ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 458

บทที่ 458 ความจริงเพียงบางส่วน

“ราชครู พวกเรากลับกันก่อนเถอะ หากมีความคืบหน้าอะไรใหม่ ข้าจะมาแจ้งให้ท่านทราบอีกที ได้โปรดท่าน…”

ก่อนที่สวี่ชีอันจะกล่าวจบก็พบว่าราชครูได้แปลงกายเป็นแสงสีทองหนีหายไปเสียแล้ว การกระทำของเขาหยุดชะงัก “ได้โปรดช่วยส่งพวกเรากลับไปด้วย” อีกครั้งแล้วที่โพล่งมันออกมาไม่ทัน

ถึงยังไงก็ช่วยส่งพวกเรากลับไปด้วยสิ ข้าไม่ได้พกเมียมาด้วยซะหน่อย!

เขาบ่นอุบอิบในใจ ก่อนหันมองไปยังเหิงหย่วนที่อยู่ข้างกาย…อืม โชคดีที่ไม่ได้พกเมียมา

ทั้งสองมุ่งไปยังกำแพงสูงของจวนป๋อ เมื่อไม่มีใครอยู่ในบริเวณโดยรอบ พวกเขาจึงรีบปีนออกไปยังถนนใหญ่แล้วกลืนเข้ากับกระแสมวลชนที่ขวักไขว่ไปมา

เมื่อถึงทางแยก ภายใต้ซุ้มประตูของถนนหย่งอัน นาฬิกาแดดบ่งบอกเวลายามเฉินสี่เค่อ (แปดโมงเช้า)

ในเมืองหลวง ทางแยกของถนนสายหลักทุกสายล้วนมีซุ้มประตูขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งที่ด้านข้างมีนาฬิกาแดดตั้งไว้เคียงกันเพื่อให้ฝูงชนใช้ดูเวลา

“อีกครึ่งค่อนชั่วโมงคงถึงบ้าน หวังว่าฮว๋ายชิ่งจะไม่ได้ตั้งตารออยู่นะ” สวี่ชีอันพึมพำในใจ

ในเมืองหลวงไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน การเหาะเหินข้ามชายคาและกำแพงถือเป็นสิ่งต้องห้าม

ซึ่งสวี่ชีอันก็ไม่ต้องการเป็นที่สะดุดตาผู้คนมากเกินไปเช่นกัน สำหรับชื่อเสียงของเขาในตอนนี้คงเป็นการดีกว่าหากจะทำตัวเหมือนเงา มิฉะนั้นอาจดึงดูดผู้คนที่สัญจรไปมาคับคั่งจนสร้างความโกลาหลได้

โชคดีที่เขาไม่ได้สวมเครื่องแบบฆ้องเงิน ฝูงชนจึงไม่สังเกตเห็นเขา โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนจดจำได้เพียงลักษณะที่เด่นชัดบางอย่างเท่านั้น เช่น บุคคลสำคัญที่มีความสามารถโดดเด่นในภพชาติก่อนของสวี่ชีอัน แค่เขาสวมใส่เสื้อผ้าที่แปลกออกไปก็ไม่มีใครจดจำได้แล้ว

นอกจากนี้ประชากรในเมืองหลวงก็มีมากกว่าสองล้านคน เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะโชคดีที่ได้เห็นร่างอันองอาจของฆ้องเงินสวี่

ซึ่งหลายคนไม่เคยเห็นร่างที่แท้จริงของฆ้องเงินสวี่ด้วยซ้ำ

ขณะที่เขากำลังเดินอยู่ จู่ๆ สวี่ชีอันก็ชะงัก จากนั้นก็มองไปที่เหิงหย่วนด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและพูดว่า “ไต้ซือ ท่านถูกขังอยู่ใต้ดินนานนับเดือน ข้าว่าท่านกลับไปดูแลคนชราและเด็กๆ ที่สถานรับเลี้ยงเด็กเถอะ”

เหิงหย่วนพยักหน้า “พักนี้พวกเขาสบายดีหรือไม่?”

สวี่ชีอันกล่าวอย่างใจเย็น “ถึงแม้ข้าจะไม่ได้ไปดูแล แต่ก็คอยให้คนส่งเงินและของใช้สามัญประจำบ้านอยู่เสมอ”

เหิงหย่วนประนมมือและโค้งคำนับ “ใต้เท้าสวี่ช่างเป็นผู้มีจิตใจดีงามที่สุดเท่าที่อาตมาเคยพบพานมา อาตมาซึ้งใจนักที่ได้รู้จักกับใต้เท้า”

สวี่ชีอันคำนับกลับ มีความสุขยิ่งที่จะได้รับการเลื่อมใสจากไต้ซือผู้มีสถานะเป็นพระอรหันต์ ในภายภาคหน้าผลประโยชน์คงบังเกิดอย่างท่วมท้น

ทั้งฉู่หยวนเจิ่นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่น นักบุญผู้กล้าหาญแห่งนิกายสวรรค์ ลี่น่าผู้มีความสามารถไร้ขีดจำกัด ทั้งเหิงหย่วนที่มีสถานะเป็นพระอรหันต์ และองค์หญิงใหญ่ฮว๋ายชิ่งผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศที่หาตัวจับได้ยาก

อย่างมากที่สุดสิบปี สมาชิกพรรคฟ้าดินอาจกลายเป็นกำลังสูงสุดในจิ่วโจว

อืม ตอนนี้หมายเลขเจ็ดและหมายเลขแปดยังไม่ปรากฏ หวังว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังนะ

สายตาของเขาทอดมองเหิงหย่วนที่คล้อยหลังหายไปในฝูงชนพลุกพล่าน สวี่ชีอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากเหิงหย่วนตามเขากลับไปที่จวนสกุลสวี่ละก็ ฮว๋ายชิ่งที่เป็นหมายเลขหนึ่งคงปิดฐานะของตัวเองไว้ไม่อยู่

ด้วยนิสัยของฮว๋ายชิ่ง ทุกคนได้จบเห่กันหมดแน่…

ณ จวนสกุลสวี่

ฮว๋ายชิ่งนั่งอยู่ในห้องโถงรอคอยอย่างร้อนรน อาสะใภ้ซึ่งมีศักดิ์เป็นนายหญิงพลันถูกรัศมีและสถานะอันยำเกรงของพระราชธิดาองค์โตกดดันให้อยู่ด้วยกันชั่วขณะหนึ่ง ก่อนขอตัวกลับไปที่ห้องโดยกล่าวอ้างว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย

ทว่าสวี่หลิงเยวี่ยกลับถูกหลี่เมี่ยวเจินเข้าขวางไว้ แม้ว่าคุณหนูใหญ่ของบ้านสกุลสวี่จะมีความรับผิดชอบมากกว่ามารดาของนาง แต่เรื่องต่อไปที่จะพูดถึงเกี่ยวข้องกับความลับสำคัญ ดังนั้นคงไม่ดีหากจะให้นางได้เข้าร่วมฟัง

หลี่เมี่ยวเจินยังคงแคลงใจในคำกล่าวอ้างของฮว๋ายชิ่งที่ว่าคดีนี้มีข้อสงสัยสำคัญยิ่งอยู่ นางเชื่อว่าความสามารถในการสันนิษฐานของอีกฝ่ายย่อมเป็นรองสวี่ชีอัน ผู้เป็นนักสืบคดีหมายเลขสองของพรรคฟ้าดิน

ในที่สุดพวกนางก็เห็นสวี่ชีอันเข้ามาในลานบ้าน เดินผ่านทางเท้าที่ปูด้วยหินสีฟ้าแล้วก้าวเข้าสู่ห้องโถง

สวี่ชีอันในฐานะนายท่านของบ้านเหลือบมองไปที่เก้าอี้สองตัวสองตำแหน่ง เมื่อเห็นว่าฮว๋ายชิ่งและหลี่เมี่ยวเจินแยกกันนั่ง เขาจึงจำใจนั่งในที่นั่งแขกด้านล่างก่อนหันมองไปยังองค์หญิงใหญ่

“องค์หญิงทรงพบเจออะไรหรือ?”

ฮว๋ายชิ่งรวบรวมคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเปล่งเสียงดังชัด “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้นำเต๋านิกายปฐพีคือไตรวิสุทธิเทพ”

ยังต้องให้ยืนยันอีกหหรือไง? สวี่ชีอันตกตะลึงชั่วขณะหนึ่ง หากแต่ไม่รู้จะตอบอย่างไร

ฮว๋ายชิ่งมองไปที่หลี่เมี่ยวเจินอีกครั้งและถามว่า “วรยุทธ์ของลัทธิเต๋าสามารถทำให้ผู้คนทำการแยกจิตเดิมได้หรือไม่ โดยที่ไม่ต้องแปลงกายเป็นคนสามคน”

หลี่เมี่ยวเจินไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองกับคำถามประเภทนี้นานนม ก่อนกล่าวว่า

“ไตรวิสุทธิเทพเป็นหนึ่งในวรยุทธ์สูงสุดของขอบเขตจิตเดิม มันสามารถทำให้ผู้คนแยกร่างได้เป็นคนสามคน ซึ่งทุกคนต่างมีจิตสำนึกที่เป็นอิสระ แม้แต่คนคนเดียวก็สามารถรวมสามเป็นหนึ่งได้ หากเป็นเพียงการแยกจิตเดิม ใครก็ตามที่ฝึกฝนเทพเจ้าหยินย่อมสามารถทำได้ แต่จิตเดิมที่ถูกแยกนั้นจะไม่จีรังสมบูรณ์ ไม่สามารถเทียบได้กับไตรวิสุทธิเทพ”

ฮว๋ายชิ่งพอใจกับคำตอบนี้มากพลางหันไปมองสวี่ชีอัน บัดนี้ดวงตาสุกใสกำลังลุกโหมเป็นไฟ

“เจ้าเคยบอกว่านักบวชเต๋าจินเหลียนเป็นเศษเสี้ยววิญญาณ ซึ่งนี่สอดคล้องกับสภาวะของการแยกจิตเดิม ผู้นำเต๋านิกายปฐพีอาจเพียงแยกความคิดดีออกจากความคิดชั่วก็ได้ สิ่งที่เรียกว่าไตรวิสุทธิเทพเป็นเพียงการคาดเดาของเจ้าเท่านั้นและไม่มีหลักฐาน”

สวี่ชีอันขมวดคิ้วมุ่น ยังคงรักษาน้ำเสียงที่เรียบนิ่งเอ่ยวิเคราะห์

“บางทีคนสามคนที่แยกร่างออกมาจากผู้นำเต๋านิกายปฐพีอาจถูกแบ่งแยกแล้ว อืม นี่ต้องใช่แน่ ไม่เช่นนั้นนักบวชเต๋าจินเหลียนคงถูกเฮยเหลียนพบไปนานแล้ว”

หลี่เมี่ยวเจินกล่าว “ไตรวิสุทธิเทพสามารถเป็นอิสระได้ โดยคนสามคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ต้องแยกจากกัน”

สวี่ชีอันน้ำท่วมปากครู่หนึ่งพลันนึกถึงบันทึกชีวิตประจำวันของจักรพรรดิองค์ก่อน คำอธิบายของผู้นำเต๋านิกายปฐพีเกี่ยวกับไตรวิสุทธิเทพ

หนึ่งคนกลายเป็นสามร่าง ที่กล่าวมาก็คือกรณีนี้

สามารถเป็นคนสามคนที่เป็นอิสระต่อกันอย่างสมบูรณ์

ฮว๋ายชิ่งกล่าวต่อ “อีกประเด็นหนึ่ง เจ้าเคยบอกว่าในคดีสังหารหมู่ที่ฉู่โจว ไหวอ๋องได้ยาโลหิตและจักรพรรดิได้ยาวิญญาณ แต่ผลของยาวิญญาณนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เสด็จพ่อทนกับความอัปยศต่อใต้หล้าได้”

“ใช่ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเริ่มสอบสวนหยวนจิ่ง” สวี่ชีอันพยักหน้า

“ข้าเคยถามไถ่ไฉ่เวยเพื่อให้ได้รู้ถึงผลของยาวิญญาณ พบว่าการซ่อมแซมเศษซากวิญญาณเป็นผลที่แข็งแกร่งที่สุด ส่วนผลกระทบอื่นๆ ไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบกับมันได้ อย่างไรก็ตาม หากผู้นำเต๋านิกายปฐพีใช้ไตรวิสุทธิเทพจริงๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่จิตเดิมจะสมบูรณ์”

“หากให้ข้ากล่าวชัดเจนอีกครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ว่ายอดฝีมือแห่งลัทธิเต๋าระดับสองไม่สามารถควบคุมไตรวิสุทธิเทพ?”

สวี่ชีอันตกตะลึงครู่หนึ่งพลางทบทวนข้อสันนิษฐานของเขาโดยเร็วแล้วผนวกกับคำพูดของฮว๋ายชิ่ง

ข้ากำลังเข้าใจผิดแล้ว หลังสงสัยว่าร่างอวตารของผู้นำเต๋านิกายปฐพีอื่นๆ อาจถูกซ่อนอยู่ในชีพจรมังกร เมื่อเชื่อมโยงเข้ากับเบาะแสของยาวิญญาณแล้วเป็นธรรมดาที่จะคิดไปว่าจุดประสงค์ที่ผู้นำเต๋านิกายปฐพีกลั่นยาวิญญาณคือการชดเชยวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์…แต่ข้ากลับมองข้ามอิทธิฤทธิ์ของนักบวชขั้นสองไป ผู้นำเต๋านิกายปฐพีที่ใช้ไตรวิสุทธิเทพ จะแยกออกเป็นวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ได้อย่างไร…นักพรตเต๋าจินเหลียนต่างหากที่เป็นเศษซากวิญญาณตัวจริง…

ความคิดยุ่งเหยิงอลหม่านราวแสงไฟของตะเกียงที่เวียนวน สวี่ชีอันกลืนน้ำลาย ก่อนถอนหายใจแล้วพูดว่า

“สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผลก็จริงอยู่ แต่ความสงสัยในผู้นำเต๋านิกายปฐพีของข้ากับพระองค์ต่างก็เป็นเพียงแค่ความสงสัยที่ไร้หลักฐานอันเป็นรูปธรรมอยู่ดี”

ฮว๋ายชิ่งพยักหน้า ดวงตาสุกใสเหลือบหันไปมองที่ฆ้องเงินผู้ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นบุคคลในตำนานพร้อมเอ่ย

“ยังมีข้อสงสัยอีกอย่าง อืม ข้าสงสัยว่า…การลักพาตัวประชาชนเริ่มขึ้นในรัชศกเจินเต๋อที่ยี่สิบหก ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เจ้าค้นพบสินะ”

สวี่ชีอันลังเลครู่หนึ่ง “แม้ว่าในขณะนั้นจักรพรรดิองค์ก่อนจะเป็นผู้ครองราชย์ แต่หยวนจิ่งในฐานะองค์รัชทายาทก็มีอำนาจในพระราชวังเช่นกัน เขาจึงแอบเปิดห้องลับ…”

ฮว๋ายชิ่งส่ายหัวช้าๆ “สิ่งที่ข้าจะพูดก็คือ ในตอนนั้นผิงหย่วนป๋อยังเด็กมาก มากจริงๆ เขาที่กำลังอยู่ในช่วงวัยคึกคะนอง จึงแอบก่อตั้งกลุ่มนายหน้าทำเรื่องละเมิดกฎต่อผู้เป็นบิดา ซึ่งในข้อนี้ย่อมอะลุ่มอล่วยได้อย่างแน่นอน แต่ต่อมาพระราชบิดากลับได้ขึ้นครองราชย์ประกาศตนเป็นจักรพรรดิ ทว่าผิงหย่วนป๋อยังคงเป็นผิงหย่วนป๋อ ไม่ว่าจะเป็นยศถาบรรดาศักดิ์หรือตำแหน่งทางราชการก็ไม่มีอะไรคืบหน้า และไม่ใช่เพราะว่าผิงหย่วนป๋อไม่มีความทะเยอทะยาน เพื่อที่เขาจะได้อำนาจมากขึ้นจึงร่วมมือกับพรรคเหลียงเพื่อลอบสังหารท่านหญิงผิงหยาง ซึ่งเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด เจ้าคิดว่านี่มันสมเหตุสมผลหรือไม่? ถ้าเจ้าเป็นผิงหย่วนป๋อเจ้าจะเต็มใจไหม? เจ้าในฐานะองค์รัชทายาทที่ทำเรื่องละเมิดกฎ หลังจากที่เสด็จขึ้นครองราชย์จะยังทนยืนหยัดอยู่ได้นานกว่ายี่สิบปีหรือเปล่า”

ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงัด

บรรยากาศเงียบงันพลันเริ่มหนักอึ้ง แม้ว่าหลี่เมี่ยวเจินจะฟังด้วยความรู้เพียงผิวเผินทั้งไม่เข้าใจถ่องแท้นัก แต่นางกลับตระหนักได้ทันทีว่าคดีนี้ดูเหมือนจะพลิกผันเสียแล้ว สิ่งที่ฮว๋ายชิ่งพูดนั้นสมเหตุสมผล และสวี่ชีอันก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด

ฮว๋ายชิ่งเริ่มทำลายความเงียบ พลางเอ่ยถาม “เจ้าพบอะไรที่ใต้ดินของชีพจรมังกร?”

สวี่ชีอันจึงเล่าเรื่องการช่วยเหลือเหิงหย่วนให้อีกฝ่ายฟัง

“แสดงว่ามีสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวซุกซ่อนอยู่ใต้ชีพจรมังกร แต่กลับไม่ใช่ผู้นำเต๋านิกายปฐพีอย่างนั้นหรือ?” หลี่เมี่ยวเจินเหลือบมองไปที่ฮว๋ายชิ่ง ก่อนหันเหไปทางสวี่ชีอัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง