บทที่ 526 ชิงตัดหน้า
“ไม่มีปัญหา!”
ภิกษุจิ้งซินกล่าว หลังจากแยกแยะแล้ว
ตงฟางหว่านหรงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มองไปที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอิน เขากำลังชูวชิระแล้วแทงลงตรงหน้าอกของชายชุดดำอย่างโหดเหี้ยม
แม้ว่าตงฟางหว่านหรงจะไม่ชอบการเข่นฆ่า แต่สำหรับศัตรูที่เกือบฆ่าน้องสาวของตัวเองแล้ว ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น
‘แกร๊ง!’
ท่ามกลางเสียงแหลมแสบแก้วหู ง่ามมือของฉานซือเหิงอินฉีกออก วชิระในมือก็หลุดมือร่วงหล่นพื้น
เวลานี้ สองพี่น้องตงฟาง ภิกษุจิ้งซิน และคนอื่นๆ ต่างกระเถิบเข้ามาใกล้ด้วยความงุนงง
“จอมยุทธ์?”
ตงฟางหว่านชิงพูดด้วยความประหลาดใจ
นางไม่คาดคิดว่าชายลึกลับชุดดำที่สามารถกลืนกินพลังวิญญาณคนนี้จะเป็นจอมยุทธ์
วิธีการของจอมยุทธ์แปลกประหลาดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“คนคนนี้เป็นจอมยุทธ์จริงๆ!”
พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอินขมวดคิ้วเล็กน้อย หากเป็นเช่นนี้ ก็เป็นการยากที่จะฆ่าฝ่ายตรงข้าม
สำหรับฉานซือที่ไม่ได้มีชื่อเสียงในด้านพลังต่อสู้ จอมยุทธ์ขั้นสี่เพียงคนเดียวก็เป็นศัตรูที่ ‘แข็งแกร่ง’ พอสมควร ถึงแม้จะไม่ทำอะไรเลย การคิดจะฆ่าพวกเขาก็ยากมากทีเดียว
“ค้นตัวเขา ดูซิว่าเป็นใครมาจากไหน”
จอมยุทธ์ภิกษุจิ้งหยวนพูด
พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอินก็กำลังคิดเช่นเดียวกัน จึงได้ยื่นมือเข้าไปในอกเสื้อของสวี่ชีอัน ในขณะนั้นเอง สีหน้าของจอมยุทธ์ภิกษุก็ดุร้ายขึ้นมาทันที ก่อนที่ทุกคนจะรู้สึกตัว เขาก็เอาหัวกระแทกน่าหลันเทียนลู่
‘วืด!’
จอมยุทธ์ภิกษุรูปนั้นกระแทกเข้ากับอากาศที่มองไม่เห็นล้มลง ซึ่งกลับหัวบินออกไป
อากาศกึ่งโปร่งใสราวกับคลื่น รู้สึกเหมือนมีคนกำลังโจมตีสิ่งปิดผนึก น่าหลันเทียนลู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ขนตาสั่น ใกล้จะตื่นแล้ว
“เจ้าทำอะไร?”
ใบหน้าของตงฟางหว่านหรงถอดสี
จอมยุทธ์ภิกษุกระอักเลือด เส้นเลือดดำที่หน้าผากปูดโปน แต่เขากลับไม่สนใจตงฟางหว่านหรง แต่ชี้ไปที่พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอิน แล้วพูดเสียงเฉียบขาดว่า
“ห้ามเจ้าทำร้ายเขา ห้ามเจ้าทำร้ายเขา ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ห้ามเจ้าทำร้ายเขาอย่างเด็ดขาด”
พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอินดึงมือกลับ สีหน้าไม่น่ามอง “เกิดอะไรขึ้น อิ้นหมิง เจ้าเป็นบ้าอะไร”
จอมยุทธ์ภิกษุด่าทอครู่หนึ่ง แล้วมองไปที่สวี่ชีอันที่เต็มไปด้วยความรักและความเมตตา แล้วพึมพำว่า “ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าถูกทำร้าย ไม่มีวันเด็ดขาด”
“เขาถูกควบคุมแล้ว เจ้าลาหัวล้านจอมทึ่ม เจ้าทำอะไรของเจ้า” ตงฟางว่านหรงจ้องหน้าจิ้งซินอย่างดุร้าย ฝ่ายหลังสีหน้าเต็มไปด้วยความฉงน พูดว่า
“เขารู้สึกตัวดี ไม่ได้โดนฤทธิ์ของกู่…เจ้าแห่งวัสสานน่าหลันใกล้จะตื่นแล้ว มีวิธีไหนที่จะทำให้เขาหลับต่อได้หรือไม่”
ตงฟางหว่านหรงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่าใครที่สามารถทำให้เจ้าแห่งวัสสานขั้นสองหลับได้กันล่ะ เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เจ้ารีบไปที่ชั้นสาม สื่อสารกับถ่าหลิง ข้าจะคอยต้านทานชาวเหลยโจวกลุ่มนี้ไว้เอง”
“อมิตตาพุทธ คงทำได้เพียงเท่านี้”
จิ้งซินถอยกลับอย่างรวดเร็ว วิ่งไปที่ปลายทาง
‘สวบ!’
พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอินแทงชาวยุทธ์แห่งเหลยโจวตายอีกคนหนึ่ง แล้วพูดเสียงดังว่า “ถือโอกาสตอนที่เขายังไม่ตื่น รีบแก้ปัญหาเสีย”
เขาไม่ได้วุ่นวายกับชายชุดดำอีก แต่เลือกที่จะฆ่าชาวยุทธ์ก่อน
เหล่าศิษย์ของตำหนักมังกรตงไห่ จอมยุทธ์ภิกษุของสำนักพุทธต่างทยอยลงมือ คร่าชีวิตชาวเหลยโจว
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ก็มีคนเสียชีวิตไปสิบกว่าคน
น่าหลันเทียนลู่ลืมตาขึ้นช้าๆ
ความฝันพังทลายไปอย่างสิ้นเชิง ชาวเหลยโจวที่ตกอยู่ในความฝันตื่นขึ้นทันที หลังจากนั้นก็เห็นภิกษุของสำนักพุทธและศิษย์ของตำหนักมังกรตงไห่กำลังคร่าชีวิตของฝ่ายตัวเอง
“บ้าเอ๊ย ลาหัวโล้นสำนักพุทธผู้ไม่มีจริยธรรมในการต่อสู้”
“โชคดีที่ข้าตื่นเร็ว ไม่เช่นนั้นคงตายไปเป็นผีไม่รู้ตัว”
“พี่น้องทั้งหลาย จัดการพวกมันซะ”
การสู้รบพัลวันระเบิดขึ้นทันที ความสามารถโดยรวมของภิกษุแห่งวัดซานฮัวและศิษย์ของตำหนักมังกรตงไห่นั้นเหนือกว่าชาวยุทธ์ แต่ในบรรดาชาวยุทธ์นั้นไม่ขาดจอมยุทธ์ขั้นห้าสลายแรง กระดูกเหล็กผิวทองแดงนั้นมีมากยิ่งกว่า ทั้งสองฝ่ายต้างต่อสู้กันไปมา
‘ขวับ!’
ชาวยุทธ์คนหนึ่งแกว่งดาบเล่มใหญ่ ตัดแขนของจอมยุทธ์ภิกษุจนขาด ขณะที่กำลังจะฟันซ้ำ พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอินก็พูดเสียงเคร่งขรึมว่า
“วางดาบลง!”
ภายใต้คำสั่ง ดาบในมือของจอมยุทธ์คนนั้นก็ร่วงลงกับพื้นดัง”แกร๊ง”
ภิกษุสองรูปต่อสู้กัน ภิกษุรูปหนึ่งช่วยคนไว้ และอีกรูปแกว่งดาบในมือ ฟันคอชาวยุทธ์คนนั้นขาด
ฉานซือจับคู่กับจอมยุทธ์ภิกษุ เป็นการรวมกันของเทพชัดๆ…สวี่ชีอันมองไปรอบๆ สนามรบอย่างใจเย็น ก็พบว่าทางเดินนั้นไม่กว้างไม่แคบ แต่มันไม่สามารถรองรับผู้คนจำนวนมากในการสู้รบกันได้
จิ้งหยวนกำลังต่อสู้กับหลี่เส่าอวิ๋น
ส่วนตงฟางหว่านชิงนั้นได้ปราบเจ้าสำนักดาบคู่ถังหยวนอู่
ตงฟางหว่านหรงเรียกวิญญาณวีรบุรุษผู้กล้าออกมา ใช้ร่างกายของจอมยุทธ์ผนวกกับวิธีการของพ่อมด ปราบผู้บัญชาการหยวนอี้
ฝ่ายเหลยโจวนี้ได้เปรียบทางด้านคนเยอะและกำลังแข็งแกร่ง แต่พลังต่อสู้ของสำนักพุทธแข็งแกร่งเกินไป แล้วยังมีตำหนักมังกรตงไห่ของสองพี่น้องตงฟางอีก…จะรอช้าต่อไปอีกไม่ได้ มิฉะนั้นแม้จะชนะ แต่จิ้งซินก็ได้ครอบครองเจดีย์พุทธะไปแล้ว แพ้หรือชนะจะยังมีความหมายอะไร
“หลี่เส่าอวิ๋นและคนอื่นๆ ก็เข้าใจในจุดนี้เช่นกัน แต่กลับจนปัญญา…”
เงาของสวี่ชีอันหายไป กระโดดอยู่ในเงามืดของผู้คน
ขณะที่เดินผ่านตงฟางหว่านชิง นางสามารถสัมผัสได้ จึงจ้องมองที่เงาของตัวเอง แล้วกรีดร้องว่า
“ท่านพี่ เขานี่เอง คนที่นำตัวคุณชายหลี่ไปก็คือเขา”
ในที่สุดก็ได้รับการยืนยัน
เมื่อตงฟางหว่านหรงได้ยินดังนั้น ใบหน้างามราวกับปกคลุมด้วยน้ำแข็ง เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด ตะโกนว่า
“ไต้ซือเหิงอิน จับตัวเขากลับไป”
พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอินพนมมือ จับเงามืดที่กระโดดด้วยความเร็วสูง และพึมพำว่า “กลับตัวกลับใจย่อมมีทางรอด!”
สวี่ชีอันรู้สึกเพียงในก้นบึ้งของหัวใจเกิดการต่อต้านอย่างหนัก ต่อต้านการก้าวไปข้างหน้า และกระทำในสิ่งที่สอดคล้องกันตามสัญชาตญาณ…ถอยหลัง!
เขาไม่ได้ฝืนใจตัวเอง ถอยหลังอย่างเด็ดเดี่ยว ถอยกลับเข้าไปในแนวรบที่มีการเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงไปยังพี่น้องสองสาว
“ข้าได้ฆ่าคนแซ่หลี่ไปแล้ว ถ้ามีความสามารถ ก็มาฆ่าข้าสิ”
พี่น้องสองสาวกัดฟันอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่ได้ละทิ้งคู่ต่อสู้เพื่อไล่ฆ่าสวี่ชีอันตามอารมณ์ แสดงให้เห็นถึงความใจเย็นมากพอ
คุณชายหลี่สมัครใจไปกับเขาเอง จากประสบการณ์ของคุณชายหลี่ หากอีกฝ่ายไม่น่าไว้ใจ เขาจะไม่มีวันเสี่ยงอันตรายเป็นอันขาด
วิธีการยั่วยุไม่ได้ผล…สวี่ชีอันรู้สึกผิดหวังในทันที
“เจ้าควบคุมจอมยุทธ์ภิกษุตั้งแต่เมื่อไหร่” ตงฟางว่านหรงส่งเสียงถามอย่างไม่พอใจ
“อ้อ ตอนที่เจ้าไม่เห็น” สวี่ชีอันตอบ
ตอนที่เขาวางยาพิษในร่างของจอมยุทธ์ภิกษุวัยกลางคน ได้ฝังตัวอ่อนของฉิงกู่เข้าไปด้วย หลังจากที่จอมยุทธ์ภิกษุวัยกลางคนกลับไปถึงแนวรบของภิกษุวัดซานฮัวแล้ว ตัวอ่อนของกู่เหล่านี้ก็จะแอบบุกเข้าไปในร่างกายของจอมยุทธ์ภิกษุที่อยู่ใกล้ๆ อย่างลับๆ สาเหตุที่เลือกจอมยุทธ์ภิกษุ ก็เพราะฉานซือมีใจคอหนักแน่น ฉิงกู่ในขั้นนี้ไม่แน่ว่าจะสามารถบังคับควบคุมได้
จอมยุทธ์ภิกษุนั้นไม่เหมือนกัน จอมยุทธ์ภิกษุก่อนขั้นหลอมวิญญาณ ไม่ค่อยแตกต่างจากจอมยุทธ์มากนัก ไม่สามารถต้านทานการกัดกร่อนของฉิงกู่ได้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึง ‘ตกหลุมรัก’ เขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ภายในเจดีย์ จอมยุทธ์ภิกษุที่มีฉิงกู่อยู่ในร่างกายเช่นเดียวกันยังมีอีกหลายรูป
เดิมทีกลยุทธ์การเหวี่ยงแหนั้น ตั้งใจจะใช้เป็นไม้ตายในการแย่งชิงปราณมังกร คาดไม่ถึงว่าเมื่อเข้าสู่ชั้นที่สอง ก็ถูกรวบเข้าสู่ภาพในความฝันทันที กลยุทธ์ลับนี้จึงต้องนำมาใช้ตอนนี้
ฉิงกู่แตกต่างจากซินกู่และตู๋กู่ การกัดกร่อนของมันจะไร้เสียงไร้วี่แวว และยากที่จะแยกแยะด้วยวิธีการธรรมดา
ผู้ที่ได้รับพิษจากฉิงกู่ จะถือเอาร่างที่กู่ตัวแม่อาศัยอยู่เป็นความรักชั่วชีวิต โดยไม่แบ่งแยกเพศชายหรือหญิง
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถตีฝ่าวงล้อมออกไปได้ สวี่ชีอันจึงเลือกใช้กลยุทธ์ที่สอง เปิดถุงผ้าของจีเชียน หยิบปืนไฟกระบอกแล้วกระบอกเล่า หน้าไม้ และลูกธนูเป็นมัดๆ โยนให้บรรดาชาวยุทธ์ที่อยู่รอบๆ ตัว แล้วพูดเสียงดังว่า
“อย่าเข้าใกล้ฉานซือ จะได้รับผลกระทบจากศีล ใช้ปืนไฟและหน้าไม้ โจมตีจากระยะไกล”
ชาวยุทธ์ทุกคนต่างดีใจเป็นอย่างยิ่ง
‘ปัง ปัง!’
‘สวบ สวบ!’
เสียงปืนไฟและเสียงหน้าไม้ดังผสมผสานกัน ลูกเหล็กลูกแล้วลูกเล่า ลูกธนูดอกแล้วดอกเล่าแผดเสียงก้องออกไป ห่ากระสุนและลูกธนูปกคลุมภิกษุของสำนักพุทธ
ภิกษุของสำนักพุทธมีจำนวนไม่มาก ถูกกำลังทำลายของอาวุธปราบปราม เสียชีวิตทันทีหกถึงเจ็ดคน
พระเถระชั้นผู้ใหญ่เหิงอินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและประณามว่า “เจ้าเป็นคนของราชสำนัก? มิน่าเล่า มิน่าเล่าจึงเป็นศัตรูกับสำนักพุทธของพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากวัดซานฮัว”
ขณะที่พูด เขาก็ถอดจีวร แล้วสะบัดมือออก
จีวรขยายตัวออก กลายเป็นม่านผืนใหญ่ สกัดลูกธนูและลูกกระสุนไว้
นี่คืออาวุธเวทมนตร์ป้องกันตัวชิ้นหนึ่งของวัดซานฮัว ซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีของจอมยุทธ์ขั้นสี่ ทำให้ฉานซือผู้ซึ่งไม่เชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิดมีความสามารถในการป้องกันตัวมากพอ
‘แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง…’กระสุนและลูกธนูถูกสกัดไว้ทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง