บทที่ 431 การเจรจาลับ
ลั่วอวี้เหิงต้องการผู้ชายที่มีโชคชะตาติดตัวตัวมาบำเพ็ญคู่ นางเป็นราชครู แต่กลับไม่ยอมบำเพ็ญคู่กับจักรพรรดิหยวนจิ่ง…
นักบวชเต๋าจินเหลียนน่าจะรู้เรื่องที่ข้ามีโชคชะตาติดตัวเป็นอย่างดี นักบวชเต๋าจินเหลียนเคยขอยาจากลั่วอวี้เหิงหลายครั้ง และระบุให้ข้าเป็นคนไปขอทุกครั้ง…
ก่อนออกเดินาทางไปฉู่โจว ลั่วอวี้เหิงฝากฉู่หยวนเจิ่นมอบดาบยันต์ให้ข้า…
ขณะที่ปกป้องเม็ดบัวที่เจี้ยนโจว นักบวชเต๋าจินเหลียนได้บังคับมอบยันต์ป้องกันตัวแก่ข้า และให้ข้าเรียกหาลั่วอวี้เหิงในช่วงเวลาวิกฤติ และนาง ก็มาจริงๆ…
รายละเอียดทุกอย่างที่ดูเหมือนสมเหตุสมผล หรือไม่สมเหตุสมผล แวบเข้ามาในสมองของสวี่ชีอันทีละอย่าง
หากเจ้าต้องการเช่นนี้ ข้าคงลำบากใจมาก! สีหน้าของเขาดูสับสน
“แต่ข้าได้ยินมาว่าราชครูไม่ได้เลือกที่จะบำเพ็ญคู่กับหยวนจิ่ง”
สวี่ชีอันควบคุมอารมณ์ พูดด้วยน้ำเสียงคุยเล่น
พระมเหสีเหลือบตาขึ้นมอง แสดงสีหน้าครุ่นคิด แล้วส่ายหน้า
“อืม…เรื่องนี้ข้าไม่รู้แล้ว ข้าเตือนนางบ่อยๆ ให้นางฝากตัวกับจักรพรรดิหยวนจิ่งไปเลยแล้วกัน เลือกจักรพรรดิเป็นคู่บำเพ็ญธรรม ก็ไม่นับว่าเสียหาย
“แต่ดูเหมือนนางจะไม่พึงพอใจจักรพรรดิหยวนจิ่ง ไม่พึงพอใจในทุกด้าน ไม่สิ ข้ารู้สึกได้ว่านางรังเกียจจักรพรรดิหยวนจิ่ง”
รังเกียจทุกด้าน ไม่ใช่แค่โชคชะตาไม่เพียงพอ…ดวงตาของสวี่ชีอันเป็นประกายแวบหนึ่ง ถามว่า
“ผู้หญิงที่บำเพ็ญเช่นราชครู น่าจะไม่เหมือนผู้หญิงทางโลกทั่วไป ที่ให้ความสนใจกับพิธีรีตองที่ยุ่งยากเช่นหลักสามคล้อยตามสี่เจ้าธรรม”
พระมเหสีทำเสียง ‘อืม’ “ลั่วอวี้เหิงย่อมไม่เป็นเช่นนั้น แต่การเลือกคู่บำเพ็ญธรรม เกี่ยวข้องอะไรกับพีธีรีตรองที่ยุ่งยาก การเลือกคู่บำเพ็ญธรรมเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง”
ลั่วอวี้เหิงเป็นฉลามตัวหนึ่งเชียวนะ…ในใจของสวี่ชีอันรู้สึกหดหู่
บำเพ็ญคู่ก็คือการเลือกคู่บำเพ็ญธรรม ดูออกว่าลั่วอวี้เหิงเป็นคนระมัดระวังในเรื่องระหว่างชายและหญิง ดังนั้น หลังจากที่นางสำรวจจักรพรรดิหยวนจิ่งแล้ว ก็ต้องการเพียงใช้โชคชะตาในการระงับไฟแห่งกรรม แต่ไม่เคยคิดที่จะบำเพ็ญคู่กับเขาเลย
ถ้าการเดาของข้าเมื่อครู่นี้เป็นความจริง ลั่วอวี้เหิงก็กำลังสำรวจข้าอยู่เช่นกัน
เมื่อนางรู้สึกว่านางอยากจะลองบำเพ็ญคู่กับข้า นั่นก็หมายความว่านางต้องเลือกคู่บำเพ็ญธรรมแล้ว
จากการที่น้าเล็กให้ความสำคัญกับคู่บำเพ็ญธรรม ประกอบกับสถานะยอดฝีมือขั้นสองของนาง หากนางเลือกข้า ปลาในสระของข้า จะยังมีทางรอดอีกหรือ
หากเจ้าทำเช่นนี้ ข้าก็คงลำบากใจไม่ไหวแล้ว…เขาพึมพำในใจ
ทุกอย่างล้วนมีประโยชน์และโทษ ประโยชน์ก็คือ มีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ ข้ามีไพ่ตายเพิ่มอีกใบ ในอนาคตหากเข้าตาจน ข้าสามารถขายตัวให้ลั่วอวี้เหิงเพื่อแลกกับการตอบแทนได้
แน่นอนว่า เงื่อนไขแรกคือนางค่อนข้างพอใจในตัวข้า และจัดให้ข้าอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายชื่อผู้สมัครคู่บำเพ็ญธรรม
อืม ต้องหาโอกาสหยั่งเชิงนางเสียหน่อย
“เจ้าถามละเอียดขนาดนี้ทำไม” พระมเหสีพูดด้วยความสงสัย
“ราชครูเป็นผู้หญิงที่งามหยาดเยิ้มเช่นนี้ หากได้เป็นคู่บำเพ็ญธรรมของนาง นั่นคงเป็นบุญวาสนาที่ได้บำเพ็ญมาเป็นเวลายาวนาน” สวี่ชีอันแสร้งทำเป็นทอดถอนใจ
“เจ้าฝันหวานให้น้อยๆ หน่อย คุณสมบัติอันน้อยนิดของเจ้า ลั่วอวี้เหิงจะถูกใจเจ้าได้อย่างไร”
ปฏิกิริยาของพระมเหสีนั้นรุนแรงกว่าที่คิด เยาะเย้ยถากถางอย่างรุนแรง
จากนั้น นางก็ลูบคลำกำไลลูกประคำที่ข้อมือแล้วพูดเรียบๆ ว่า “รูปโฉมของลั่วอวี้เหิงนั้นไม่เลวจริงๆ แต่ถ้าจะพูดว่างามหยาดเยิ้ม ก็ออกจะเป็นการชมเกินไปหน่อย”
พูดจบ นางก็เชิดคางขึ้น ชำเลืองตามองสวี่ชีอัน
ท่าทางเช่นนี้ เป็นการบอกว่า ‘มองมาที่ข้า มองมาที่ข้า’ ‘ข้าต่างหากที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของต้าฟ่ง’ ชัดๆ
สวี่ชีอันหัวเราะเยาะอย่างดูแคลนแล้วกล่าวว่า “เจ้ากลับไปส่องกระจกที่ห้องไป”
พระมเหสีโกรธจัด และคว้าหินก้อนเล็กๆ ทุบเขา
“ก็ได้ก็ได้ เทียบกับเจ้าแล้ว ห่างไกลกันมาก” สวี่ชีอันพูดแบบขอไปที
พระมเหสียังไม่ยอมแพ้ จับกำไลลูกประคำ จะต้องแสดงใบหน้าที่แท้จริงให้เจ้าหมอนี่ดูให้ได้ ให้เขาได้รู้ว่าความจริงแล้วลั่วอวี้เหิงสวย หรือว่านางสวยกว่า
“เจ้าลองคิดดูให้ดีนะ ที่นี่คือเมืองหลวง ถ้าเจ้าถอดกำไลออก พรุ่งนี้สำนักโหราจารย์อาจจะนำทหารมาจับกุมเจ้าก็ได้” สวี่ชีอันขู่
พระมเหสีสะดุ้งทันที
ท่านโหราจารย์คือท่านโหราจารย์ สำนักโหราจารย์คือสำนักโหราจารย์ สิ่งที่ท่านโหราจารย์รู้ โหรคนอื่นๆ ในสำนักโหราจารย์อาจไม่รู้ หากพวกเขาพบรูปโฉมอันงดงามของพระมเหสี พวกเขาก็อาจหันไปรายงานทางวังก็ได้
แม้ว่าสวี่ชีอันสามารถขัดขวางไว้ได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็จะเปิดเผยว่าเขาซ่อนภรรยาหม้ายของไหวอ๋องไว้
ทันทีที่ผู้คนรู้ความลับแล้ว ก็ยากป้องกัน
นอกจากนี้ ก็ยังมีความลับเล็กๆ ที่บอกใครไม่ได้ เขากลัวเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของพระมเหสี ผู้หญิงที่ถูกซ่อนไว้งดงามมาก สมบูรณ์แบบจนไม่เหมือนคนทั่วไป
ขนาดต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงรูปโฉมธรรมดาๆ สวี่ชีอันก็ยังรู้สึกได้ว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆ ต่อนางมากขึ้นทุกวัน ถ้าเขาได้เห็นหญิงงามที่น่าทึ่งคนนั้น สวี่ชีอันก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าคืนนี้ตัวเองจะไม่ทำอะไรนางเลย
ตัวอย่างเช่นทำให้นางรู้ว่าแตงสุกจนขั้วหลุดหมายความว่าอย่างไร
แม้ความชื่นชมที่สวี่ชีอันมีต่อลั่วอวี้เหิงจะทำให้หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าฟ่งรู้สึกไม่สบายใจนัก แต่โดยรวมแล้ว วันนี้นางค่อนข้างมีความสุขมากทีเดียว
ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่สวี่ชีอันจะจากไป นางได้ทำบะหมี่ให้สวี่ชีอันกิน
…
ทั้งเหนียวทั้งข้น เห็นได้ชัดว่าต้มนานเกินไป ผงปรุงรสไก่เยอะขนาดนี้ อยากให้ข้าเค็มตายหรืออย่างไร…วันหลังจะให้นางลองชิมฝีมือของข้า ตั้งใจฝึกให้ดี
สวี่ชีอันบ่นพึมพำพร้อมเดินเข้าไปในหอคณิกา เปลี่ยนโฉมหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกลับบ้าน
หลังจากบำเพ็ญเป็นเวลาสองชั่วยามแล้ว เขาก็ขี่แม่ม้าน้อย กุบกับกุบกับไปที่หอคณิการะดับสูงแห่งหนึ่ง
รอในห้องส่วนตัวที่คุ้นเคยอยู่เป็นเวลานาน ซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวเดินเฉื่อยๆ ตามมาทีหลัง โดยสวมเครื่องแบบหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล ผูกฆ้องทองแดง และถือดาบ
เนื่องจากพวกเขาต้องการคุยเรื่องเป็นการเป็นงาน ดังนั้นจึงไม่ได้เรียกสาวๆ ทั้งสามคนนั่งล้อมโต๊ะ ดูการแสดงงิ้วในห้องโถงชั้นล่าง พร้อมดื่มเหล้าไปพลางกินถั่วลิสงไปพลาง
“เรื่องที่ให้เจ้าไปตรวจสอบเป็นอย่างไรบ้าง” สวี่ชีอันเตะซ่งถิงเฟิงทีหนึ่ง
“เมื่อคืน มีกลุ่มชายชุดคลุมดำได้เข้าไปในเมืองชั้นในจริงๆ โดยเข้าทางประตูเมืองทางใต้ แล้วยังเตือนทหารรักษาเมืองไม่ให้แพร่งพรายออกไป หึ พวกชาวเหนือที่มาจากฉู่โจว ไม่มีวันรู้หรอกว่าเมืองหลวงเป็นเขตอิทธิพลของใคร ข้าจ่ายเงินไปหนึ่งชั่ง ก็ถามข้อมูลจากทหารที่อยู่เวรเมื่อคืนได้แล้ว”
ซ่งถิงเฟิงจิบเหล้าแล้วก็จุ๊ปากพูดว่า “พวกเขาไม่ได้เข้าไปในเขตพระราชฐาน หลังจากเข้าสู่เมืองชั้นในแล้วก็หายตัวไปเลย เช้านี้ข้าให้ฆ้องเงินที่ลาดตระเวนในเขตพระราชฐานสืบข่าวให้ แต่ไม่มีใครเห็นกลุ่มสายลับเข้ามาในเขตพระราชฐานจริงๆ”
ไม่ได้เข้าเขตพระราชฐาน?
เหิงหย่วนถูกคุมขังอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองชั้นใน? ไม่ อาจเป็นไปได้ว่าถูกส่งไปยังเขตพระราชฐานทางช่องทางลับเช่นเดียวกับที่ผิงหย่วนป๋อส่งคนที่ลักพาตัวมาเข้าไปในเขตพระราชฐานอย่างเงียบๆ
“นักบวชเต๋ากล่าวว่าไต้ซือเหิงหย่วนจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ เหลือเวลาให้พวกเราเหลือเฟือ เราไม่ควรร้อนรนเกินไป หากเหิงหย่วนถูกพาเข้าไปในพระราชวัง ถ้าเช่นนั้นตอนที่พวกเราไปช่วยเขา ก็จะต้องบาดหมางกับจักรพรรดิหยวนจิ่งอย่างแน่นอน”
“หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะต้องหาทางหนีทีไล่ไว้ เตรียมตัวให้พร้อม จะช่วยคนแบบบุ่มบ่ามไม่ได้…”
ขณะที่ความคิดแวบเข้ามา สวี่ชีอันก็กล่าวว่า “แจ้งให้พี่น้องที่ลาดตระเวนตามท้องถนนรู้ว่า หากพบความผิดปกติใดๆ ในตัวเมืองชั้นใน หรือพบเห็นสายลับสวมชุดคลุมยาวสีดำและหน้ากาก จะต้องแจ้งให้ข้ารู้ทันที”
จูกว่างเสี้ยวพยักหน้าทำเสียง ‘อืม’
ซ่งถิงเฟิงก็พูดขึ้นทันทีว่า “จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าอีกสามวัน คณะทูตของเผ่าปีศาจและเผ่าอนารยชนทางภาคเหนือจะเข้าเมืองหลวงแล้ว”
คณะทูตของเผ่าปีศาจและเผ่าอนารยชนเข้าเมืองหลวง? เผ่าปีศาจและเผ่าอนารยชนทั้งสองเผ่าได้ร่วมมือกันตีเมืองเมืองฉู่โจวแตก เพิ่งผ่านไปไม่นาน พวกเขากล้าเข้าเมืองหลวง? สวี่ชีอันขมวดคิ้ว
“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”
ซ่งถิงเฟิงทำเสียง ‘เฮ้อ’ เมื่อคืนฝ่าบาทได้ทรงจัดประชุมเล็กๆ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องนี้อย่างลับๆ เมื่อคืนฆ้องทองคำเจียงเปิดเผยเรื่องนี้ตอนที่พาพวกเราไปดื่มที่สำนักสังคีต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง