บทที่ 485 สังหารจักรพรรดิ (2)
“จริงสิ ยังมีอีกเรื่อง”
สวี่ชีอันแสยะยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าน่าจะรู้แล้วว่าข้าเป็นคนฆ่าไหวอ๋อง รู้แล้วว่าสิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ใต้ทะเลสาบซังผออยู่ในตัวข้า เช่นนั้น ก็น่าจะรู้ที่อยู่ของพระมเหสีอย่างชัดเจนแล้วกระมัง”
สีหน้าของจักรพรรดิเจินเต๋อเปลี่ยนเป็นแข็งทื่ออย่างกะทันหัน
สวี่ชีอันกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “ตอนนี้นางเป็นบ้านน้อยของข้า”
เลือดพุ่งขึ้นหน้าเจินเต๋อในทันทีทันใด หากเป็นลั่วอวี้เหิงก็ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าเขา แต่การที่พระมเหสีถูกสวี่ชีอันรับเป็นบ้านน้อย มันเป็นความอัปยศอดสู และเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างรุนแรง
พระมเหสีคือผู้หญิงของเขา เป็นผู้หญิงในวังหลังของเขา ถึงแม้จะถูกมอบให้อ๋องสยบแดนเหนือในภายหลัง แต่อ๋องสยบแดนเหนือก็คือเขาไม่ใช่รึ ในฐานะราชาของประเทศ เขาย่อมไม่สามารถทนรับความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้
“สวี่ชีอัน เจิ้นจะฉีกร่างของเจ้าเป็นชิ้นๆ เป็นชิ้นๆ!”
เจินเต๋อบ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว พลางคำรามด้วยความโกรธอย่างขีดสุด “ดาบจงมา!”
ตอนที่ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นหยิบดาบสยบดินแดนขึ้นมาที่ฉู่โจว เจินเต๋อรู้สึกงุนงงเพราะเหตุนี้อยู่นาน จนกระทั่งตัวตนของสวี่ชีอันถูกเปิดเผย เขาจึงตระหนักได้ในทันใด
คงเป็นเช่นเดียวนักบวชปีศาจที่ถูกท่านโหราจารย์ปกปิดความลับสวรรค์ไว้ที่ใต้ทะเลสาบซังผอ วันนั้นสวี่ชีอันก็สามารถถือดาบสยบดินแดนได้ อาจเป็นเพราะความช่วยเหลือจากท่านโหราจารย์
หากใครก็ตามที่ไม่ใช่สมาชิกในราชวงศ์ และสามารถถือดาบสยบดินแดนได้ บุคคลนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากท่านโหราจารย์แต่เพียงผู้เดียว
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ไหวอ๋องในวันนั้นคือชินอ๋อง แต่เขาในตอนนี้คือจักรพรรดิตัวจริง
นอกจากนี้ เขาคือราชาแห่งประเทศที่เหยียบวิญญาณมังกรอยู่ใต้ฝ่าเท้า
หากกวาดสายตามองทั่วต้าฟ่ง โชคชะตานี้นับว่าเป็นหนึ่ง ไม่เป็นรองใคร และเวลานี้ท่านโหราจารย์ก็ถูกซ่าหลุนอากู่ครอบงำอยู่ จึงไม่สามารถลงมือขัดขวางได้อีกต่อไป
‘ตูม!’
ทะเลสาบซังผอในวัดหย่งเจิ้นซานเหอระเบิดขึ้น ดาบทองเหลืองพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นลำแสงและบินออกไปอย่างรวดเร็ว
ลำแสงนี้พาดผ่านท้องฟ้า ข้ามผ่านรูม่านตาลูกศิษย์ทุกคนที่เงยหน้าขึ้นไปมอง สายตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนมองตามลำแสงนั้นไปด้วยความประหลาดใจ
มันคือดาบสยบดินแดน สมบัติอันล้ำค่าของต้าฟ่ง!
ที่สงครามด่านซานไห่ปีนั้น จักรพรรดิหยิบดาบสยบดินแดนออกมาจากวัดหย่งเจิ้นซานเหอ และมอบให้อ๋องสยบแดนเหนือ เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง
ดาบสยบดินแดนคือสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์ต้าฟ่ง ซึ่งเป็นความรู้ทั่วไปที่ประชาชนทุกคนต่างก็รู้
ที่นอกตำหนักจิ่งหยาง สีหน้าของฮว๋ายชิ่งเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ดาบสยบดินแดน…แย่แล้ว!”
“ดาบ ดาบสยบดินแดน…”
องค์รัชทายาทสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ พลางมองสมุหราชเลขาธิการหวางด้วยความตื่นตระหนก
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเกินขอบเขตที่เขาสามารถจินตนาการได้อย่างสิ้นเชิง จู่ๆ มังกรจินหลงก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จู่ๆ เสด็จพ่อก็มีพลานุภาพอันน่าเกรงขาม…และดาบสยบดินแดน ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษของต้าฟ่ง และเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์
การที่เขาปิดประตูวังอย่างแน่นหนาเมื่อไม่นานมานี้ ความคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ไม่มีทางที่จะปิดบังเสด็จพ่อได้เลย
เคราะห์ร้ายมาเยือนแล้ว
สมุหราชเลขาธิการหวางไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแค่พยักหน้าให้เขาด้วยท่าทีสงบ เป็นสัญญาณว่าเขาไม่จำเป็นต้องเข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้
…
เมืองชั้นใน ตำหนักเล็กแห่งหนึ่ง
ผู้หญิงในชุดกระโปรงคนหนึ่ง กำลังปีนขึ้นไปบนหลังคาอย่างระมัดระวัง
นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ยังคงมองไม่เห็นฉากการต่อสู้ ได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น
‘ข้ารู้ว่าวันนี้จะมาถึงในไม่ช้าก็เร็ว หลังจากเว่ยเยวียนตาย ข้าก็รู้ว่าเจ้าต้องการสังหารจักรพรรดิ…’
นางกำหมัดแน่น ‘จะต้องรอดให้ได้’
…
ชานเมืองหลวง
นักบวชเต๋าเฮยเหลียน ซึ่งมีกลิ่นอายอ่อนแอจนถึงขีดสุดฟื้นคืนร่างอีกครั้ง พลางมองไปที่หญิงผู้น่าเกรงขามอย่างไม่มีใครเทียบได้ และระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ลั่วอวี้เหิง เจ้าได้ยินหรือไม่? ดาบสยบดินแดนถูกออกแบบมาเพื่อทำลายกายเนื้อของยอดฝีมือ ภายใต้สถานการณ์ที่ท่านโหราจารย์ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ ภายในขอบเขตเมืองหลวง ไม่สิ ภายในขอบเขตต้าฟ่ง ตอนนี้เจินเต๋อถือว่าเป็นผู้ที่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้”
ไม่มีใครสามารถต่อกรได้? ลั่วอวี้เหิงสบถ ‘หึ’ และกล่าวว่า “ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่สักพัก”
นางหันหน้าไปมองเมืองหลวง พลางหรี่ตาอันงดงามลงเล็กน้อย
‘หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ เจ้าก็จะเป็นคนของข้าแล้ว’ มุมปากของนางยกยิ้ม
…
ท่านโหราจารย์เดินไปทางแท่นแปดทิศ กวาดสายตามองลำแสงที่ขึ้นมาจากทะเลสาบซังผอที่พาดไปกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง
ซ่าหลุนอากู่กำแส้ต้อนแกะในมืออย่างแน่นหนา
ยอดฝีมือขั้นหนึ่งทั้งสองไม่ได้ต่อสู้กัน แต่ขอบเขตพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด โดยไร้ซึ่งกลิ่นและเสียง สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องตามลำแสงนั้นไป ในสนามการต่อสู้สูงสุดนี้ ดาบสยบดินแดนคือกุญแจสำคัญ กุญแจสำคัญที่จะส่งผลต่อผลของการต่อสู้ทั้งหมด
ในรูม่านตาของสวี่ชีอันสะท้อนแสงของดาบสยบดินแดนที่กำลังลอยมา ม่านตาเขาขยายออกเล็กน้อย ไร้ซึ่งชีวิตชีวาและว่างเปล่า
สิ่งที่แวบเข้ามาในความคิดของเขา คือประชาชนที่ล้มตายทีละคนราวกับหญ้าในคดีสังหารหมู่ที่ฉู่โจว คือพลทหารบนกำแพงเมืองที่ต่างยกกำปั้นขึ้นมาทำความเคารพเขา หลังจากที่เขาฆ่าอ๋องสยบแดนเหนือ คือตอนที่เจิ้งซิ่งไหววิ่งวุ่นอยู่ที่เมืองหลวง ภาพด้านหลังอันเยือกเย็นที่เขาวิ่งของความช่วยเหลือ แต่กลับไร้ประโยชน์ สุดท้าย เขาก็นอนตายตาไม่หลับอยู่ในคุก คือสายตาที่แสดงความเคารพจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไช่ซื่อโข่ว คือพลทหารต้าฟ่งทุกนาย ที่กระตือรือร้นที่จะปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนและขับไล่ศัตรูอยู่นอกด่านอวี้หยาง
สุดท้าย เขานึกถึงชายในชุดสีดำผู้นั้น ไม่ว่าจะชื่อเสียงก็ดี หรือประโยชน์ส่วนตนก็ดี ล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนผู้นั้นให้ความสนใจ ตลอดชีวิตของคนผู้นั้นมีอยู่เพื่อสองสิ่ง สิ่งหนึ่งคือความรัก และอีกสิ่งหนึ่งคือความศรัทธา สำหรับสิ่งแรกที่กล่าวถึงคือตัวเขาสวี่ชีอัน ส่วนสิ่งที่สองคือประเทศชาติ และประชาชน
แล้วชีวิตของข้ามีเพื่ออะไร?
เขายื่นมือออกไปด้านหน้า พลางตะโกนว่า “ดาบจงมา!”
ลำแสงนั้นพุ่งเข้ามา และตกไปอยู่ในมือของสวี่ชีอัน มันไม่เคยเปลี่ยนวิถีของมัน ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่มันเลือกคือสวี่ชีอัน อาวุธวิเศษที่ติดตามจักรพรรดิเกาจู่ในการลงสนามรบ บัดนี้มันละทิ้งสายเลือดของเกาจู่ และเลือกคนนอกแทน
ดาบสยบดินแดนเลือกสวี่ชีอันแล้ว…
ไม่ว่าใครที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ต้องเบิกตากว้างไปตามๆ กัน
สวี่ชีอันกระชับดาบทองเหลืองไว้แน่น พลางตะโกนอีกครั้งภายใต้สีหน้าอันแข็งทื่อของจักรพรรดิเจินเต๋อ “หลิงหลง! “
‘โฮก โฮก โฮก!’
ผู้คนนับไม่ถ้วนในเขตพระราชฐานและในพระราชวัง ต่างก็ได้ยินเสียงร้องคำรามของมังกรหลิงหลง
มังกรหลิงหลงบินแหวกคลื่น ทะยานผ่านเมฆหมอก พลางปล่อยลมหายใจสีม่วงออกมาจากรูจมูก กระทั่งเกล็ดของมันก็เป็นสีม่วงเช่นกัน มันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าทึ่ง ภายใต้เสียงลั่นของกระดูกดัง ‘แกร็ก’ กล้ามเนื้อยื่นออกมาทีละมัด ลำตัวมังกรยาวขึ้น ปราดเปรียว และแข็งแรงขึ้นมาก เขาบนศีรษะแยกออกเป็นแฉก แผงคอหนาเป็นชั้นๆ งอกออกมาจากแผงคอ กรงเล็บและเขี้ยวแหลมคมขึ้น รูม่านตาที่มีลักษณะคล้ายปุ่มสีดำทั้งสองข้างหดตัวและยาวขึ้น กลายเป็นรูม่านตาแนวตั้ง การเปลี่ยนแปลงของมันคล้ายกับมังกรมากขึ้น กลายเป็นมังกรที่แท้จริง
มังกรหลิงหลงขี่เมฆด้วยความรวดเร็วอย่างยิ่ง ราวกับมันแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะไปหา ‘นายท่าน’ ของมัน
สวี่ชีอันถลาลงบนหลังของมันเบาๆ เขาถือดาบสยบดินแดนไว้ที่มือขวา และถือดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่มือซ้าย เหยียบอยู่บนมังกรหลิงหลง
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!” สีหน้าของจักรพรรดิเจินเต๋อดูไม่ได้อย่างยิ่ง เขาเบิกตากว้าง รูม่านตากระสับกระส่ายเล็กน้อย
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาควบคุมมังกรหลิงหลง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาใช้ดาบสยบดินแดน?!”
เขารู้สึกโกรธแค้นที่ถูกทั้งโลกทรยศ ความรู้สึกนี้เหมือนกับถูกอาวุธที่แหลมคมที่สุด ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจอย่างโหดเหี้ยม
ดาบสยบดินแดนเป็นสมบัติที่จักรพรรดิเกาจู่หลงเหลือไว้ให้ มันมีจิตวิญญาณ และยอมรับเพียงสมาชิกในราชวงศ์เท่านั้น มังกรหลิงหลงต้องพึ่งพาอาศัยราชวงศ์เพื่อที่จะอยู่รอด โดยการบริโภคพลังชี่สีม่วง
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองสิ่งนี้ กลับไม่มีสิ่งใดเลือกเขา
จักรพรรดิเจินเต๋อตกตะลึงอย่างยิ่ง แต่มีบางคนในเมืองหลวงที่ตกตะลึงยิ่งกว่า อย่างเช่น องค์รัชทายาท ฮว๋ายชิ่ง ทหารขั้นสี่ทุกคน สมาชิกในราชวงศ์ทุกคน เป็นต้น
…
ณ พระราชวัง
องค์รัชทายาทนำทัพเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารขึ้นไปบนกำแพงที่ประตูอู่ เมื่อมองจากกำแพงเมือง จะสามารถเห็นขอบฟ้าอันไกลโพ้น ที่ซึ่งทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด “ทำ ทำไมดาบสยบดินแดนเลือกสวี่ชีอัน ทำไมมังกรหลิงหลงเลือกสวี่ชีอัน?”
องค์รัชทายาทกวาดสายตามอง พลางตะโกนเสียงดังว่า “ใครก็ได้บอกข้าที ใครก็ได้?”
โดยเฉพาะมังกรหลิงหลง ครั้งเยาว์วัย องค์รัชทายาทชอบขี่มังกรหลิงหลงเป็นที่สุด และเขาก็รู้สึกภูมิใจที่มังกรหลิงหลงยอมใกล้ชิดกับสมาชิกในราชวงศ์เท่านั้น ซึ่งนี่เป็นสิทธิพิเศษของสมาชิกในราชวงศ์ แม้แต่ตระกูลสูงศักดิ์ก็ยังไม่มีสิทธิพิเศษเช่นนี้ บรรดาคุณหนูและคุณชายผู้สูงศักดิ์ ทำได้เพียงยืนมองบนฝั่งด้วยความอิจฉา
แต่ตอนนี้ เขาเห็นอะไร? เห็นมังกรหลิงหลงเต็มใจที่จะต่อสู้และนองเลือดเพื่อคนผู้นั้น ในฐานะ ‘พลเรือน’ ผู้หนึ่ง เห็นสวี่ชีอันขี่มังกรหลิงหลง ห้ำหั่นกับจักรพรรดิของประเทศอย่างเอาเป็นเอาตาย
องค์รัชทายาทได้รับแรงกระแทกทางความรู้สึกอย่างมาก เจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารที่อยู่ข้างๆ เขามีสีหน้าสับสน ไม่มีใครที่สามารถให้คำตอบเขาได้สักคน
‘ใช่แล้ว ทำไมมังกรหลิงหลงถึงเลือกสวี่ชีอัน?’
‘เหตุใดฝ่าบาทที่ทรงเรียกดาบสยบดินแดนมา แต่มันกลับเลือกสวี่ชีอัน?’
‘สวี่ชีอัน ตัวตนของเขาเป็นอย่างไรกันแน่?’
เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นในความคิดของเหล่าขุนนาง
ตัวตนของสวี่ชีอันเป็นอย่างไรกันแน่ ตัวตนของเขาย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มิเช่นนั้น เหตุใดมังกรหลิงหลงและดาบสยบดินแดนถึงเลือกเขา แทนที่จะเป็นฝ่าบาท
“ตกลงเขา เขาเป็นใครกันแน่? ใช่…พระราชโอรสนอกสมรสของฝ่าบาทหรือไม่?” มีขุนนางบุ๋นท่านหนึ่งกล่าวเสียงเบาขึ้นมาด้วยสีหน้าสับสน
หลังจากเหล่าขุนนางโดยรอบได้ยิน ก็พยายามครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
หัวใจขององค์รัชทายาทสั่นสะท้าน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ไม่ สวี่ชีอันอายุเกินยี่สิบแล้ว ฝ่าบาททรงบำเพ็ญธรรมมายี่สิบเอ็ดปี ถ้าจะพูดให้แม่นยำจริงๆ ก็คือยี่สิบเอ็ดปีครึ่ง”
“เช่นนั้นจะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร”
องค์รัชทายาทถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อสักครู่เขายั้งสติไม่อยู่ เพราะความจริงเขาก็คาดเดาในใจเช่นนี้เหมือนกัน
“เพราะฝ่าบาททรงไร้ซึ่งคุณธรรม!”
ทุกคนหันไปมองตามเสียง และพบว่าเป็นสมุหราชเลขาธิการหวาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง