ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 314

บทที่ 314 วิธีการ

จักรพรรดิหยวนจิ่งโยนฎีกาหลังจากอนุมัติแล้วให้ขันทีชราเบาๆ แย้มพระสรวล “เจ้าบอกข้าทีซิว่า สรุปแล้วฮุ่ยหยวนสวี่ซินเหนียนได้ฉ้อโกงหรือไม่”

ขันทีชรารับฎีกาไปและกวาดตาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดว่า “ข้าน้อยนั้นโง่เขลา แต่ข้าน้อยก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างแปลกๆ พ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิหยวนจิ่งจ้องมองเขาอยู่พักหนึ่งและสั่งว่า “สั่งให้ที่ว่าการเมืองกับกรมอาญาจัดการคดีนี้ ต้องสืบหาความจริงมาให้ได้”

เมื่อขันทีชราน้อมรับคำสั่งและถอยออกไป จักรพรรดิหยวนจิ่งก็นั่งบนบัลลังก์ มองท้องฟ้าสีครามด้านนอกห้องทรงพระอักษร พลันยิ้มออกมา “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว”

ขันทีชราในชุดคลุมงูเหลือมออกจากห้องทรงพระอักษรและก้มหน้าเดินเร็วๆ หลังจากเดินออกมาได้ร้อยเมตร เขาก็ตบหน้าอกด้วยความตกใจ สีหน้าอึมครึม

“อนุมัติแล้วยังจะถามข้าอีก…เว่ยเยวียนหนอเว่ยเยวียน ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วยเจ้า แต่ชีวิตของข้าสำคัญที่สุด”

หลังจากนั้นไม่นาน คำสั่งจากในวังก็ถูกส่งไปยังกรมอาญากับที่ว่าการเมือง

ดูเหมือนเจ้ากรมซุนแห่งกรมอาญาจะคาดการณ์ไว้นานแล้ว หลังจากได้รับคำสั่ง เขาก็ส่งคนไปจับกุมสวี่ซินเหนียนทันที

เมื่อข้าหลวงเฉินได้รับคำสั่งที่ส่งมาจากในวังก็ถอนหายใจและส่ายหน้า “จักทะยานผ่านลมคลื่นไปสักวัน…เกรงว่าคลื่นลูกใหญ่จะซัดเข้ามาและกระทบเรือของเจ้าสิ้นคนสิ้น”

เขาเรียกเจ้าเมืองเซ่ามาทันทีและเอ่ยเสียงขรึม “ส่งคนไปจับกุมสวี่ซินเหนียนทันที พากลับมาสอบปากคำที่ที่ทำการปกครอง ต้องรีบจับกุมเขาก่อนกรมอาญา…ส่งคนไปแจ้งฆ้องเงินสวี่ด้วย”

จวนสกุลสวี่

ในฤดูใบไม้ผลิที่แสนอบอุ่น สวี่ซินเหนียนให้คนวางโต๊ะไว้ใต้ร่มไม้ แสงแดดส่องผ่านกิ่งก้านและใบกระทบโต๊ะ หนังสือและใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างกระดำกระด่าง

ข้างมือมีถ้วยชากับขนม

อาสะใภ้กำลังจะพาสวี่หลิงเยวี่ยกับสวี่หลิงอินและลี่น่าที่พักอาศัยอยู่ที่บ้านออกไปเที่ยวเล่น

ลี่น่าเห็นสวี่ซินเหนียนที่อยู่ใต้ต้นไม้และเอ่ยชมอย่างเปิดเผย “สวี่เอ้อร์หลางช่างหล่อเหลาจริงๆ หากอยู่ในเผ่าของพวกข้า พวกผู้หญิงคงตบตีกันจนเลือดตกยางออกเพื่อแย่งเขา”

อาสะใภ้ตื่นตัวทันที ราวกับเห็นหมูตัวเมียที่พยายามมารุมล้อมผักกาดขาวของบ้านตัวเอง

‘สาวน้อยผิวคล้ำจากซินเจียงตอนใต้คนนี้กำลังบอกใบ้ว่านางสนใจเอ้อร์หลางหรือ ถุย คิดเพ้อฝัน คางคกอยากกินเนื้อหงส์’

ดวงตาคู่งามของอาสะใภ้ตวัดมองลี่น่าและเร่งรัด “สายแล้ว รีบไปเถิด”

การออกเดินทางครั้งนี้นางไม่ได้พาผู้ติดตามไปด้วย ผู้ติดตามร้อยคนก็ไม่เท่ากับกับสาวน้อยผิวคล้ำจากซินเจียงตอนใต้คนเดียว ความแข็งแกร่งของสาวน้อยผิวคล้ำได้อารองสวี่กับสวี่ต้าหลางรับรองไว้

อาสะใภ้ก็เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าสาวน้อยผิวคล้ำบีบก้อนหินที่ใหญ่เท่ากำปั้นแหลกเป็นผุยผงได้อย่างง่ายดาย

ลี่น่าทิ้งสวี่เอ้อร์หลางผู้หล่อเหลาไว้เบื้องหลังและเดินออกไปข้างนอกอย่างมีความสุข เธออดใจอยากจะเดินเล่นในเมืองหลวงของต้าฟ่งแทบไม่ไหว

ตอนอยู่ซินเจียงตอนใต้เมื่อก่อน นางมักจะได้ยินเหล่าผู้อาวุโสในเผ่าพูดถึงเมืองหลวงของต้าฟ่งว่า เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก

‘นังตัวดีนี่กินเยอะและยังมีความคิดไม่เหมาะสมกับเอ้อร์หลางของข้าอีก ข้าต้องคิดหาวิธีขับไล่นางออกไป…’ อาสะใภ้ลอบคิดในใจ

หญิงสาวเผ่าอื่นที่ตกลงมาจากฟ้าคนนี้กระตุ้นความคิดกีดกันคนต่างแดนของอาสะใภ้

นางกำลังวางแผนว่าจะขับไล่หญิงสาวเผ่าอื่นออกไปอย่างไร ในสายตา นางก็เห็นทหารกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา ผลักเหล่าจางคนเฝ้าประตูล้มลงกับพื้นและตรงไปที่ลานด้านใน

หัวหน้ามือปราบที่เป็นผู้นำถือภาพเหมือนไว้ในมือและเปรียบเทียบครู่หนึ่ง เขาชี้สวี่ซินเหนียนที่อ่านหนังสืออยู่ใต้ร่มไม้และตะโกนว่า “คนนี้คือสวี่ซินเหนียน กุมตัวไป”

“พวกเจ้าเป็นใครกัน เหตุใดจึงมาจับเอ้อร์หลางของข้า” อาสะใภ้ตกใจจนหน้าซีด ด้วยความที่เป็นวัวแก่ปกป้องลูกวัว นางเลิกคิ้วขึ้นและขวางอยู่ด้านหน้าทหารอย่างไม่ลังเล

“เจ้ากล้าขัดขวางกรมอาญาจับกุมคนหรือ นำตัวไปด้วย!” หัวหน้ามือปราบคนนั้นสะบัดมือและสั่งให้ลูกน้องจับกุมอาสะใภ้

ทหารสองนายก้าวไปข้างหน้าทันที พวกเขาหยิบเชือกออกมาเพื่อคล้องหัวอาสะใภ้

‘ปัง!’

ลี่น่าก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวและผลักหน้าอกของทหารสองนายเบาๆ “อ๊าก…” เสียงกรีดร้องดังขึ้นสองเสียง ทหารกระเด็นออกไปและล้มลงด้วยความสับสน

‘ชิ้ง!’

เหล่าทหารชักอาวุธออกมาทีละคน คมมีดชี้ไปที่ลี่น่า สาวน้อยตัวแสบจากซินเจียงตอนใต้เลียริมฝีปาก นางตื่นเต้นเล็กน้อย นางสามารถสังหารคนเหล่านี้ได้ทั้งหมดภายในสิบลมหายใจ

อาสะใภ้ซึ่งตกใจจนตัวสั่นหลบไปอยู่ข้างหลังลี่น่า ทันใดนั้นนางก็พบว่าสาวน้อยผิวคล้ำคนนี้เชื่อถือได้และควรค่าแก่การพึ่งพา

“หยุด”

สวี่ซินเหนียนตำหนิ เขาวางม้วนตำราลงและเดินเข้ามา ดวงตากวาดมองคณะทหารอย่างเย็นชาและเอ่ยเสียงขรึม

“ข้าเป็นถึงฮุ่ยหยวนผู้มีชื่อเสียง พวกเจ้าบุกเข้ามาในตำหนักของข้าและบุ่มบ่ามใช้ดาบ นี่ถือเป็นโทษมหันต์”

เวลานี้ ทหารที่ถูกผลักจนกระเด็นออกไปสองนายก็ลูบหน้าอกและลุกขึ้น เมื่อหัวหน้ามือปราบเห็นว่าพวกเขาไม่มีอะไรผิดปกติก็ครุ่นคิดเล็กน้อยและเก็บดาบ เขาหยิบหนังสือคำสั่งออกมาและกล่าวว่า

“พวกข้าได้รับคำสั่งจากกรมอาญาให้นำตัวฮุ่ยหยวนสวี่กลับไปสอบปากคำที่ที่ทำการปกครอง”

สวี่ซินเหนียนขมวดคิ้ว “ข้าทำอะไรผิดหรือ”

“ฮุ่ยหยวนสวี่จะได้รู้เมื่อตามพวกข้าไป” หัวหน้ามือปราบสะบัดมือและตะโกนว่า “นำตัวไป”

ลี่น่ากำลังจะลงมือ แต่ถูกสวี่ซินเหนียนหยุดไว้ เขาเดินไปหาทหารของกรมอาญา “ข้าจะไปกับพวกเจ้า”

อาสะใภ้กับสวี่หลิงเยวี่ยตามไปถึงด้านนอกจวน จนกระทั่งทหารคุ้มกันสวี่ซินเหนียนหายไปที่มุมถนน

ลี่น่ากระซิบ “สวี่เอ้อร์หลางก็ขโมยตำลึงเงินหรือ”

นางรู้ว่าการขโมยตำลึงเงินจะต้องถูกทหารจับกุม

เวลานี้เอง เหล่าจางคนเฝ้าประตูก็จูงม้าขอสวี่ซินเหนียนมาและกล่าวว่า “นายหญิง คุณหนู ข้าน้อยจะให้คนไปแจ้งนายท่านทันที”

อาสะใภ้กับสวี่หลิงเยวี่ยหันหลังพร้อมกันและตะโกนว่า “ไปหาต้าหลาง/พี่ใหญ่เร็วเข้า”

“อะไรนะ ทหารของกรมอาญามาจับกุมเอ้อร์หลางที่จวนหรือ”

ในที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล สวี่ชีอันที่ได้รับข่าวจึงตกตะลึงโดยที่ไม่ทันตั้งตัวเล็กน้อย

“ต้าหลาง ท่านรีบคิดหาวิธีเถิด นายหญิงกับคุณหนูต่างก็ร้องไห้ด้วยความกังวล” ลูกชายของเหล่าจางคนเฝ้าประตูมีสีหน้าวิตกกังวล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง