายเลยที่ต้าฟ่งจะมีผู้วิเศษที่สวรรค์ส่งมาแล้วจะปล่อยให้สำนักพุทธแย่งไปได้อย่างไร ท่านต้องหยุดเขา แม้ว่าจะเสียแผ่นความลับของสวรรค์ไปก็ตาม”

ท่านโหราจารย์พยักหน้า “ฝ่าบาทวางใจเถิด”

เขาถือแก้วเหล้าไว้ เครื่องดื่มในแก้วสงบนิ่งและสะท้อนดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ภูเขากับแม่น้ำและประชาชนออกมา

ฝ่ามือแก่ชราของท่านโหราจารย์มีเส้นเลือดนูนขึ้นมาราวกับสะสมพลัง

เมื่อพระสูตรระดับเพชรมาอยู่ในมือ เป้าหมายของเขาก็บรรลุแล้ว ส่วนด่าน ‘เทพอสุราถามใจ’ จำเป็นต้องมีพลังภายนอกถึงจะขัดขวางได้ อาศัยเพียงแค่ตัวสวี่ชีอันเองไม่อาจต้านทานการตรัสรู้พุทธศาสนาได้

แต่เวลานี้เอง จู่ๆ ท่านโหราจารย์ก็หยุดและมองไกลออกไปอย่างตกตะลึง นั่นคือทิศทางของสำนักอวิ๋นลู่

“อ้า เจ้าสุนัขรับใช้ต้านทานไว้ได้” ยายตัวร้ายกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

ในแดนพุทธ ภายในวัด สวี่ชีอันปล่อยมือที่กดหมวกไว้ หมวกจึงยังคงสวมอยู่บนหัว

เขาได้รับเจตจำนงของตนเองไปชั่วขณะและต่อต้านการเข้าร่วมสำนักพุทธ ต่อต้านความคิดที่หลั่งไหลเข้ามา

ฟู่…ลมหายใจนี้เป็นลมหายใจของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนนอกสนาม

พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ขมวดคิ้วและส่ายหน้า “มีเพียงเปลี่ยนไปเข้าสำนักพุทธเท่านั้นจึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์ได้และมีชีวิตอมตะ การมีชีวิตอมตะจึงจะทำให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ได้ เห็นได้ชัดว่ามีรากพุทธที่ยิ่งใหญ่ แต่เหตุใดถึงดื้อดึงเช่นนี้”

การต่อต้านของสวี่ชีอันราวกับกระตุ้นความโกรธของพระพุทธรูป หมอกในฝอซานสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ธรรมลักษณะร่างทองที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าก็ควบแน่น

มันเหมือนกับว่าทุกสิ่งในโลก ทุกสิ่งทุกอย่างเล็กลง เมฆหมอกปกคลุมรอบกายเขา ใบหน้าของธรรมลักษณะซ่อนอยู่ในฟ้าสูงที่ตาเปล่ามองไม่เห็น

แม้แต่วัดยังไม่ใหญ่เท่าฝ่ามือของธรรมลักษณะ

ธรรมลักษณะที่ยิ่งใหญ่ค่อยๆ ก้มหน้าลงมาเพื่อมองไปที่วัด จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นฝ่ามือพุทธขนาดใหญ่ออกมา

กดลง!

ภายในวัด ไหล่ของสวี่ชีอันตกลงทันที ราวกับว่าไหล่ถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับไว้

แรงกดดันมหาศาลบังคับให้เขาคุกเข่าลง

คุกเข่าไม่ได้ จะคุกเข่าไม่ได้…สวี่ชีอันเตือนตัวเองในใจ เขามีลางสังหรณ์ว่า หากเขาคุกเข่า เขาจะไม่มีทางหวนกลับอีก

เขาจะกลายเป็นตัวเองอีกคนหนึ่ง เป็นสวี่ชีอันที่นับถือพระพุทธเจ้า

ด้านนอกวัด ฝ่ามือพุทธของธรรมลักษณะที่ยิ่งใหญ่กดลงอีกครั้ง

กึกๆๆ…กระดูกทั่วทั้งร่างของสวี่ชีอันส่งเสียงลั่นราวกับถั่วแตก โดยเฉพาะกระดูกสันหลัง ซึ่งนูนออกมาเล็กน้อย พร้อมที่จะแทงเนื้อออกมาได้ทุกเวลา

หัวของเขาก้มต่ำลงกว่าเดิมจนไม่อาจตั้งตรงได้

สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือเข่าของเขาไม่ได้โค้งงอ

ไม่คุกเข่า ไม่คุกเข่า ไม่คุกเข่า! แม้ว่าข้าจะเชื่อในพระพุทธศาสนาและเชื่อด้วยความเต็มใจ แต่ก็ไม่มีใครทำให้ข้าเชื่อฟังได้

ใบหน้าของสวี่ชีอันที่กำลังก้มต่ำแดงก่ำ เหงื่อหยดลงมาทีละเม็ด ดวงตาของเขาแดงก่ำ สีหน้าดุร้าย พยายามต้านทานแรงกดดันที่พุ่งลงมาจากฟ้าอย่างเต็มกำลัง

เขาอ้าปากและถ่มน้ำลายออกมาอย่างแข็งขืน “ไม่คุกเข่า…”

สำนักอวิ๋นลู่

ตำหนักรองปราชญ์เอก ปราณใสพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทั้งตำหนักพลันสั่นสะเทือนอีกครั้ง

ในสำนัก เหล่าบัณฑิตกับอาจารย์บ้างเงยหน้าขึ้น บ้างเดินออกจากห้องและมองไปทางตำหนักรองปราชญ์เอก

แสงใสภายในตำหนักกะพริบ เจ้าสำนักจ้าวโส่วและปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สามคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดผู้อาวุโสถึงเคลื่อนไหวอีกครั้ง” จางเซิ่นถามด้วยความประหลาดใจ

กล่องไม้สีแดงที่แขวนอยู่เหนือรูปปั้นรองปราชญ์เอกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ครั้งนี้ แรงสั่นสะเทือนรุนแรงมาก ของที่อยู่ข้างในราวกับต้องการออกมาอย่างเร่งรีบ

“มีคนระดมพลังแห่งสรรพชีวิตหรือ” หลี่มู่ไป๋เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

เจ้าสำนักจ้าวโส่วขมวดคิ้วเป็นปมและประสานมือ “ผู้อาวุโส ได้โปรดสงบลงด้วยเถิด”

หวึ่งหวึ่งหวึ่ง…ใครจะคิดว่าการสั่นสะเทือนของกล่องไม้สีแดงจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้ ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามก็ทำให้ความชอบธรรมปั่นป่วนทันที พวกเขาร่วมมือกับเจ้าสำนักจ้าวโส่ว ปราบปรามกล่องไม้สีแดงและประสานมือ “ผู้อาวุโส ได้โปรดสงบลงด้วยเถิด”

กล่องไม้สีแดงสงบลงอีกครั้ง แต่ครู่ต่อมา…

‘ตู้ม!’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง