ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 494

บทที่ 494 ชีเจวี๋ยกู่

“ลี่น่า…”

หลี่เมี่ยวเจินตกตะลึง ประคองแขนของเจ้าผิวดำตัวน้อยจากซินเจียงตอนใต้ กันไม่ให้นางหัวปักพื้น

ในเวลาเดียวกันเทพธิดาแห่งนิกายสวรรค์ที่วิชาแพทย์คล้ายคลึงกันจับชีพจร ตรวจดูสถานการณ์

ชีพจรปั่นป่วนอย่างรุนแรง ภายในร่างของลี่น่าราวกับซุกซ่อนกลุ่มพลังอันยุ่งเหยิงอยู่ ซึ่งปะทุพลังได้ทุกเมื่อ

“ใช่ มันคือชีเจวี๋ยกู่…”

ลี่น่าขมวดคิ้ว ใบหน้าอันงดงามบิดเป็นกลุ่มก้อน ริมฝีปากซีดขาว แล้วเอ่ยตะกุกตะกัก

“นี่เป็นกู่ชนิดที่รุนแรงชนิดหนึ่ง แม่ย่าแห่งเทียนกู่มอบให้ข้า เพื่อป้องกันไม่ทำมันหาย จึงกลืนลงท้องไป คาดไม่ถึงว่ากู่นี่จะรุนแรงเพียงนี้ มันต่างจากกู่ชนิดอื่น”

ฉู่หยวนเจิ่นกับหลี่เมี่ยวเจิน พร้อมด้วยไต้ซือเหิงหย่วนต่างมองลี่น่าด้วยสีหน้าซับซ้อน

ช่างกล้ายัดอะไรไม่รู้ลงท้องจริงๆ!

เหิงหย่วนยืนขึ้นและเดินไปด้านนอก “ข้าจะไปตามซ่งชิง ไม่สิ ไปตามหยางเชียนฮ่วน ไม่ ตาม ตาม…”

เอ่ยไปเอ่ยมา ไต้ซือก็ชักสับสน

ฉู่หยวนเจิ่นทอดถอนใจ “ตามโหรชุดขาวมาสักคน”

ไต้ซือเหิงหย่วนพยักหน้าในทันใด แล้วผลักประตูออกไป

ตามโหรชุดขาวมาสักคนน่าเชื่อถือกว่าตามเหล่าศิษย์สายตรงของท่านโหราจารย์มาเสียอีก

ชั่วเวลาอันสั้น โหรชุดขาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ลี่น่าในตอนนี้เกลือกกลิ้งไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด ท้องน้อยเดี๋ยวป่องเดี๋ยวยุบ คล้ายกับลูกบอลพองลมรั่วอยู่ตลอดเวลา

นี่ตั้งครรภ์แล้วหรือเปล่า…โหรชุดขาววัยรุ่นพึมพำในใจ ก้มตัวลงจับชีพจรลี่น่า สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นอย่างไรบ้าง”

ฉู่หยวนเจิ่นเอ่ยถาม

“ภายในร่างของแม่นางผู้นี้มีบางอย่างอยู่ มันกำลังฟื้นตัว นำออกมาให้ทันการจะดีที่สุด มิเช่นนั้นอาจสิ้นใจได้” โหรชุดขาวแสดงความเห็นในแง่ของมืออาชีพ

“รบกวนท่านพี่แล้ว”

หลี่เมี่ยวเจินคารวะ

“อ้อ นี่ก็เกินความสามารถของข้า”

โหรชุดขาวยักไหล่ “ข้าไม่เคยเรียน ‘คัมภีร์กายวิภาคศาสตร์’ ศิษย์พี่ซ่งมีระดับความรู้ในศาสตร์นี้สูงที่สุด หากคิดจะเรียน ขอคำแนะนำจากเขาจะดีที่สุด ทว่าเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุที่มีศิษย์พี่ซ่งเป็นผู้นำ สมองจะมีปัญหาอย่างมาก”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ โหรชุดขาวก็เชิดคางขึ้น เสียงเย้ยหยันปะปนอยู่ในน้ำเสียง

“ข้าไม่อยากให้สมองของตนเองพังทลายเหมือนพวกเขาเช่นกัน ข้าเดินคนละเส้นทางกับพวกเขา”

หลี่เมี่ยวเจินกับฉู่หยวนเจิ่นนึกย้อนถึงการกระทำของซ่งชิงคนพรรคนั้น ก็เห็นพ้องอย่างสุดซึ้ง พี่ชายคนนี้ดูเหมือนจะ ‘ไร้ยางอาย’ กับการกระทำของซ่งชิงและคนอื่นๆ

สำนักโหราจารย์ยังมีคนปกติเป็นส่วนใหญ่สินะ…สมาชิกพรรคฟ้าดินทั้งสองคิดในใจ จากนั้นฉู่หยวนเจิ่นก็เอ่ยถาม

“ฟังดูเหมือนสำนักโหราจารย์ของพวกเจ้าราวกับยังมีกลุ่มแยกกันอยู่”

โหรชุดขาวพยักหน้า “หากจะพูดให้ถูก ศิษย์สายตรงของท่านโหราจารย์ทุกคนล้วนต้องรับศิษย์แทนอาจารย์ รับผิดชอบสั่งสอนศิษย์กลุ่มหนึ่ง อืม แต่ศิษย์น้องไฉ่เวยไม่จำเป็นต้องสอนลูกศิษย์ นางต้องให้เหล่าลูกศิษย์สอน”

ฉู่หยวนเจิ่นกับหลี่เมี่ยวเจินในใจหนักอึ้ง “แล้วใครสอนเจ้าล่ะ”

เมื่อได้ยิน โหรชุดขาววัยรุ่นก็เชิดคางขึ้น กลับหันหลังและใช้ท้ายทอยมองทั้งสอง “ศิษย์…พี่…หยาง…”

ไปให้พ้นเลยไป!

ฉู่หยวนเจิ่นกับหลี่เมี่ยวเจินไล่เขาออกไป

ก่อนที่ท่านโหราจารย์จะเอ่ยก็ขอหมกเม็ดก่อน ดื่มสุราในแก้วอย่างเชื่องช้าจนหมด ก่อนจะเอื้อนเอ่ยช้าๆ

“เจ้ารู้ไหมว่าวิญญาณแห่งชีพจรมังกรคืออะไร”

สวี่ชีอันก็เหมือนกับได้ยินยามที่เข้าชั้นเรียน ที่อาจารย์จะเคาะกระดานดำพลางเอ่ย ‘พวกคุณรู้ว่าแคลคูลัสคืออะไรไหม!’

รู้กับเจ้าน่ะสิ…เขาส่ายหน้าด้วยความสัตย์จริง จากนั้นเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้น “การรวมตัวของโชคชะตากับภูมิลักษณ์หรือ”

นี่เป็นแนวคิดของชีพจรมังกร ศิษย์พี่จงหลีเคยกล่าวไว้

ท่านโหราจารย์พยักหน้าพร้อมเอ่ย “ชีพจรมังกรคือการรวมตัวกันของโชคชะตากับภูมิลักษณ์ มันต่างกับโชคชะตา โหรมีขีดจำกัดในการควบคุมมัน นี่ก็คือเหตุผลที่เจินเต๋อซ่อนอยู่ในชีพจรมังกรเพื่ออำพรางร่าง สิ่งเดียวในโลกที่ควบคุมชีพจรมังกรได้ มีเพียงของล้ำค่าเช่นหนังสือปฐพีนี้”

ในตอนนั้นผู้นำเต๋านิกายปฐพีก็อาศัยหนังสือปฐพีสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายใต้ชีพจรมังกร…สวี่ชีอันตกตะลึง ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นรายละเอียดคำพูดของท่านโหราจารย์

โหรมีขีดจำกัดในการควบคุมชีพจรมังกร ไม่ใช่ไร้ความสามารถเสียทีเดียว

ท่านโหราจารย์เอ่ยต่อ

“วิญญาณแห่งชีพจรมังกรกระเจิดกระเจิง กระจายไปทุกพื้นที่ของจงหยวน นี่เป็นสัญลักษณ์ว่าจงหยวนไร้ซึ่งเจ้าของ ต้าฟ่งในปัจจุบันนี้ก็เหมือนหอคอยกลางอากาศ หากสูญเสียรากฐานอย่างชีพจรมังกรไป อนาคตอันใกล้ของราชวงศ์คงจะสั่นคลอน”

คำบอกเล่านี้ที่เป็นนามธรรมเกินไปหรือเปล่า…สวี่ชีอันคิ้วขมวด จากนั้นเขาก็ได้ยินท่านโหราจารย์อธิบาย

“พลังมังกรกระจายไปทุกที่ หากผู้ที่ได้รับพลังมังกรเป็นกลุ่มที่มีเจตนาบริสุทธิ์จะกลายเป็นวีรบุรุษ กลุ่มที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์จะกลายเป็นฝ่ายที่สร้างหายนะ ตัวอย่างเช่นกู่ร้องเรียกรวมกองกำลังบนป่าเขา ไม่ก็แบ่งแยกแผ่นดิน นับแต่นั้นมา ยามที่ชะตากรรมของราชวงศ์จงหยวนใกล้จะดับสิ้น ยุทธภพจะอลหม่านก่อนอารามวัดทั้งหมด”

ผู้ที่ได้รับพลังมังกรเทียบเท่ากับข้าในระดับต่ำงั้นหรือ บางทีอาจต่ำกว่าด้วยซ้ำ…สวี่ชีอันเข้าใจความหมายของท่านโหราจารย์อย่างง่ายดาย

ตนที่มีชะตากรรมประเทศครึ่งหนึ่ง เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ขั้นสามแล้ว กลายเป็นฆ้องเงินสวี่ที่มีบารมีรุ่งเรืองดุจดวงตะวันกลางนภา

หากผู้ที่ได้รับพลังมังกรเป็นกลุ่มที่จิตใจดี หลังจากปรากฏขึ้นอาจยังทำเรื่องดีอยู่บ้าง หากเป็นคนที่พาลดื้อรั้นหรือเจตนาไม่บริสุทธิ์คนหนึ่งได้รับพลังมังกรฉวยโอกาสขึ้นมา จะต้องก่อเรื่องไม่ดีเป็นแน่

จงหยวนจะอลหม่าน…

เมื่อคิดได้เช่นนี้สวี่ชีอันก็อดกังวลไม่ได้

จักรพรรดิหยวนจิ่งบำเพ็ญธรรมมานานยี่สิบเอ็ดปี ประชาชนก็ใช้ชีวิตเป็นทุกข์อยู่แล้ว ตอนนี้เรียกได้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ดังสุภาษิตโบราณที่ว่า

จะรุ่งเรืองหรือล่มสลาย ประชาชนก็ลำบาก

ท่านโหราจารย์พลันหันกลับมา พร้อมเอ่ยเสียงทุ้ม “นี่เป็นเหตุต้นผลกรรมของเจ้า”

ในใจสวี่ชีอันพลันหนักอึ้ง

“เจ้าฆ่าเจินเต๋อ เอาชนะวิญญาณแห่งชีพจรมังกร ชะตากรรมประเทศครึ่งหนึ่งอยู่ที่ตัวเจ้า ความอ่อนแอของต้าฟ่งพัวพันกับเหตุต้นผลกรรมของเจ้าอย่างลึกซึ้ง หากวันหนึ่งราชวงศ์ล่มสลาย ภาชนะที่แบกรับชะตากรรมประเทศครึ่งหนึ่งแบบเจ้าก็ต้องพลีชีพเพื่อประเทศชาติเช่นกัน แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้น ข้าในฐานะเจ้าชะตาสวรรค์ ผลสุดท้ายก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจ้าตรงไหนเลย”

น้ำเสียงของท่านโหราจารย์ยังคงเฉยเมย ทว่าแววตาอันราบเรียบที่เขาจับจ้อง ทำให้สวี่ชีอันรับรู้ถึงความร้ายแรงและความจริงของเรื่องราว

“ข้าควรจะทำอย่างไร”

สวี่ชีอันนวดหว่างคิ้ว

ฉู่ไฉ่เวยปรายตามองเขาก็รู้สึกเห็นใจเล็กน้อย ดวงตากลมโตฉ่ำวาวเป็นประกาย มืออันเรียวยาวเย็นเฉียบนวดหว่างคิ้วแทนเขา ลูบ ‘รอยย่น’ ให้เรียบ

“รวบรวมวิญญาณแห่งชีพจรมังกรที่กระจัดกระจาย ผสมเล็กผสมน้อยขึ้นมาใหม่ จากนั้นก็นำกลับเมืองหลวง เรื่องนี้จำเป็นต้องให้เจ้าไปทำ ไม่เพียงเพราะความเกี่ยวข้องของเหตุต้นผลกรรม เพราะเจ้ามีชะตากรรมประเทศครึ่งหนึ่งมากกว่าและผลร่วมอันแกร่งกล้าของพลังมังกร ซึ่งดึงดูดกันและกัน นอกจากนี้ เจ้ายังมีชิ้นส่วนหนังสือปฐพี มันช่วยเจ้าดึงพลังมังกรภายในร่างเป้าหมายออกมาและทำหน้าที่เป็นภาชนะรองรับ จากนั้นข้าจะส่งชิ้นส่วนหนังสือปฐพีที่จะใช้ให้เจ้าเพื่อดึงสูตรของพลังมังกรออกมา”

“ทว่าท่านอาจารย์ บนร่างเขาเป็นตะปูทั้งนั้น ท่านจะไม่ดึงพวกมันออกมาก่อนหรือ”

ฉู่ไฉ่เวยจิ้มอกสวี่ชีอัน ซึ่งในนั้นมีตะปูทะลุตรงเข้าหัวใจ

ท่านโหราจารย์ส่ายหน้าน้อยๆ “นี่เป็นตะปูตอกวิญญาณของล้ำค่าของสำนักพุทธ หากฝืนดึงออกเขาก็จะตาย จำเป็นต้องใช้วิธีลับเฉพาะ”

เมื่อได้ยินสวี่ชีอันก็หัวเราะอย่างขมขื่น ความปรารถนาในใจดับสลายในทันใด

อันที่จริงลองคิดดูก็สมเหตุสมผล ของสิ่งนี้ใช้เพื่อรับมือเสินซู ด้วยตัวตนของเสินซู อาวุธเวทมนตร์ธรรมดาจะผนึกเขาได้อย่างไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง