ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 373

บทที่ 373 โค้งคำนับ

ร่างสูงกว่าสิบจั้งแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ศีรษะของเขาเป็นของอ๋องสยบแดนเหนือ ลำตัวเป็นของจู๋จิ่ว มือทั้งสองข้างเป็นของพ่อมดระดับสูง ขาทั้งสองข้างเป็นของจี๋ลี่จือกู่

ผู้แข็งแกร่งระดับสูงทั้งสี่ ไม่มีส่วนใดไม่บุบสลาย หางของงูยักษ์จู๋จิ่วยาวหนึ่งร้อยจั้ง ถูกเฉือนออกเป็นสองท่อน ร่างซีกซ้ายของจี๋ลี่จือกู่มีสภาพเละ ลำไส้และอวัยวะภายในออกมากองแผ่หลาอยู่ด้านนอก

จิตวิญญาณแห่งสงครามที่อยู่เหนือศีรษะของพ่อมดระดับสูงแตกสลายไม่เหลือซาก ท่อนล่างของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย เลือดเนื้อบริเวณปากแผลฉกรรจ์ดิ้นขยุกขยิก ลิ่มเลือดทั้งขยายตัวและหดตัวราวกับหายใจ พยายามซ่อมแซมอาการบาดเจ็บ

ร่างของอ๋องสยบแดนเหนือยังคงอยู่ในสภาพดี แต่บริเวณผิวภายนอกเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ราวกับเครื่องเคลือบและเลือดก็ไหลไม่หยุด

ลมหายใจของเขาอ่อนแรงอย่างขีดสุด

“วิ่ง วิ่ง…”

จู๋จิ่วตกใจกลัวจนตัวสั่น บุคคลนี้ไม่ใช่ยอดฝีมือขั้นสาม เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือขั้นสองที่ยังไม่สมบูรณ์

ยอดฝีมือขั้นสามในระบบที่แตกต่างกันทั้งสี่รวมร่างเป็นหนึ่ง พลังปราณระเบิดจนแตะถึงเกณฑ์ขั้นสองแล้ว แต่ก็ยังสู้เขาไม่ได้

นี่หมายความว่าอะไร?

ภายใต้สภาพที่สมบูรณ์ของอีกฝ่าย นั่นคือยอดฝีมือขั้นสองอย่างแท้จริง ดังนั้น หลังจากที่เขากลืนยาโลหิตเข้าไป ร่างกายได้ซ่อมแซมบาดแผลบางส่วน และเติมเต็มส่วนที่ไม่ครบถ้วน พลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จึงปะทุออกมา

ซึ่งแตกต่างจากรากฐานของพวกเขา พวกเขาทั้งสี่ใช้ปริมาณชดเชยคุณภาพ แต่แท้จริงแล้วฝ่ายตรงข้ามคือยอดฝีมือขั้นสองตัวจริง เป็นผู้แข็งแกร่งในอาณาจักรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

งูยักษ์บิดลำตัวที่เหลืออยู่อย่างบ้าคลั่งด้วยความถี่สูงสุดในชีวิต ก่อนจะเลื้อยไปทางกำแพงเมืองที่พังทลาย

จี๋ลี่จือกู่รู้ตัวจึงหลบหนีนำหน้าไปก่อนแล้ว ช่างน่ากลัว ผู้แข็งแกร่งปริศนาท่านนี้น่ากลัวเกินไป การฆ่าเมื่อสักครู่นี้ จี๋ลี่จือกู่รู้สึกถึงจิตวิญญาณที่น่าเกรงขาม บีบบังคับเขาให้ลงเอยแบบเดียวกับพ่อที่สิ้นชีพไปแล้ว

นั่นคือจิตวิญญาณของยอดฝีมือขั้นสอง

งูยักษ์สีแดงก่ำบิดลำตัวไปมา และแผดเสียงร้องดังก้อง ราวกับปีศาจข้ามพรมแดน เพียงแต่ว่า ดวงตาแนวตั้งของปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวตัวนี้ เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอยากจะหนีไปเท่านั้น

ยักษ์ร่างสีน้ำเงินวิ่งหนีไปอีกทาง โดยไม่คำนึงถึงอวัยวะภายในที่ถูกสั่นสะเทือนจนร่วงหล่นลงมา

บนกำแพงเมือง เผ่าอนารยชนฝ่ายชิงเหยียน และกองทัพเผ่าปีศาจ ต่างก็กระโดดลงจากกำแพงและวิ่งหนีไปอย่างลุกลี้ลุกลน

ผู้นำทั้งหมดพ่ายแพ้แล้ว หากไม่ไปตอนนี้ก็อาจไม่มีชีวิตรอด

พ่อมดระดับสูงประกบสองมือเข้าด้วยกัน และท่องคาถาบางอย่าง เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้น ตามด้วยเงาดำลวงตาที่ถลาลงมาจากท้องฟ้าอันว่างเปล่า เป็นนกยักษ์ตัวหนึ่งที่มีปีกยาวกว่าสิบเมตร

วิญญาณนกแห่งสงคราม

มันม้วนตัว และพาพ่อมดระดับสูงบินขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะเดียวกัน ในฐานะพ่อมดขอบเขตหลิงฮุ่ย เขาย่อมมีมาตรการตอบโต้ต่างๆ แวบเข้ามาในหัว หากฝ่ายตรงข้ามริเริ่มที่จะโจมตีตนเองจะยิงจากมุมใด เมื่อปล่อยหมัดอันทรงอำนาจนั้นจะเลือกจู่โจมที่ใด

เขากำหนดวิธีการที่จะปกป้องตนเองมากมาย เพื่อไม่ให้ตนเองถูกฆ่าตายในสมรภูมิรบนี้

แน่นอนว่าด้วยความสามารถของพ่อมดในขอบเขตหลิงฮุ่ย เขาย่อมรู้ดีว่าความเป็นไปได้ที่ผู้แข็งแกร่งปริศนาจะไล่ตามตนเองมีไม่สูงนัก เพราะเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามคืออ๋องสยบแดนเหนือ

เขาต้องจัดการกับอ๋องสยบแดนเหนือก่อน ตามด้วยจี๋ลี่จือกู่ ต่อไปถึงจะเป็นคราวของตัวเขาเอง หรือไม่ก็จู๋จิ่ว

เพราะฉะนั้นโอกาสในการหลบหนีของเขามีค่อนข้างมาก

ร่างธรรมแห่งความมืดหดแคบลงทีละนิด จนกลับมามีขนาดเท่ากับคนอื่นๆ แต่ท่อนแขนทั้งสิบสองคู่ และวงแหวนไฟที่ด้านหลังศีรษะยังคงอยู่

“อ๋องสยบแดนเหนือ เลือดต้องล้างด้วยเลือด”

สวี่ชีอันก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กำหมัดและแกว่งแขนทุบไปบนอากาศ

ร่างของอ๋องสยบแดนเหนือแตกสลาย และกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ เลือดสีแดงสดสาดไปทั่วพื้นดิน

จากนั้น ก้อนเนื้อก็กลายเป็นหนอนตัวกลมที่บิดตัวไปมา และส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

แต่ร่างของเขากลับปรากฏขึ้นในสถานที่ที่ห่างออกไปหนึ่งร้อยจั้ง และหลบหนีขึ้นไปบนท้องฟ้า

ตัวแทนกู่!

วิธีการรักษาชีวิตของเทียนกู่ คือการเลี้ยงกู่ไว้ในร่างกาย ในช่วงเวลาปกติมันจะดูดซับพลังชีวิตและเลือดลมเพื่อกลมกลืนไปกับเจ้าของร่าง แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นและความตาย มันสามารถป้องกันภัยพิบัติแทนเจ้าของร่างได้

กู่นี้จำเป็นต้องปลูกฝังลงไปในร่างกายเท่านั้น และมันสามารถใช้ได้กับทุกคน

ในฐานะที่อ๋องสยบแดนเหนือเป็นเจ้าชายแห่งต้าฟ่ง เขาย่อมมีวิธีปกป้องตนเอง

“เจ้าไม่มีทางหนีพ้น” สวี่ชีอันแผดเสียงดังก้อง

เสินซูที่ร่วมกันไล่ล่าได้สิทธิ์ในการพูดกลับมาชั่วคราว จึงกล่าวเสียงดังว่า “ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง”

ร่างของอ๋องสยบแดนเหนือที่อยู่บนอากาศแข็งทื่อ ลำคอเคลื่อนไหวราวกับอยากจะหันกลับ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หลุดพ้นจากอิทธิพลของสำนักพุทธทรงศีล และวิ่งหนีต่อไปโดยอาศัยช่วงเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามหยุดการเคลื่อนไหว

สวี่ชีอันรีบไล่ตามหลังเขาไป ท่อนแขนทั้งสิบสองคู่ทุบลงไปอย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นผลให้อากาศระเบิดออกเป็นวงกว้าง

ในช่วงเวลาวิกฤต ร่างของอ๋องสยบแดนเหนือระเบิดเป็นควันเลือด ศักยภาพของระเบิดผลักเขาเคลื่อนย้ายไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงหมัดที่อันตรายถึงชีวิต

“กลับมา!”

มือสิบสองคู่กางออกพร้อมกัน ลากอ๋องสยบแดนเหนือกลับมาอย่างโหดร้าย มือทั้งสิบสองคู่จับศีรษะ แขน และขาของอ๋องสยบแดนเหนือไว้แน่น

บนกำแพงเมืองในเวลานี้ ดวงตาหลายคู่กำลังมองมายังสถานที่แห่งนี้ มองอ๋องสยบแดนเหนือที่ชีวิตถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย

ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา

สถานที่นี้เงียบสงัดจนน่าขนลุก

กระแสลมปราณอันบริสุทธิ์ในร่างกายของอ๋องสยบแดนเหนือกำลังไหลล้นออกมา และมือทั้งสิบสองคู่ก็เป็นเหมือนหลุมดำยี่สิบสี่แห่ง ที่บีบคั้นแก่นแท้แห่งชีวิตของเขาอย่างบ้าคลั่ง

“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงใช้ดาบสยบดินแดนได้ แต่เจ้าไม่ใช่สมาชิกในราชวงศ์ต้าฟ่ง คนสามแสนแปดหมื่นชีวิตของเมืองฉู่โจวสำคัญอะไรกับเจ้านัก?”

เมื่อสัมผัสได้ว่าแก่นแท้แห่งชีวิตกำลังหลั่งไหล ในที่สุด นักรบอันดับหนึ่งแห่งต้าฟ่งก็แสดงสีหน้าแห่งความสิ้นหวังออกมา

หากคนที่ฆ่าเขาคือท่านโหราจารย์ เขาสามารถเข้าใจได้ หากเหล่าขุนนางบุ๋นในราชสำนักกล่าวโทษเขา เขาสามารถเข้าใจได้

แต่คนผู้นี้ไม่ใช่คนของต้าฟ่ง ตัวตนก็ไม่ใช่บุคคลที่มีจิตใจดีงาม เพลิงมารสูงระฟ้า แต่เพื่อประชาชนทั้งเมืองฉู่โจวแล้วถึงกับต้องฆ่าเขาให้จมดิน

“งั้นถ้าข้าฆ่าเจ้า มันสำคัญกับเจ้าอย่างไร?”

สวี่ชีอันยิ้มเยาะด้วยความเย็นชา “หัวใจเจ้าไร้ซึ่งความยุติธรรม เจ้าสนับสนุนกฎผู้แข็งแกร่งกินเนื้อผู้อ่อนแอ งั้นวันนี้ข้าจะบอกอะไรเจ้าเรื่องหนึ่ง แทนดวงวิญญาณทั้งหมดสามแสนแปดหมื่นดวง”

หลังจากหยุดชะงักครู่หนึ่งเขาก็กล่าวด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า “อันที่จริงเจ้าไม่ใช่แม้กระทั่งมด”

“ไม่!”

อ๋องสยบแดนเหนือส่งเสียงร้องคำรามอย่างสิ้นหวัง ราวกับเสียงคร่ำครวญของสัตว์ร้ายก่อนตาย

การสังหารคนทั้งเมือง เป็นหนึ่งในแผนการที่ภาคภูมิใจที่สุดของเขา กลั่นยาโลหิตเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ในเวลาเดียวกันก็ใช้กลยุทธ์ดาบนี้คืนสนอง โดยใช้ดาบสยบดินแดนสังหารจี๋ลี่จือกู่และจู๋จิ่ว

หากสำเร็จ โลกจะจดจำเพียงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา และสรรเสริญชื่นชมเขา ใครจะจดจำวิญญาณอาฆาตสามแสนแปดหมื่นดวงนั้นกัน?

เมืองแห่งหนึ่งถูกแลกเปลี่ยนเป็นยอดฝีมือขั้นสามในเผ่าอื่นสองท่าน แลกมาซึ่งยอดฝีมือขั้นสองแห่งต้าฟ่งหนึ่งท่าน พวกเขาตายอย่างมีคุณค่าแล้ว

แต่แผนการอันน่าภาคภูมิใจที่สุดนี้ สุดท้ายก็ทำร้ายเขา

เสียงร้องคำรามของอ๋องสยบแดนเหนือสิ้นสุดลง เนื้อหนังเหี่ยวแห้งกลายเป็นซากมัมมี่

สวี่ชีอันลงแรงฉีกทึ้งศีรษะและแขนขาของเขาออกจากกัน ก่อนจะโยนทิ้งไป

ชิ้นส่วนนี้เคยเป็นขององค์ชายท่านหนึ่ง เป็นชีวิตที่อยู่ในช่วงงดงามเบ่งบานของนักรบระดับสูงท่านหนึ่ง

สายลมแดนเหนือพัดผ่านร่าง พัดพาหมอกควันในหัวใจออกไป เขารู้สึกว่าความคิดกระจ่างแจ้ง และไม่รู้สึกละอายใจสักนิด

เมื่อหลี่เมี่ยวเจินค้นพบคดีสังหารเลือดหมู่สามพันลี้ ในตอนแรกสวี่ชีอันรู้สึกหนักใจ แต่กลับไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งมากมายนัก อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องไกลตัวเขา

แต่ต่อมาเขาได้รับคำสั่งให้ไปที่ฉู่โจวเพื่อตรวจสอบคดีนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะเข้าไปจัดการ

เมื่อความจริงถูกเปิดเผยทีละนิด เขาก็ตระหนักถึงความโหดร้ายของอ๋องสยบแดนเหนือ เมื่อเขาได้เห็นความทรงจำของสมุหเทศาภิบาลเจิ้งซิ่งไหวในคืนนั้น เขาก็ตัดสินใจที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้

จะต้องทำลายแผนของอ๋องสยบแดนเหนือ หยุดยั้งเขา ลงโทษเขา

ไม่เพียงแต่สำหรับชีวิตผู้บริสุทธิ์สามแสนแปดหมื่นชีวิตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเชื่อของตัวเขาเองด้วย หากเขากล้ำกลืนความโกรธ และเก็บกลั้นเอาไว้ เรื่องนี้จะกลายเป็นปมในใจเขาไปตลอดชีวิต

ข้ารับมือกับเรื่องทั้งใต้หล้าไม่ได้ แต่ข้าสามารถจัดการเรื่องที่อยู่ตรงหน้าได้

พลทหารแดนเหนือกว่าสองหมื่นนาย และนักรบในยุทธภพกว่าร้อยคนที่อยู่บนกำแพง ต่างมองร่างที่มีแขนยี่สิบสี่ข้างงอกออกมาจากหลัง กลิ่นอายแห่งความดุร้ายค่อยๆ ลดลง เขาหันหน้าไปทางด้านล่างเมืองฉู่โจว และโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง

เมื่อเห็นฉากนี้ จู่ๆ หลิวยวี่สื่อก็เริ่มร้องไห้อย่างโศกเศร้า ก่อนจะทรุดตัวลงไปที่พื้นและคร่ำครวญอย่างหนัก

ดวงตาของเลขาธิการศาลต้าหลี่แดงก่ำ เขาจัดระเบียบเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็โค้งคำนับคนที่ลอยอยู่บนอากาศด้วยทัศนคติที่ซื่อตรงที่สุดของปัญญาชน

หยางเยี่ยนมองลึกไปยังที่ห่างไกล พลางยกกำปั้นขึ้นมาคารวะ

หัวหน้ามือปราบเฉินยกกำปั้นขึ้นมาคารวะ

ผู้บังคับบัญชาการเฉินเซียวยกกำปั้นขึ้นมาคารวะ

พลทหารกว่าสองหมื่นนายก็ยกกำปั้นขึ้นมาคารวะ

เขาเคารพให้กับการตายของผู้คนในเมือง ผู้คนกว่าสองหมื่นคนบนกำแพงเคารพเขา

หลังจากการสิ้นพระชนม์ของอ๋องสยบแดนเหนือ พลทหารแดนเหนือก็วิตกกังวลจนเสียสมดุล

ข้าต้องสังหารยอดฝีมือขั้นสามอีกคนหนึ่ง…สวี่ชีอันสื่อสารกับไต้ซือเสินซูในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง