อารองสวี่ประทับใจอยู่ชั่วครู่ ไม่เสียแรงที่เขาพยายามไกล่เกลี่ยมากว่ายี่สิบปี แม้ภรรยาที่บ้านยังคงไม่ชอบหลานชาย ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกหลานยังคงดีอยู่
อารองสวี่รับเด็กสาวตัวน้อยที่หลับสนิทจากอ้อมอกลูกสาวแล้วพูดปลอบใจ “หนิงเยี่ยนออกมาแล้ว เรื่องราวผ่านพ้นไปแล้ว”
สวี่หลิงเยวี่ยไม่เชื่อ
อารองสวี่พร่ำเอ่ยปากเปียกปากแฉะ นางก็ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งพร้อมทอดสายตามองพี่รอง
สวี่ซินเหนียนเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เรื่องเล็กน้อย”
สวี่หลิงเยวี่ยก็เชื่อแล้ว
ผู้ที่หยิ่งยโสเช่นพี่รองคงไม่โกหกเรื่องใหญ่เช่นนี้
นายอำเภอจูให้ความสนใจกับการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เมื่อรับทราบข่าวจากขุนนางผู้น้อย จึงรีบมุ่งหน้ามาทันที
“พวกเจ้าแก้ไขเรื่องของคุณชายโจวได้อย่างไร” นายอำเภอจูสงสัยไม่แน่ใจ นอกเสียจากคุณชายโจวจะยอมแพ้เอง แต่เขาคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
“ข้าเชิญท่านอาจารย์มา” สวี่ซินเหนียนกล่าว
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…นายอำเภอจูกระจ่างแจ้งโดยพลัน ทว่าก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เหล่าขุนนางใหญ่ในโถงราชสำนักล้วนมาจากราชวิทยาลัยหลวง เป็นที่ทราบกันดีว่าราชวิทยาลัยหลวงและสำนักอวิ๋นลู่ไม่ถูกกันอย่างยิ่ง
ต่อให้อาจารย์ของสวี่ซินเหนียนจะเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ เจ้ากรมซุนจากกรมอาญาก็มิอาจปล่อยคนส่งเดชเช่นนี้ ที่ขาดไม่ได้คือการทะเลาะวิวาท การจะฉีกหน้านักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักอวิ๋นลู่ไม่ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ง่ายๆ
“และยังมีท่านมู่ไป๋” สวี่ซินเหนียนกล่าวจบก็เสริมขึ้นอีก “รวมถึงพวกชุดขาวจากสำนักโหราจารย์”
“เจ้ากล่าวสิ่งใดหนา!” นายอำเภอจูตกตะลึง สีหน้าระแวดระวัง ท่าทางเรียบร้อยขึ้นมาก “พ่อเป็นเสือลูกไม่เป็นหมา[1] พ่อเป็นเสือลูกไม่เป็นหมาจริงๆ”
“ยินดีกับใต้เท้าสวี่ บุตรชายของท่านสติปัญญาเฉียบแหลม ไม่เพียงสำนักอวิ๋นลู่ให้ความสนใจ ยังสนิทสนมไปมาหาสู่กับเหล่าคนชุดขาวจากสำนักโหราจารย์ อนาคตกว้างไกล มีบุตรชายเช่นนี้ทำเอาข้าอิจฉา”
พี่รองรู้จักคนชุดขาวจากสำนักโหราจารย์ด้วยหรือ สวี่หลิงเยวี่ยมองสวี่ซินเหนียนทันที ความรู้สึกปลอดภัยผุดขึ้นมาในใจอย่างท่วมท้น
ตามปกติบุตรสาวอยู่บ้านเชื่อฟังบิดา ออกเรือนเชื่อฟังสามี สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาของสตรียามที่ไร้คู่หมั้นหมายและหลังจากออกเรือน
ยามอยู่บ้านต้องพึ่งพาบิดาและพี่ชาย
สวี่ซินเหนียนส่ายหน้า “ข้าไม่ได้เชิญท่านมู่ไป๋ เป็นความสัมพันธ์ของตัวพี่ใหญ่ข้าเอง พวกชุดขาวจากสำนักโหราจารย์ข้าก็ไม่รู้จัก พี่ใหญ่เป็นคนหามาเองเช่นเดียวกัน”
สวี่หนิงเยี่ยนไปรู้จักกับหลี่มู่ไป๋นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จากสำนักอวิ๋นลู่ตั้งแต่เมื่อใดกัน นี่อาจมีสวี่ซินเหนียนเป็นสื่อชักนำให้รู้จักกัน ทว่าพวกชุดขาวจากสำนักโหราจารย์จะรู้จักขุนนางผู้น้อยคนหนึ่งเช่นเขาได้อย่างไร
นายอำเภอจูตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ในหัวเต็มไปด้วยคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’
สวี่หนิงเยี่ยนทำมาหากินใต้มือเท้าเขามานานแรมปี เป็นคนไม่โดดเด่นที่พูดน้อยอยู่เสมอ ความสัมพันธ์กับสหายร่วมงานก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ถึงกับไว้วางใจ
ไม่ได้มากฝีมืออะไรนอกเสียจากต่อสู้ได้
แต่จู่ๆ ในเวลานี้กลับมีทั้งเชาวน์ปัญญาทั้งลื่นไหล ถือเป็นพี่เป็นน้องกับหัวหน้ามือปราบหวัง ดื่มสุราชนจอกพูดคุยอย่างสำราญกับสหายร่วมงาน
ทว่าอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ถึงกับได้รับความสำคัญจากนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่และได้รับมิตรภาพจากเหล่าคนชุดขาวของสำนักโหราจารย์
‘หากเป็นเช่นนี้ตำแหน่งฐานะของสวี่หนิงเยี่ยนก็มิอาจเทียบเคียง ต่อให้เป็นข้ายังต้องเกรงใจเขาอยู่บ้าง…รอเขาประชุมศาลในวันพรุ่ง ข้าจะลองหยั่งเชิงเขาและดูว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น’ นายอำเภอจูคิดในใจ
ดวงตากลมโตเป็นประกายของสวี่หลิงเยวี่ยเบิกโพลง ไม่อยากจะเชื่อ
ทว่านางผู้ปราดเปรื่องก็เชื่อมโยงได้ทันที หรือจะเป็นบทกวีบทนั้น? พี่ใหญ่เขียนบทกวีอำลาแทนพี่รองและได้รับความสนใจจากนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นจึงยินยอมช่วยไกล่เกลี่ย
ทว่า เซียนของสำนักโหราจารย์รู้จักกับพี่ใหญ่ได้อย่างไร…พี่ใหญ่เขานับวันยิ่งลึกลับขึ้นเสียจริง
…
สวี่ชีอันเดินตามซ่งชิงไปบนระเบียงทางเดิน ช่องลมบนกำแพงด้านขวาสาดส่องลำแสงออกมานำมาซึ่งแสงสว่าง
“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าเล่นแร่แปรธาตุ เมื่อครู่เจ้าพูดว่าเล่นแร่แปรธาตุแล้ว!” ซ่งชิงตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
“มีอะไรหรือ” สวี่ชีอันใจหนักอึ้ง สงสัยว่าตนพูดอะไรผิดไป
“ข้าคิดว่าการเล่นแร่แปรธาตุไม่เพียงแต่จำกัดอยู่ในสิ่งไม่มีชีวิต ข้าคิดว่าวิญญาณก็อยู่ในแวดวงการเล่นแร่แปรธาตุ ดังนั้นข้าจึงดัดแปลงแมวตัวนี้ ทว่าอาจารย์ไม่เห็นด้วย อาจารย์กล่าวว่าสิ่งมีชีวิตไม่ได้อยู่ในแวดวงการเล่นแร่แปรธาตุ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกกักกันอยู่นาน”
ท่านโหราจารย์ทำได้ดีเสียจริง…สวี่ชีอันหน้าตึงพร้อมเอ่ย “ถูกต้องหรือไม่ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”
เขาครุ่นคิดแล้วเอ่ยต่อ “หากเจ้าคิดจะโต้ตอบท่านโหราจารย์แล้วไม่อยากถูกกักขัง ข้ามีข้อเสนอ”
“เจ้าว่ามา” ซ่งชิงเห็นสวี่ชีอันเป็นสหายร่วมอุดมการณ์
“เจ้าเริ่มลงมือจากพืชได้” สวี่ชีอันเอ่ย “พืชก็มีชีวิตเช่นกัน ทว่าคุณสมบัติเบาบางกว่ามาก ข้าเคยอ่านเจอการเล่นแร่แปรธาตุที่มีความคิดตรงกับเจ้าในคัมภีร์เล่นแร่แปรธาตุโบราณ…”
เขาไม่ได้เอ่ยต่อ
“เจ้าหมายถึงสิ่งใดกัน” ซ่งชิงรู้สึกไม่สบายใจราวกับถูกบีบหัวใจ คู่ดวงตาทั้งสองบนถุงใต้ตาอันบวมเป่งเบิกกว้าง
“ศิษย์พี่ซ่ง ของเล่นที่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว” สวี่ชีอันเอ่ยเตือน “หลักการของการเล่นแร่แปรธาตุยังคงเดิม…”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะมอบของขวัญให้เจ้าสามชิ้น ด้วยระดับหลอมจิตของเจ้าในตอนนี้ ข้าคิดว่าของชิ้นนี้เหมาะกับเจ้า” ซ่งชิงเข้าใจเจตนาของสวี่ชีอันในทันที รู้สึกพึงพอใจกับหลักการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมถึงขั้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“วัสดุของหน้าไม้นี้ครั้งหนึ่งข้าเคยหลอมออกมาโดยบังเอิญ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเครื่องมือเหล็กทั่วไป ความเหนียวก็แกร่งกล้ายิ่งกว่า ทว่าเพราะความยากในการหลอมมีมากจึงมิอาจผลิตจำนวนมากได้ สายหน้าไม้สร้างขึ้นจากใยแมงมุมของแมงมุมพิษหกตาและไหมของตัวไหมเจ็ดสี มันสามารถโจมตีฝ่าเกราะคุ้มกายของทหารระดับหลอมปราณได้ ยกเว้นระดับหลอมปราณขั้นสูงสุด สิ่งล้ำค่าที่สุดของมันคือหน้าไม้ทหารนี้สลักค่ายกล ค่ายกลนี้จะทวีอานุภาพของลูกศรซึ่งข่มขวัญยอดฝีมือระดับหลอมวิญญาณได้ ทว่าใช้ได้เพียงสามครั้ง จากนั้นค่ายกลก็จะสลายไป”
สวี่ชีอันใจเต้นระส่ำ “นี่คืออาวุธเวทมนตร์หรือ”
………………………………………
[1] พ่อเป็นเสือลูกไม่เป็นหมา เปรียบเปรยว่าพ่อเป็นคนยอดเยี่ยม ลูกก็ต้องเป็นที่คนที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...