ตอน บทที่ 430 ความลับของลั่วอวี้เหิง จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 430 ความลับของลั่วอวี้เหิง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 430 ความลับของลั่วอวี้เหิง
“นี่เพิ่งไม่นานเอง แบบนี้รอดแล้วหรือ”
สมกับที่เป็นเทพดอกไม้กลับชาติมาเกิด เก่งมากเลย ไม่มีต้นไม้หายากที่นางเลี้ยงไม่รอด?
รากบัวเก้าสีเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของนิกายปฐพี สำรวจทั่วใต้หล้า อาจจะมีเพียงต้นเดียว หกสิบปีมันจะให้ผลหนึ่งครั้ง และเมล็ดบัวที่ออกมาสามรถเนรมิตทุกสรรพสิ่งได้
ดังนั้นดาบไท่ผิงจึงได้รับการเลื่อนขั้นเป็นดาบไร้เทียมทานด้วยเหตุนี้
และตอนนี้ มีรากบัวเก้าสีสองรากแล้ว รากหนึ่งอยู่ที่พรรคฟ้าดิน อีกรากหนึ่งอยู่ในมือเขา
พูดถึงระดับความล้ำค่า ในบรรดาของล้ำค่า และไพ่ตัวเก็งของข้า รากบัวเก้าสีสามารถจัดอยู่ในสามอันดับแรกได้ แม้แต่ดาบไท่ผิงก็ยังไม่มีค่าพอที่ที่นำมาเปรียบเทียบได้ เศษหนังสือปฐพีเป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อย เวลานี้นอกจากใช้เผยแพร่หนังสือและเก็บสะสมของแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก…แม้แต่โชคชะตาและเสินซูก็ยังมีอันดับสูงกว่ารากบัว
“เอ้อ ไม่ใช่สิ ข้าต้องถามก่อน ว่ามันจะเติบโตได้อีกหรือไม่ สามารถออกเมล็ดบัวได้หรือไม่…”
กลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ ครั้งหนึ่ง สวี่ชีอันระงับความปีติยินดี หมอบตัวลงข้างอ่างน้ำมองแวบหนึ่ง จึงยิ้มแล้วพูดว่า
“พระมเหสี คิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถในการเลี้ยงต้นไม้ของท่านจะยอดเยี่ยมเช่นนี้ แม้แต่ของล้ำค่าเช่นนี้ก็ยังเลี้ยงได้ อืม มันสามารถเติบโตได้หรือไม่ สามารถออกเมล็ดบัวได้หรือไม่”
พระมเหสีพูดเบาๆ “พืชแตกรากออกหน่อ ออกดอกออกผล เป็นกฎของธรรมชาติ”
ความหมายของนางก็คือ รากบัวสามารถออกเมล็ดบัวได้ และสามารถเติบโตจากท่อนเล็กๆ เป็นรากใหญ่ได้? ในใจของสวี่ชีอันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าเช่นนั้นเจ้าสามารถเร่งให้มันโตได้หรือไม่…เขาไม่ได้ถามออกไป ระงับไว้ทัน เพราะแบบนี้มันจะเป็นการเปิดเผยเกินไป เท่ากับเป็นการเปิดเผยฐานะเทพดอกไม้กลับชาติมาเกิดของพระมเหสีอย่างชัดเจน
แบบนี้จะทำให้แม่หม้ายเกิดความหวาดหวั่น
“ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะเติบโต อีกสักระยะข้าต้องใช้มัน…”
สวี่ชีอันแสร้งทำเป็นทอดถอนใจ
เหลือบมองแวบหนึ่ง พระมเหสีเม้มปาก ดูเหมือนกำลังลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พูดเหมือนตัดสินใจแล้วพูดว่า “มันเจริญเติบโตได้ดี อีกไม่นานหรอก”
แม่หม้ายของข้ามีวิธีเร่งรากบัวให้เติบโตจริงๆ ปลาพระมเหสีตัวนี้ กลายเป็นราชาแห่งปลาในสระของข้าขึ้นมาทันที…สวี่ชีอันดีอกดีใจ พร้อมกับหยอกล้อเวลาเดียวกัน
เวลานี้รากบัวเก้าสีมีพลังจิตวิญญาณที่อ่อนแอ แต่เมื่อมันเติบโตขึ้น พลังจิตวิญญาณก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ข้าต้องไปขอความช่วยเหลือจากหยางเชียนฮ่วน เพื่อตั้งค่ายกลดักจับวิญญาณไว้ แบบนี้ถึงแม้จะมียอดฝีมือผ่านมาทางนี้ ก็ไม่สามารถสัมผัสพลังจิตวิญญาณได้…สวี่ชีอันคิดในใจ
เขาเดินรอบลานบ้านและบ้านรอบหนึ่ง มีทุกอย่างที่ควรมีแล้ว ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง และไม่อะไรเสียหาย
เมื่อมาถึงห้องนอนของพระมเหสี ตอนแรกก็อยากจะดูว่าเครื่องเรือนและคานมีปลวกหรือไม่ ก่อนหน้านี้ อาสะใภ้เพิ่งสั่งคนรับใช้ในบ้าน ให้ทาผงไล่มดบนเครื่องใช้ที่ทำจากไม้เช่น คานบ้าน และเครื่องเรือน เป็นต้น
เรื่องพวกนี้ผู้หญิงทำไม่ไหว สวี่ชีอันจึงต้องทำเอง
ทันทีที่เข้าไปในห้อง พระมเหสีก็วิ่งตามมา และรีบเก็บเสื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเอี๊ยมที่พาดอยู่บนฉากกั้น แล้วยัดไว้ใต้ผ้าห่ม
หน้าของพระมเหสีหน้าแดงเล็กน้อย แต่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ใช่ว่าข้าจะไม่เคยเห็นเอี๊ยมของเจ้าเสียหน่อย…สวี่ชีอันคิดไปคิดมาแล้วก็ถามว่า “จริงสิ เหตุใดจึงไม่เห็นเจ้าตากเสื้อผ้าเลย”
ที่ลานบ้านไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเลย พูดตามเหตุผล ฤดูร้อนที่อากาศร้อนระอุ ควรจะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยๆ เหตุใดที่ลานบ้านจึงไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเดียว
“ข้าให้ป้าจางซักให้ข้าแล้ว”
มู่หนานจือถอนหายใจด้วยความโล่งอก นั่งลงที่ขอบเตียง สะโพกงอนทับเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่อยู่ใต้ผ้าห่ม แสร้งทำเป็นจัดกระโปรง พร้อมกับพูดว่า “ลูกชายของนางไม่ได้ให้เงินนางมาสองเดือนแล้ว ไม่ ไม่มีเงินแต่แดงเดียว”
“ข้าเห็นนางขาดเงินจริงๆ จึงให้นางช่วยช้าซักผ้า โดยยอมจ่ายเงินทองแดงเพิ่มให้”
“เจ้ายังจำหลักการเรื่องมีเงินห้ามเปิดเผยให้คนรู้ได้หรือไม่” สวี่ชีอันเตือน
“ต้องจำได้อยู่แล้ว เจ้าเป็นคนสอนข้านี่นา” พระมเหสีทำเสียงหึสองครั้ง แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าจงใจให้นางเห็นกล่องเงินที่ข้าซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า มีเงินเพียง 1 ตำลึงเงินเท่านั้น และทั้งหมดก็เป็นเศษเหรียญเงินและเงินทองแดง”
ก้าวหน้ามาก ฉลาดขึ้นกว่าเดิมมาก…สวี่ชีอันพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ตามลำพังในตัวเมืองชั้นใน มีเงินเก็บหนึ่งตำลึงเงิน ไม่มากและไม่น้อยเกินไป อยู่ในระดับชนชั้นกลางระดับล่าง
ตอนเช้า สวี่ชีอันพานางออกไปเดินเล่น เดินเล่นในตลาด เดินเล่นร้านขายเครื่องประดับ และร้านขายผ้าไหม ในระหว่างนั้น นางถูกใจปิ่นเงินอันหนึ่ง ซึ่งมีราคาห้าตำลึงเงิน
แต่เครื่องประดับบนศีรษะของนางเป็นของถูกราคาแค่หนึ่งเหรียญทองแดง
เมื่อออกจากร้านขายเครื่องประดับ นางเดินตามสวี่ชีอันไปติดๆ พร้อมกับหันไปมองอย่างอาลัยอาวรณ์ แต่ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากกินข้าวกลางวันในร้านอาหารแล้ว ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน สวี่ชีอันยกม้านั่งขึงด้วยผ้าและโต๊ะกลมตัวเล็กออกมาจากห้อง แล้วเล่นหมากเรียงห้าตัวกับนาง
“เจ้าหมากตัวนี้เจ้าเดินผิดแล้ว เจ้าไม่ควรเดินมาตรงนี้” พระมเหสีพูดเสียงดัง
“ไม่ผิดนะ ข้าเดินมาตรงนี้ ก้าวต่อไปก็เรียงกันห้าตัวแล้ว ข้าก็ชนะเจ้าแล้ว”
“ดังนั้นจึงได้บอกว่าเจ้าเดินผิดแล้ว หากเจ้าชนะข้าแล้ว จะเล่นต่อได้อย่างไร”
“…”
…
“ขอข้าเดินสองตาเจ้าเดินตาเดียวได้หรือไม่”
“เจ้าคิดว่าอย่างไร”
…
“เจ้าเอาแต่รังแกผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นนี้เก่งตรงไหนกัน”
“แม้แต่ผู้หญิงที่อ่อนแอข้ายังรังแกไม่ได้ แล้วข้าจะรังแกคนอื่นได้อย่างไร”
“ไม่เล่นแล้ว!”
นางโยนหมากทิ้งอย่างโกรธเคือง แล้วหันหน้าหนี
“แต่นางก็เป็นผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่ง”
พระมเหสีหัวเราะ ‘ฮิๆๆ’ แล้วพูดว่า “ข้าจะบอกความลับเจ้าเรื่องหนึ่ง อยากฟังหรือไม่”
ท่าทางเจ้าตอนนี้ดูเหมือนอันธพาลหญิงไม่มีผิด…สวี่ชีอันฟังอย่างตั้งใจ “ความลับอะไร”
“วิธีบำเพ็ญธรรมของนิกายมนุษย์มีผลที่ตามมาที่น่าสะพรึงกลัวอย่างหนึ่ง มันจะทำให้นักพรตถูกไฟแห่งกรรมเผากาย จะมีอาการกำเริบเดือนละหนึ่งครั้ง ผู้ที่มีระดับต่ำ อาศัยปณิธานของตัวเองก็สามารถต้านทานได้
“แต่ระดับยิ่งสูงเท่าไร ไฟแห่งกรรมที่เผากายก็จะยิ่งน่ากลัว ถ้าไม่สามารถดับไฟแห่งกรรมได้ ร่างกายก็จะดับสลาย” พระมเหสีลดเสียงต่ำลง ราวกับกำลังพูดถึงความลับที่ยิ่งใหญ่
…สวี่ชีอันมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วพูดว่า “ข้ารู้ตั้งนานแล้ว”
นักบวชเต๋าจินเหลียนเคยเล่าถึงข้อเสียเกี่ยวกับของวิธีการบำเพ็ญของนิกายมนุษย์ให้เขาฟังแล้ว
ลัทธิเต๋าทั้งสามนิกาย ต่างก็มีข้อเสีย นิกายมนุษย์ ไฟแห่งกรรมเผากาย นิกายปฐพีสามารถตกสู่ทางของมารได้ง่าย นิกายสวรรค์ทำลายความเป็นมนุษย์ ไม่มีความรู้สึก
พระมเหสีหัวเรา ‘ฮิฮิ’ ราวกับอันธพาลหญิงกำลังพูดเรื่องเลวร้าย พูดเสียงเบาว่า “แล้วเจ้ารู้วิธีแก้หรือไม่”
สวี่ชีอันเหลือบมองนาง “เจ้ารู้? ”
พระมเหสีพยักหน้าอย่างแรงด้วยความถี่เหมือนไก่จิกข้าวสาร ใบหน้าเต็มไปด้วยคำว่า ‘รีบขอร้องข้า รีบขอร้องข้า’
“ความลับอะไร” สวี่ชีอันให้ความร่วมมือด้วยการแสดงสีหน้าอยากรู้
“ข้าได้ยินมาว่า จะต้องหาผู้ชายมาบำเพ็ญคู่ จึงจะสามารถพ้นภัยได้” พระมเหสีพูดด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ
“?”
ปฏิกิริยาแรกของสวี่ชีอันคือนางกำลังโกหก ปฏิกิริยาที่สองคือนางฟังคนอื่นพูดมา และปฏิกิริยาที่สามคือ บ้าเอ๊ย ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง?!
นิกายมนุษย์ต้องการใช้โชคชะตาในการบำเพ็ญ เพื่อบรรเทาไฟแห่งกรรม ดังนั้นลั่วอวี้เหิงจึงเป็นราชครู คอยแนะนำจักรพรรดิหยวนจิ่งบำเพ็ญธรรม
หรือคิดอีกแบบหนึ่งก็คือ หากหาคนที่มีโชคชะตามาบำเพ็ญคู่ ก็จะสามารถบรรลุผลเท่ากัน ไม่ใช่สิ จะได้ผลมากกว่าสิบเท่าร้อยเท่า
สวี่ชีอันไม่ได้คาดเดาโดยไม่มีเหตุผล เพราะเขารู้ซึ้งถึงศาสตร์เรื่องร่างกายฉบับสมบูรณ์ที่ตกทอดมาจากลัทธิเต๋าโบราณ แม้ว่าจะไม่เคยมีคนบำเพ็ญคู่ด้วย แต่จากการศึกษาทฤษฎีมาเป็นเวลานาน เมื่อบำเพ็ญคู่จนถึงระดับสูงจนรู้ไส้รู้พุงกัน ก็จะทำการ ‘หลอมรวมกัน’ ในชั่วขณะ
พลังปราณ จิตเดิม เป็นต้น จะแลกเปลี่ยนกันชั่วขณะ
อยู่ในภาวะในกายเจ้ามีข้า ในกายข้ามีเจ้าอย่างแท้จริง
“ลั่วอวี้เหิงอยู่ในขั้นสอง ถ้านางไม่สามารถดับไฟแห่งกรรมได้ นางก็จะต้องดับสลาย เพื่อที่จะมีชีวิตรอดจึงจำต้องเลือกเป็นราชครู เพราะจักรพรรดิหยวนจิ่งทรงเป็นจักรพรรดิ มีโชคชะตารัดตัว
“ลั่วอวี้เหิงต้องการผู้ชายที่มีโชคชะตาดี…”
ใบหน้าของสวี่ชีอันเคร่งเครียดขึ้นในทันที
…………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...