บทที่ 523 แดนแห่งความฝัน
สวี่ชีอันอ้าปากพะงาบๆ ลำคอราวกับถูกปิดกั้นด้วยบางสิ่งบางอย่าง จนเขาไม่สามารถส่งเสียงได้
เขาจ้องเว่ยเยวียนอย่างเงียบๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายเปิดปากพูดประโยคที่สอง “น่าหลันเทียนลู่ ตั้งแต่เริ่มสงคราม สำนักพ่อมดก็สังหารกองทัพทหารของต้าฟ่งไปนับไม่ถ้วน วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนและทำลายกองพลซากศพของเจ้า จากนั้นก็ทำลายกองทัพสามก๊ก จิ้งกั๋ว คังกั๋ว เหยียนกั๋ว เพื่อสักการะวิญญาณบนสวรรค์ของกองทัพต้าฟ่ง”
สวี่ชีอันหันศีรษะกลับไปโดยฉับพลัน เห็นชายชราผมสีขาวอมเทา สวมเสื้อคลุมยาวของพ่อมดกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนผืนดินที่แห้งแล้ง ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด ลมหายใจอ่อนแรง
ที่ด้านหลังพ่อมดชราท่านนั้น คือภิกษุสมณศักดิ์สูงของสำนักพุทธสามท่าน หนึ่งในนั้นคือคนที่สวี่ชีอันรู้จัก เขาคือพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ ผู้นำสมณทูตสงฆ์สู่เมืองหลวงในวันนั้น “ที่นี่คือฉากบางส่วนของสงครามด่านซานไห่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว…”
เขาตระหนักได้ในทันใด พลันนึกถึงคำพูดของหลี่หลิงซู่ อาจารย์ของตงฟางหว่านหรง อดีตของอดีตเจ้าเมืองจิ้งซาน น่าหลันเทียนลู่สิ้นชีพในสงครามด่านซานไห่ ด้วยแผนการของเว่ยเยวียน
ผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ชั้นสองคือน่าหลันเทียนลู่งั้นรึ? แต่ทำไมข้าถึงเห็นฉากการต่อสู้ในสงครามด่านซานไห่…เขากล่าวพึมพำในใจ จากนั้นก็ได้ยินน่าหลันเทียนลู่หัวเราะเยาะด้วยความเย็นชาและกล่าวว่า “เว่ยเยวียน จิตเดิมของเจ้าแห่งวัสสานยังไม่ถูกทำลาย คนที่ฆ่าข้าได้มีเพียงยอดฝีมือขั้นหนึ่งแห่งลัทธิเต๋า หรือไม่ก็พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่”
สวี่ชีอันหันไปมองเว่ยเยวียนทันที แต่กลับพบว่าเขาได้หายตัวไป และเมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่ด้านหลังน่าหลันเทียนลู่แล้ว มือขวาถือดาบ มือซ้ายหิ้วศีรษะ
ร่างไร้ศีรษะของน่าหลันเทียนลู่นั่งขัดสมาธิโดยไม่ขยับเขยื้อน เลือดที่ลำคอพุ่งสูงขึ้นกว่าห้าเมตรราวกับน้ำพุ
ขั้นสาม ไม่สิ ขั้นสามที่สมบูรณ์แข็งแกร่งกว่าอ๋องสยบแดนเหนือแห่งฉู่โจวมากนัก…สวี่ชีอันทอดถอนใจ ถึงแม้จะรู้ความจริงนานแล้ว แต่เมื่อได้เห็นการบำเพ็ญของเว่ยเยวียนกับตาในตอนนี้ เขาก็ยังอดที่จะถอนหายใจไม่ได้
พระอรหันต์ตู้เอ้อร์หยิบบาตรทองออกมาจากแขนเสื้อขนาดใหญ่ ปากบาตรชี้ไปที่ร่างของน่าหลันเทียนลู่ พร้อมกับสวดพระคัมภีร์เหนือชั้น
แสงพุทธะอันเจิดจรัสกลายเป็นลำแสงส่องไปบนร่างของน่าหลันเทียนลู่ ดึงจิตเดิมอันจอมปลอมออกมาเพื่อเก็บไว้ในบาตรทอง
พระอรหันต์ตู้เอ้อร์เก็บบาตรทองลงไป ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทางราวกับโล่งใจว่า “อาจารย์เว่ย สำหรับจิตเดิมของน่าหลันเทียนลู่ จงมอบให้สำนักพุทธจัดการเถอะ เจดีย์พุทธะของเหลยโจวเป็นของวิเศษของพระโพธิสัตว์ฝ่าจี้ ซึ่งใช้ในการปราบวิญญาณชั่วเป็นพิเศษ ไม่ถึงหกสิบปี น่าหลันเทียนลู่ต้องตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ”
เว่ยเยวียนพยักหน้ากล่าวว่า “ตกลง”
หลังจากกล่าวแล้ว เขาก็เดินจากไปช้าๆ แขนเสื้อปลิวพลิ้วไปตามสายลม
“เว่ยกง เว่ยกง…” สวี่ชีอันไล่ตามไปสองสามก้าว พลางยกมือขึ้นพยายามรั้งเขาไว้ แต่เว่ยเยวียนกลับไม่ได้ยิน
เขาถอนมือกลับด้วยความหมดอาลัยตายอยาก
“อมิตตาพุทธ!”
เวลานี้เอง เขาได้ยินเสียงสวดพระนามของพระพุทธเจ้าดังมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมอง กลับไม่ใช่พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ แต่เป็นภิกษุของวัดซานฮัว เช่น จิ้งซิน จิ้งหยวน เหิงอิน
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงชั้นสองของเจดีย์พุทธะ
เหล่าภิกษุของวันซานฮัวมองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง ราวกับกำลังสับสนว่าทำไมตนเองถึงมาอยู่ที่นี่
ภิกษุจิ้งซินมองสวี่ชีอัน และกล่าวว่า “โยม เมื่อครู่เห็นอะไรรึ? ที่นี่คือที่ใด?”
สวี่ชีอันกล่าวอย่างพิจารณาว่า “ที่นี่น่าจะเป็นสมรภูมิรบของสงครามด่านซานไห่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ที่ที่พวกเราอยู่ หากไม่ใช่ภาพลวงตา ก็เป็นแดนแห่งความฝันของน่าหลันเทียนลู่ เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่พ่อมดขั้นสี่เรียกว่า ‘พ่อมดแห่งความฝัน’ ข้าคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า”
‘แดนแห่งความฝันของน่าหลันเทียนลู่’…ภิกษุจิ้งซินกล่าวทันทีว่า “น่าจะเป็นเช่นนั้น ท่านอาจารย์อาตู้หนานเคยบอกว่า เจดีย์พุทธะชั้นสองถูกพลังของน่าหลันเทียนลู่ทะลวงเข้าไป”
ชั้นสองทั้งหมดถูกพลังของน่าหลันเทียนลู่แทรกซึมเข้ามาแล้วรึ? สวี่ชีอันขมวดคิ้วแน่น
พระเถระชั้นผู้ใหญ่แห่งวัดซานฮัว ภิกษุเหิงอินจ้องสวี่ชีอัน และถามว่า “เมื่อครู่โยมเห็นอะไรรึ”
“ฉากก่อนที่น่าหลันเทียนลู่จะตาย เขาตายด้วยการปิดล้อมฆ่าของเว่ยเยวียนและพระสมณศักดิ์สูงแห่งสำนักพุทธ”
เขาไม่ได้พูดว่าตายด้วยการปิดล้อมฆ่าของพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ เพราะจะเป็นการเปิดเผยเรื่องที่เขารู้จักพระอรหันต์ตู้เอ้อร์
เหล่าภิกษุของวัดซานฮัวพยักหน้าช้าๆ ภิกษุจิ้งหยวนกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ศิษย์พี่ พวกเราจะออกจากแดนแห่งความฝันนี้ได้อย่างไร?”
จิ้งซินเหลือบตามองสวี่ชีอันอย่างมีนัยยะ ก่อนจะส่ายศีรษะโดยไม่พูดไม่จาใดๆ
ดูเหมือนเขาจะรู้ แต่ไม่อยากพูดต่อหน้าข้า ใช่แล้ว สำนักพุทธและสำนักพ่อมดมีการสมรู้ร่วมคิดกัน เพื่อวางแผนปลดผนึกน่าหลันเทียนลู่…สวี่ชีอันมองเหล่าภิกษุอย่างพิจารณา สายตาของเขาหยุดอยู่ที่สองมืออันว่างเปล่าของภิกษุจิ้งซิน
“ท่านอาจารย์จิ้งซิน ลูกแก้วในมือของท่านไปไหนแล้วเล่า?”
ถ้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้สวี่ชีอันเคยเห็นฉากของเจดีย์พุทธะชั้นหนึ่งสะท้อนออกมาจากลูกแก้วอย่างชัดเจน
มิน่าล่ะ หน้าที่ของลูกแก้วคือการสะท้อนฉากภายในของเจดีย์พุทธะสู่โลกภายนอก เพื่อให้ปรมาจารย์พลังจิตอีเอ๋อร์ปู้และระดับเพชรตู้หนานสามารถมองเห็นเหตุการณ์ภายในเจดีย์ได้
แม้ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลง แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังระแวงซึ่งกันและกัน ลูกแก้วจึงเป็นสะพานเชื่อมสำคัญที่ผูกมัดความร่วมมือระหว่างพวกเขา…
“ในเมื่อที่นี่เป็นแดนแห่งความฝัน แน่นอนว่าย่อมไม่สามารถนำลูกแก้วเข้ามาได้” ภิกษุจิ้งซินอธิบาย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ตอนนี้พวกเราไม่มีร่างกายที่แท้จริง แต่จิตสำนึกได้เข้าสู่แดนแห่งความฝันของน่าหลันเทียนลู่แล้ว…สวี่ชีอันลูบคางเบาๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ยิ่งมีคนมาถึงชั้นสองมากขึ้นเรื่อยๆ
คนแรกคือหยวนอี้ หลี่เส่าอวิ๋น ถังหยวนอู่ และยอดฝีมือขั้นสี่อย่างสองพี่น้องตงฟาง ด้วยคุณสมบัติของพวกเขาแล้ว ไม่ว่าในกองกำลังใดๆ พวกเขาล้วนเป็นหินหลักกลางกระแสชลทั้งสิ้น สำหรับสำนักพุทธ นักรบที่สามารถเข้าสู่ขั้นสี่ได้ แน่นอนว่าย่อมมี ‘ลักษณะธรรม’
ตามด้วยเหล่าจอมยุทธ์องอาจแห่งเหลยโจวที่มีจำนวนลดลงถึงสองในสาม
เมื่อเข้าสู่ชั้นหนึ่ง มีจำนวนคนประมาณห้าร้อยคน แต่ตอนนี้เหลือเพียงไม่ถึงสองร้อยคน
“ที่นี่คือที่ใด?”
“สมแล้วที่เป็นสมบัติของสำนักพุทธ นี่เป็นอีกโลกหนึ่งรึ?”
“ดินที่นี่ล้วนเป็นของจริง หินก็เป็นของจริง…”
เหล่าวีรชนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา คนที่อยากรู้อยากเห็นมาก ถึงกับหยิบดินขึ้นมาชิม หลังจากนั้นก็อุทาน ‘เพ่ยเพ่ย’ และถุยออกมาอย่างรวดเร็ว
หลิวอวิ๋นรีบเข้าไปรวมตัวกับศิษย์ร่วมสำนักและเจ้าสำนักถังหยวนอู่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองไปรอบๆ ท่ามกลางฝูงชน ในที่สุดเขาก็เห็นชายชุดดำคนนั้น
นางเป็นห่วงชายคนนี้มาก แต่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเชิงชู้สาวแต่อย่างใด เป็นเพียงความสนใจที่มีต่อยอดฝีมือลึกลับอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น
พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอินกล่าวเสียงดังว่า “โยมทุกคน ที่นี่คือแดนแห่งความฝันของน่าหลันเทียนลู่ สถานที่ที่เราอยู่ คือสมรภูมิรบที่ด่านซานไห่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ฉากตรงหน้า คือสถานที่ที่พระสมณศักดิ์สูงแห่งสำนักพุทธทำการปิดล้อมฆ่าน่าหลันเทียนลู่”
เขาเอาข้อมูลของข้าไปแลกกับความดีความชอบต่อหน้าข้า…สวี่ชีอันชายตามองเหิงอิน
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”
“ขอบคุณไต้ซือที่แจ้ง”
“น่าหลันเทียนลู่คือใคร?”
เหล่าจอมยุทธ์องอาจแห่งเหลยโจวต่างก็ตระหนักได้โดยฉับพลัน และถามคำถามด้วยความสงสัยไม่รู้จบ
ในขณะนี้เอง เหิงอินก็บอกเล่าถึงตัวตนของน่าหลันเทียนลู่ให้ทุกคนทราบ
“เป็นเจ้าแห่งวัสสานขั้นสองจริงๆ รึ?”
“ขั้นสองรึ…”
“สำนักพุทธแข็งแกร่งจริงๆ”
สีหน้าของเหล่าจอมยุทธ์องอาจเต็มไปด้วยความแปลกใจ บ้างก็รู้สึกทอดถอนใจ บ้างก็รู้สึกทึ่ง บ้างก็หวาดกลัว ในสายตาของพวกเขา เจ้าแห่งวัสสานขั้นสองเป็นบุคคลซึ่งเป็นเทพเจ้าที่พวกเขาได้แต่หวัง แต่ไม่สามารถใกล้ชิดได้ แต่บุคคลเช่นนี้กลับถูกสำนักพุทธปราบไว้ที่นี่ได้อย่างไม่คาดคิด
ตงฟางหว่านหรงปิดเปลือกตาลง หลังจากผ่านไปนานก็ลืมตา และกล่าวว่า “ข้าสัมผัสไม่ได้ว่าท่านอาจารย์อยู่ที่ใด นี่หมายความว่าเขาไม่ได้ตระหนักในตนเอง ที่นี่เป็นแดนแห่งความฝันจริงๆ เป็นแดนแห่งความฝันของเขา”
ตงฟางหว่านชิงพยักหน้า “แล้วจะทำลายภัยพิบัตินี้ได้อย่างไร?”
ตงฟางหว่านหรงส่ายศีรษะ “ข้าจะลองดูอีกครั้ง…”
ในขณะที่พูด จู่ๆ ฉากตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทุกคนพบว่าตนเองอยู่ในค่ายใหญ่ ชายที่มีผมและเคราขาวในเสื้อคลุมพ่อมดนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน ที่ข้างโต๊ะตัวยาวเป็นแม่ทัพในชุดเกราะสีเงินและพ่อมดในเสื้อคลุมพ่อมด
สวี่ชีอันเห็นบุคคลที่มีใบหน้าคุ้นเคยในหมู่คนเหล่านั้น
เขาเย้ยหยันคำให้การของภิกษุเหิงอินเมื่อสักครู่ที่ยกความดีความชอบให้กับสำนักพุทธในการล้อมฆ่าน่าหลันเทียนลู่
ภิกษุวัดซานฮัวประสานมือเข้าด้วยกันโดยไม่ตอบโต้อะไร
สีหน้าของบุคคลที่มีชื่อเสียงของเหลยโจวเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
เวลานี้เอง ฉากเบื้องหน้าก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง มันไม่ใช่สงครามด่านซานไห่อีกต่อไป แต่เป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย
แดนแห่งความฝันที่ไม่คุ้นเคย
เจ้าของแดนแห่งความฝันคือเด็กชายที่ถือดาบถึงสองเล่ม เวลานี้ เขากำลังจ้องชายวัยกลางคนที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ซึ่งชายวัยกลางคนท่านนั้นก็ถือดาบสองเล่มเช่นกัน
ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยความเฉยเมย “ข้าจะไม่ออมมือในการต่อสู้ครั้งนี้ หากเจ้ารอดไปได้ในร้อยกระบวนท่า ก็จะสำเร็จการฝึกฝน แต่ถ้ารอดไปไม่ได้ ก็ต้องตาย”
เด็กชายที่ถือดาบสองเล่มกล่าวเสียงเบาว่า “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ท่านอาจารย์ ลงมือเถอะ”
การต่อสู้ครั้งนี้น่าสลดใจอย่างยิ่ง เด็กชายทนรับดาบถึงสามสิบหกเล่ม ลมหายใจแผ่วเบาราวกับใกล้ตาย
…
ฉากเบื้องหน้าเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เจ้าของแดนแห่งความฝันยังคงเป็นนักรบที่ถือดาบสองเล่ม แต่เป็นเด็กชายที่กลายเป็นชายหนุ่มแล้ว
ศัตรูก็เปลี่ยนจากท่านอาจารย์เป็นชายชราที่มีลำแสงแห่งความดื้อรั้นท่านหนึ่ง
ชายชราตวาดด้วยความโกรธ “ถังหยวนอู่ เจ้ากล้าฆ่าคนแก่อย่างข้ารึ อาจารย์ของเจ้าแก่แล้ว ข้าอาจจะกลัวเล็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งขั้นห้านั้นเหมาะสมกับการฆ่าข้ารึ?”
ถังหยวนอู่กล่าวเสียงเบาว่า “สัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งภูผางู เจ้าทำการล่วงประเวณีและปล้นสะดม ก่อกรรมทำชั่วไปหมด วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า”
…
ทุกคนต่างมองไปที่ถังหยวนอู่อย่างพร้อมเพรียงกัน มีคนกล่าวขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า “นี่คือการต่อสู้อันโด่งดังที่เจ้าสำนักถังสังหารผู้นำเขาเฉอซาน แล้วเข้าสู่ขั้นสี่”
“อืม ข้าจำได้แล้ว ปีนั้นผู้นำเขาเฉอซานก่อกรรมทำชั่วที่เหลยโจว ก่อคดีฆ่าคนตายทั้งบ้านจนนับไม่ถ้วน เป็นที่ต้องการตัวของราชสำนัก ต้องให้เจ้าสำนักถังลงมือถึงฆ่าเขาได้ ตอนนั้นเป็นที่ฮือฮาในเหลยโจวไม่น้อย”
“แต่ว่า ทำไมเรื่องราวในอดีตของเจ้าสำนักถังถึงปรากฏที่นี่ได้?”
ตงฟางหว่านหรงเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจ ราวกับเรื่องนี้ได้ยืนยันการคาดเดาในใจของนางแล้ว จากนั้นนางก็กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “เพราะจิตเดิมของพวกเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาจารย์…เมื่อได้รับอิทธิพลของพ่อมดแห่งความฝันในแดนแห่งความฝันของน่าหลันเทียนลู่ แดนแห่งความฝันของทุกคนจึงกำลังผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าตอนนี้พวกเรากำลังฝันอยู่งั้นรึ?” หยวนอี้กล่าวเสียงทุ้ม
ถังหยวนอู่แสดงสีหน้าโดยฉับพลัน “การต่อสู้ของเด็กฝึก สงครามการฆ่าผู้นำเขาเฉอซาน เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของข้าจริงๆ แม้จะผ่านไปหลายปี ข้าก็มักจะฝันถึงอยู่บ่อยๆ”
“คุ้มค่าแล้วที่ได้เห็นสงครามด่านซานไห่ในอดีต ได้เห็นตอนที่เจ้าสำนักถังฆ่าผู้นำเขาเฉอซาน”
“ใช่แล้ว ประสบการณ์เช่นนี้ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ”
หลังจากนั้น ทุกคนก็ประสบกับแดนแห่งความฝันอีกหลายสนาม มีการต่อสู้ในสมรภูมิของแม่ทัพเจิ้นฝู่หลี่เส่าอวิ๋นและผู้บัญชาการหยวนอี้ มีการเข่นฆ่านองเลือดของเหล่าจอมยุทธ์องอาจแห่งเหลยโจว ยังมีมุมมองของลูกศิษย์สำนักพุทธ เห็นฉากอันงดงามที่ภิกษุสมณศักดิ์สูงแดนประจิมสวดมนต์และแสดงพระธรรมเทศนา
สวี่ชีอันปะปนอยู่ในฝูงชน เขานิ่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่สายตากลับจับจ้องสองพี่น้องตงฟางและภิกษุวัดซานฮัวเป็นพิเศษ
สำนักพุทธและสำนักพ่อมดมาถึงโดยมีการเตรียมตัวมาก่อน พวกเขาย่อมรู้ว่าจะหลุดพ้นจากแดนแห่งความฝันได้อย่างไร ปลดปล่อยน่าหลันเทียนลู่อย่างไร ได้รับปราณมังกรอย่างไร…จะให้พวกเขาปลดปล่อยน่าหลันเทียนลู่ไม่ได้…ขณะที่เขาคิด จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอุทาน เมื่อหันศีรษะไปมอง ตนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ภาพนี้คุ้นตามาก คุ้นจนทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
พิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธ!
ค่ายกลแปดทุกข์!
บรรลัยแล้ว นี่มันแดนแห่งความฝันของข้ารึ?!
………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...