บทที่ 524 ตามหาน่าหลันเทียนลู่
สวี่ชีอันรู้สึกร้อนใจอย่างยิ่ง หากแดนแห่งความฝันปรากฏขึ้นเป็นภาพ เขาก็จะพุ่งตัวเข้าไปปิด ไม่ให้ใครได้เห็น หากตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดเผยในเจดีย์พุทธะ จะหมายความว่าอะไร?
สำนักพ่อมดจะฆ่าเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด และสำนักพุทธก็จะช่วยเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด
ถึงเวลานั้น ไม่ต้องพูดถึงการปลดผนึกเสินซูและฟื้นปราณมังกร แม้แต่ตัวเองเขาก็ยังปกป้องได้ยาก
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงแห่งเหลยโจว หรือภิกษุสำนักพุทธ หรือสองพี่น้องตงฟาง ต่างก็ถูก ‘แดนแห่งความฝัน’ ดึงดูดความสนใจทั้งสิ้น
“นี่ นี่คืออะไร?”
“ฝอซาน เครื่องแบบของที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล…เหมือนกับเคยเห็นมาก่อนเลย”
ทุกคนต่างก็สับสนและอยากรู้อยากเห็น ไม่มีใครตอบโต้อะไรชั่วขณะ เหลยโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงมาก คนที่อยู่ที่นี่ย่อมไม่เคยเห็นพิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธมาก่อน รวมทั้งไม่เคยเห็นสวี่ชีอันด้วยตาตนเองด้วย
“นี่คือพิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธ บุคคลนั้นคือฆ้องเงินสวี่” เจ้าสำนักดาบคู่ถังหยวนอู่กล่าวเสียงดัง
ตอนที่มีพิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธ เขาก็อยู่ที่เมืองหลวงด้วย อันที่จริงเขาตั้งใจมุ่งเป้าไปที่ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ เป็นผลให้ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์เลื่อนออกไปเป็นเดือน แต่กลับเป็นโอกาสให้เขาบังเอิญได้เห็นการประลองฝีมืออันยิ่งใหญ่ในสนามพิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธ
“ว้าว!”
คลื่นเสียงลุกฮือขึ้นในทันใด วีรชนชาวเหลยโจวต่างก็ชี้ไปที่ภาพ และพูดคุยกันเสียงดังเจื้อยแจ้ว
“เขาคือฆ้องเงินสวี่ หล่อเหลากว่าในภาพมากนัก ทันทีที่เห็นก็รู้เลยว่าเขาต้องเป็นมังกรหงส์ในฝูงชน”
“วันนั้นไม่มีบุญได้เห็นพิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธ คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ วันนี้จะได้เห็นผ่านวิธีการเช่นนี้ ฮ่าๆ…”
สองพี่น้องตงฟางต่างก็เบิกตาด้วยความตกตะลึงเช่นกัน และมองชายหนุ่มที่สวมเครื่องแบบฆ้องเงินคนนั้นตาไม่กะพริบ
เคยแต่ได้ยินชื่อเสียงของเขามานาน แต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองสักครั้ง การได้มีโอกาสได้เห็นเช่นนี้ ก็นับว่าไม่เลว อย่างไรเมืองหลวงก็เป็นแหล่งบัญชาการใหญ่ของต้าฟ่ง ซึ่งพวกนางไม่สามารถไปที่นั่นได้
หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลซ่อนตัวอยู่ทั่วทุกที่ในจิ่วโจว และยังมุ่งตรวจสอบกองกำลังทุกฝ่ายอย่างละเอียดรอบคอบอย่างมาก เรื่องเล็กๆ อย่างการที่ตำหนักมังกรตงไห่เป็นกองกำลังหนึ่งของสำนักพ่อมด ย่อมไม่สามารถซ่อนจากหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลได้อย่างแน่นอน
ไปที่เมืองหลวงก็เหมือนไปตาย
ด้วยเหตุนี้ โดยพื้นฐานแล้ว พวกนางจึงไม่หวังที่จะได้พบกับฆ้องเงินสวี่ในตำนาน
“หล่อผิดมนุษย์มนาจริงๆ แต่ก็ยังหล่อไม่เท่าคุณชายหลี่” ตงฟางหว่านหรงมองฆ้องเงินสวี่ และทำการตัดสินชี้ขาด
‘ก็แค่ค่ายกลอันหนึ่งที่ทำให้เขากุมขมับกรีดร้อง ฆ้องเงินสวี่ในเวลานั้นไม่มีจิตใจอันทระนงอย่างในตำนานสักหน่อย’ ตงฟางหว่านชิงคิดอยู่ในใจ
อีกด้านหนึ่ง จอมยุทธ์ภิกษุจิ้งหยวนมองพระภิกษุจิ้งซิน พลางกล่าวเสียงเบาว่า “นี่คือสาวกที่เหล่าพระอรหันต์และพระโพธิสัตว์ต้องการรับเข้าสำนักพุทธด้วยใจจริงใช่หรือไม่?”
จิ้งซินตอบรับ “อืม” พลางเพ่งมองฆ้องเงินสวี่อย่างใจจดใจจ่อ
จิ้งหยวนถามว่า “เจ้าคิดว่านิกายมหายานเป็นอย่างไร?”
จิ้งซินนิ่งเงียบเป็นเวลานาน ก่อนจะกล่าวช้าๆ ว่า “มันเหมือนประตูบานหนึ่งที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและอันตราย แต่ก็ทำให้คนโหยหาอย่างยิ่ง พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ก็อยากจะผลักไสมันออกไป แต่ก็กลัวที่จะผลักไสมันเช่นกัน เจียหลัวซู่ไม่อยากผลักไสมัน แต่ก็อดคิดที่จะผลักไสมันไม่ได้ ศึกระหว่างนิกายมหายานและนิกายเถรวาทมีข้อถกเถียงกันมาจนถึงตอนนี้ นอกจากพระพุทธเจ้าจะบรรทมสนิท ไม่สามารถพิพากษาคดีอย่างเที่ยงธรรมแล้ว ความลังเลของเหล่าพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ก็เป็นเหตุผลที่สำคัญเช่นกัน จอมยุทธ์ภิกษุไม่บำเพ็ญฌาน สำหรับพระธรรม เพียงแค่เหมือนกันเล็กน้อยก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญ”
แน่นอนว่าหากต้องเลือก จอมยุทธ์ภิกษุก็มีแนวโน้มที่จะกอบกู้นิกายเถรวาท เพราะเส้นทางของจอมยุทธ์ภิกษุและทหารมีความคล้ายคลึงกันมาก ทั้งหมดต่างบำเพ็ญด้วยตนเอง
ในขณะที่ภิกษุทั้งสองรูปกำลังพึมพำ จู่ๆ ฆ้องเงินสวี่ที่ติดอยู่ในค่ายกลก็บ้าคลั่งขึ้นมา จับด้ามดาบ ตวัดลงมาด้วยพรสวรรค์อันงดงามและน่าทึ่ง คมดาบที่ทำให้ยอดฝีมือขั้นสี่ที่อยู่ที่นี่ต่างก็หวาดกลัว
ค่ายกลแปดทุกข์แตกเป็นเสี่ยงๆ คาที่
หลังจากนั้น ฆ้องเงินสวี่ก็ตวัดดาบฟันพลังเทพวชิระแห่งสำนักพุทธจนแตกพ่าย คุยกับภิกษุอาวุโสใต้ต้นโพธิ์ ภิกษุอาวุโสตู้ฮว่าปืนขึ้นไปบนยอดสำนักพุทธ ยืนกรานที่จะไม่คุกเข่าภายใต้การบังคับของร่างธรรมอันยิ่งใหญ่
อัญเชิญดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ตีแดนพุทธแตกพ่ายไอรีนโนเวล
“แข็งแกร่งมาก ที่แท้ตอนที่อยู่ในพิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธ ฆ้องเงินสวี่ก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว”
“ใช่ ตอนพิธีต้าวฮวด เขาเพิ่งกลับมาจากอวิ๋นโจวได้ไม่นาน พูดได้ว่าเรื่องที่เขาต้านกบฏแปดพันคนเพียงลำพังนั้นไม่ใช่แค่ข่าวลือ”
“แปดพันคนอะไรกัน ไม่ใช่สองหมื่นหรอกหรือ”
“สมแล้วที่เป็นฆ้องเงินสวี่ ไม่แปลกใจเลยที่ต่อมาเขาสามารถเข้าพิชิตสวรรค์และมนุษย์ด้วยสองมือนั้น ไม่แปลกที่เขาสามารถปกป้องเมืองในสงครามด่านอวี้หยางได้ หนึ่งคน หนึ่งดาบ สังหารกองกำลังศัตรูอย่างสำนักพ่อมดไปกว่าสองแสนชีวิต”
“ใช่ ฆ้องเงินสวี่ฝึกวิทยายุทธ์มาสิบกว่าปี แต่แข็งแกร่งกว่าพวกเราที่ฝึกฝนมาสิบกว่าปีก็ยังไม่สามารถก้าวสู่ขั้นสี่ได้ นี่คือพรสวรรค์ที่พระเจ้ามอบให้อย่างแท้จริง”
ปวงชนเหลยโจวตื่นเต้นอย่างมาก เหลยโจวอยู่ไกลจากเมืองหลวง ดังนั้นข่าวเกี่ยวกับการกระทำของฆ้องเงินสวี่ย่อมเกินจริงและไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่วันนี้เมื่อได้เห็นพลังที่แท้จริงของฆ้องเงินสวี่ในภาพพิธีต้าวฮวด เหล่าวีรชนเหลยโจวก็เชื่ออย่างสนิทใจในข้อเท็จจริงที่ว่า คนเดียวต่อต้านกบฏแปดพันคนที่อวิ๋นโจว โอ้ ไม่สิ กบฏสองหมื่นคนต่างหาก
และยังเชื่อเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในสงครามด่านอวี้หยาง ที่บุคคลเดียวสังหารกองทัพศัตรูถึงสองแสนคนอีกด้วย
สองพี่น้องตงฟางกันมาสบตากัน และถอนคำพูดเมื่อสักครู่อย่างรู้กัน เมื่อเทียบกับฆ้องเงินสวี่แล้ว คุณชายหลี่ของพวกนางก็ยังห่างไกลกันมากจริงๆ
แดนแห่งความฝันค่อยๆ สลายไป แต่อารมณ์ของทุกคนยังคงค้างไม่รู้จบ
จู่ๆ พระเถระชั้นผู้ใหญ่แห่งวัดซานฮัวเหิงอินก็กล่าวขึ้นมาเสียงดังว่า “เหตุใดฉากพิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธถึงได้ปรากฏที่นี่?”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนตื่นตัว และตระหนักถึงความไม่สมเหตุสมผล
จริงด้วย ทำไมพิธีต้าวฮวดของสำนักพุทธถึงได้ปรากฏขึ้นที่นี่?
ทุกสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าล้วนเป็นแดนแห่งความฝัน เช่นนี้นี่เป็นแดนแห่งความฝันของผู้ใด?
…
“เอ๋ ทำไมพวกเขาถึงยืนนิ่งกันหมดเล่า?”
มู่หนานจือหรี่ตากลมโตของนางมองไปยังลูกแก้วอัญมณีที่เกิดจากน้ำตาของสัตว์ร้ายในมือของเทพอารักษ์ตู้หนาน นางพบว่าภาพที่สะท้อนจากลูกแก้วกำลังหยุดนิ่งไอรีนโนเวล
“แปลกจัง ราวกับมีเวทมนตร์บางอย่าง”
ขุนนางขั้นสี่ของสมาคมการค้าเหลยโจวกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “คุณชายหลี่ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
เหวินเหรินเชี่ยนโหรวถามความคิดเห็นของคนรัก
หลี่หลิงซู่ขมวดคิ้วแน่น “มิน่าล่ะ มิน่าล่ะ ให้…ให้ข้าคิดก่อน มิน่าสำนักพุทธถึงต้องการร่วมมือกับสำนักพ่อมด ที่แท้เจดีย์พุทธะชั้นสองก็ถูกกัดกร่อนโดยพลังของน่าหลันเทียนลู่ เมื่อพวกเขาปีนขึ้นชั้นสอง จึงเข้ามาติดในแดนแห่งความฝันของน่าหลันเทียนลู่ทันที ดังนั้นจึงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน หากต้องการผ่านแดนแห่งความฝันไปอย่างราบรื่น ก็จำเป็นต้องมีความร่วมมือจากน่าหลันเทียนลู่ มิเช่นนั้น คนเหล่านี้ก็จะไม่สามารถออกไปจากชั้นสองได้ และติดอยู่ในแดนแห่งความฝันตลอดไป จนกระทั่งพลังชีวิตในโลกภายนอกถูกตัดรอน”
เหวินเหรินเชี่ยนโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย และกล่าวด้วยความกังวลว่า “ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสสวีก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากแดนแห่งความฝันได้เช่นกัน…”
จู่ๆ การแสดงออกของหลี่หลิงซู่ก็แปลกประหลาดไป เขาพบว่ายิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจตาแก่นั่น เห็นได้ชัดว่าตัวตนและฐานการบำเพ็ญของเขาไม่ธรรมดา แต่มักจะแสดงฐานการฝึกฝนระดับปานกลางเช่นเดียวกับรูปลักษณ์อันธรรมดาของเขา
นี่เป็นความตั้งใจของเขา หรือมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้อย่างเต็มที่กันแน่?
“เขาวางแผนอย่างไรก็ไม่สำคัญในตอนนี้ อันที่จริงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำลายแดนแห่งความฝันของน่าหลันเทียนลู่ ไม่ว่าจะอยู่ขั้นใด วรยุทธ์ของพ่อมดก็จำเป็นต้องอาศัยความฝันเป็นสื่อกลาง นี่คือกฎ”
หลี่หลิงซู่พูดอย่างฉะฉานว่า “ดังนั้นมีอยู่สองวิธี หนึ่ง ปลุกน่าหลันเทียนลู่ในเจดีย์ให้ตื่นขึ้น ก็จะหลุดพ้นจากแดนแห่งความฝันได้ สอง ตามหาจิตสำนักของน่าหลันเทียนลู่ในแดนแห่งความฝัน สื่อสารกับเขา และขอให้เขาช่วยให้ทุกคนหลุดพ้นจากแดนแห่งความฝัน”
ในฐานะที่หลี่หลิงซู่เป็นคนรักของแม่มดแห่งความฝันขั้นสี่อย่างตงฟางหว่านหรง และยังเป็นยอดฝีมือลัทธิเต๋าที่เชี่ยวชาญในการบำเพ็ญจิตเดิม จึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการของพ่อมดแห่งความฝันอย่างลึกซึ้ง
“จิตสำนึกในความฝันงั้นรึ?”
มู่หนานจือถามกลับ จิ้งจอกน้อยสีขาวในอ้อมแขนโผล่ศีรษะออกมา ดวงตาดำแป๋วมองหลี่หลิงซู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
หลี่หลิงซู่กล่าวว่า “ไม่มีจิตสำนึก ความฝันก็ไม่เกิด ในฝันย่อมมีจิตสำนึกของคนอยู่ด้วย”
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจ “ในฐานะที่ตงฟางหว่านหรงเป็นแม่มดแห่งความฝันที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นสี่ การตามหาจิตสำนึกของน่าหลันเทียนลู่เป็นเรื่องง่ายดายมาก แต่ทำไมนางจึงนิ่งเฉย และยังวนเวียนอยู่ในแดนแห่งความฝันด้วยเล่า?”
พี่น้องทั้งสอง คนหนึ่งเย็นชา คนหนึ่งทรงเสน่ห์ หากมองเพียงแวบเดียว ดูเหมือนตงฟางหว่านชิงผู้เป็นน้องสาวจะเผด็จการมากกว่า ความจริงแล้วไม่ใช่ ตอนอยู่บนเตียง โดยปกติจะเป็นพี่สาวผู้ทรงเสน่ห์ที่เผด็จการและอุกอาจมากกว่า ราวกับราชินี
คิดๆ ดูแล้ว หลี่หลิงซู่ก็อดที่จะลูบเอวไม่ได้
ตั้งแต่ถูกสองพี่น้องตงฟางกักบริเวณมาครึ่งปี เขาก็ขยันขันแข็งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นับวันเขายิ่งเฉยเมยต่อสตรีมากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกว่าตนเองค่อยๆ สัมผัสกับความหมายที่แท้จริงของการตัดอารมณ์รัก
แน่นอนว่ามันเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง
‘ศิษย์น้องเอ๋ยศิษย์น้อง เจ้าลงจากภูเขามาพร้อมกับข้า ตอนนี้เจ้ากลายเป็นจอมยุทธ์หญิงนกนางแอ่นเหิน แต่ข้าค่อยๆ ตัดรัก เมื่อครบสามปี เจ้าจะต้องอิจฉาจนน้ำลายไหลออกมาจากดวงตา
‘หึ เทพธิดาแห่งนิกายสวรรค์ผู้สง่างาม กลายเป็นวีรสตรีผู้กระหายความยุติธรรม เจ้าเดินทางผิดแล้ว’
เมื่อหลี่หลิงซู่นึกถึงสิ่งนี้ก็รู้สึกพอใจอย่างมาก
…
“เหตุใดจึงไม่มีใครตอบโต้?”
ภิกษุเหิงอินเปล่งเสียงดัง และตะโกนอีกครั้ง พร้อมกันนั้น เขาก็กวาดสายตาอันเฉียบแหลมมองไปที่ฝูงชน
จิ้งซินและจิ้งหยวนดูเหมือนจะนึกอะไรได้ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลางใช้สายตาอันเฉียบแหลมมองเข้าไปในฝูงชน ราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง
“พี่สาว เจ้าใช้วิธีการของแม่มดแห่งความฝันเพื่อย้อนรอยว่าใครคือเจ้าของแดนแห่งความฝันได้หรือไม่”
ใบหน้าของตงฟางหว่านชิงที่เย็นชาอยู่แล้ว ในเวลานี้กลับจริงจังและเย็นชามากขึ้น
“ข้ารู้ว่าเจ้าหมายถึงอะไร…” ตงฟางหว่านหรงพยักหน้าช้าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง