บทที่ 530 ตัวตนที่แท้จริงของสวีเชียน
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “ของล้ำค่าจะแบ่งกับพวกเจ้าไม่ได้ ไม่ว่าจะปราณมังกรหรือเจดีย์พุทธะต่างก็เป็นเลิศไม่เป็นรองใคร จุดนี้พวกเจ้าคงเข้าใจได้”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ในใจทุกคนก็หนักอึ้ง ซุกซ่อนความผิดหวังไว้ไม่อยู่
สวี่ชีอันสีหน้ายังคงเป็นปกติ แล้วกล่าวเสริม “ทว่าข้าชดเชยให้พวกเจ้าอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้ท่านทั้งหลายมาเสียเที่ยว”
เส้นทางบนยอดเขาอันคดเคี้ยว
มีค่าชดเชย…ชาวยุทธภพเหลยโจวต่างสบประสานสายตา แสดงความปลื้มปีติออกมา
ในกรณีที่สมบัติล้ำค่ามีเพียง ‘หนึ่งเดียว’ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้รับไป ส่วนคนที่เหลือก็จะได้รับของชดเชย นี่เป็นวิธีที่น่าเชื่อถือและถูกยอมรับมากที่สุด
“ชดเชยด้วยอะไร” มีคนถาม
“จะต้องทำให้พวกเจ้าพอใจแน่นอน!” สวี่ชีอันเอ่ย
หลังจากได้รับความเห็นพ้องจากทุกคน สวี่ชีอันก็ส่งทุกคนไปชั้นที่สอง จากนั้นเรียกไปทีละคนเหมือนกับหัวหน้ามอบเงินรางวัลให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
คนแรกที่เข้าไปเป็นชายหนุ่มชุดดำที่ผอมกะหร่อง เขาคาดกระบี่สั้นไว้บนเอว สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ถุงใต้ตาบวมเป่ง
สวี่ชีอันเอ่ยถาม “เจ้าอยากได้อะไร”
เขาคารวะพร้อมเอ่ย “ข้าน้อยจ้าวผาน ชำนาญการใช้พิษ พอจะเข้าใจความสามารถของตู๋กู่อยู่บ้าง เมื่อกลางวันยามอยู่ที่วัดซานฮัวได้เห็นท่านใช้พิษที่รุนแรง จึงอยากขอพิษจากท่าน ยิ่งแรงเท่าไรก็ยิ่งดี”
คำขอนี้ไม่ยาก…สวี่ชีอันหยิบขวดลายครามออกมา ปลายนิ้วบีบพิษสีดำคล้ำออกมาและเทเข้าไปในขวด
“รับไป!”
เขาปิดฝาและโยนพิษให้ผู้ใช้พิษที่ชื่อว่าจ้าวผาน
เป๊าะ! จ้าวผานอดทนรอไม่ไหวดึงจุกไม้ก๊อกออก สูดกลิ่นด้วยสีหน้าระริกระรี้ “ดี พิษช่างรุนแรงดีนัก…”
เอ่ยจบสีหน้าก็เริ่มดำคล้ำ ร่างกายอ่อนแรงและล้มลงกับพื้น
การกระทำแสนโง่เขลาของเจ้าต่างอะไรกับการเลียกริชพิษ…สวี่ชีอันก่นด่าอยู่ในใจ แล้วรีบร้อนช่วยชีวิต กู้ชีวิตเจ้าโง่คนหนึ่งขึ้นมา
“ขอบพระคุณที่ช่วยชีวิตขอรับ”
สีหน้าของจ้าวผานซีดขาวลง กำขวดลายครามไว้ในมือแน่น ราวกับเป็นของล้ำค่าที่สุด
“พิษนี้ร้ายแรง ใช้ในที่โล่งจะดีที่สุด อย่าเปิดขวดในห้องที่ปิดมิดชิด นอกจากนี้ข้าจะให้หญ้าพิษกับเจ้าเพิ่ม”
สวี่ชีอันเปิดถุงผ้าออก หยิบ ‘ไม้กระถาง’ ให้เขา
นี่เป็นหญ้าเขียวเป็นมันขลับ คล้ายกับดอกกล้วยไม้ ท่ามกลางความเขียวขจีประดับด้วยผลสีแดงเข้มไม่กี่ลูก
“แม่ม่ายเขียวหรือ นี่คือแม่ม่ายเขียวงั้นหรือ”
จ้าวผานมองสำรวจดอกกล้วยไม้ ทันใดนั้นก็ตระหนกระคนดีใจขึ้นมา “นี่คือแม่ม่ายเขียวกลายพันธุ์…”
แม่ม่ายเป็นสีเขียวได้ด้วยหรือ ชายที่ตั้งชื่อช่างแปลกแหวกแนวเสียจริง…สวี่ชีอันเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ปลูกเองกับมือ”
อันที่จริงเขาเก็บหญ้าพิษมาจากในภูเขา มอบให้มู่หนานจือเพาะเลี้ยง ผลสุดท้ายก็กลายพันธุ์ไป พิษรุนแรงกว่าพันธุ์เดิมไม่รู้ตั้งกี่เท่า
พิษที่มีประเภทและประสิทธิภาพแตกต่างกัน สำหรับตู๋กู่แน่นอนว่ายิ่งมากก็ยิ่งดี
ตัวอย่างเช่นพิษที่สวี่ชีอันใช้อย่างช่ำชองในตอนนี้เป็นพิษของศพโบราณพันปี หากอยากทำให้มันเปลี่ยนจากสีดำคล้ำเป็นไร้สีไร้กลิ่นก็ต้องเอาไปเจือจางระดับหนึ่งเสียก่อน
ทว่าหากได้รับพิษประหลาดที่ไร้สีไร้กลิ่นมาได้ ช่องว่างที่จะเล่นอุบายก็จะมีมากขึ้น
เพาะหญ้าพิษกลายพันธุ์ออกมากับมือ…ในใจจ้าวผานรู้ว่าได้พบกับยอดฝีมือผู้ใช้พิษแล้ว
“จงจำไว้ว่าห้ามบอกใครเรื่องของที่ได้รับ”
จ้าวผานลงตึกไปอย่างคึกคักไอรีนโนเวล
ไม่นานนักคนที่สองก็ขึ้นตึกมา จอมยุทธ์ตามมาตรฐานทั่วไป ร่างกายกำยำ กล้ามเนื้อเป็นมัด ในมือถือขวานด้ามใหญ่
“เจ้าอยากได้อะไร” สวี่ชีอันเอ่ยถาม
“ข้าอยากกลายเป็นจอมยุทธ์ขั้นสี่” ชายร่างกำยำเอ่ยเสียงทุ้มดัง
“ขั้นเจ็ดหลอมวิญญาณ”
ทำไมเจ้าไม่บอกว่าตนอยากเป็นเทพยุทธ์เลยล่ะ คนแบบนี้ไล่กลับไปง่าย…สวี่ชีอันเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ยี่สิบตำลึงเงิน”
ชายร่างกำยำนิ่ง
“ห้าสิบตำลึงเงิน”
ชายร่างกำยำยังคงไม่พูดอยู่ดี
“แปดสิบตำลึงเงิน”
ชายร่างกำยำคารวะพร้อมเอ่ย “ขอบพระคุณขอรับ!”
…
ล่วงเลยไปหนึ่งชั่วยาม สวี่ชีอันนวดขมับ ในที่สุดก็จัดการชดเชยภาระอันมิชอบทั้งหมด คำขอของทุกคนต่างกันออกไป บางคนก็ขอพิษ บางคนก็ขอยาอายุวัฒนะ บางคนก็ขอคำชี้แนะจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเป็นต้น
เขามิอาจเติมเต็มคำขอของทุกคนได้ ส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีคิดเป็นเงินตำลึงหรือมอบให้เป็นอาวุธปืน
มีบางคำขอที่แปลกเป็นพิเศษ คนหนึ่งบอกว่าตนเลิกกับว่าที่ภรรยาที่บ้านเกิดจึงออกมาหาประสบการณ์ สามปีให้หลังอยากกลับไปตบหน้า จึงไม่ต้องการเงิน อยากได้ของล้ำค่าที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
อีกคนหนึ่งบอกว่าลูกสาวยากจนต้องอาศัยในคอกสุนัข ทว่าคนจนก็มีความทะเยอทะยาน ไม่ต้องการเงิน ทว่าเป็นของล้ำค่าที่ขึ้นสวรรค์ได้ในก้าวเดียว
สวี่ชีอันลูบใบมีดยาวสี่สิบเมตรของตนพร้อมเอ่ย พวกเจ้าไปคิดให้ดีก่อนค่อยมาว่ากัน
ท้ายที่สุดยังคงใช้วิธีแลกเป็นเงินอยู่ดี
ความสามารถของเงินเป็นสัจธรรมที่มิอาจเปลี่ยนแปลงตลอดกาล…หนึ่งชั่วยามอันสั้นก็จ่ายไปถึงสามพันกว่าตำลึงเงิน รู้อย่างนี้ให้ศิษย์พี่รองปิดกั้นข้าก็พอแล้ว จริงสิ เมื่อครู่ศิษย์พี่รองอยากจะพูดอะไรกัน
สวี่ชีอันในใจคิดไปเรื่อย แล้วเรียกถังหยวนอู่ หลี่เส่าอวิ๋น หยวนอี้ และหลิวอวิ๋นมา
สายตากวาดมองคนทั้งสี่ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าอยากได้อะไร”
“แน่นอนว่าต้องเป็นยาโลหิต พวกเราต่างมาเพื่อยาโลหิต”
หลี่เส่าอวิ๋นเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“ไม่ หากพูดให้ถูกก็เพื่อจุดพลิกผันพิเศษ” หยวนอี้พูดแก้
ทว่าความเป็นจริงที่นี่ไม่มียาโลหิตที่ว่า พวกเขาถูกหลี่เมี่ยวเจินหลอกแล้ว
ของที่ไม่มีแน่นอนว่าจะให้สวี่ชีอันดันทุรังเอาออกมาไม่ได้
“เอาอย่างนี้ดีกว่า” ถังหยวนอู่ลังเลใจก่อนจะเอ่ย “สำหรับข้าเงินทองหรืออาวุธเวทมนตร์มีให้เห็นทั่วไป ท่านประสบการณ์ท่วมท้น มิสู้ตอบคำถามข้าหนึ่งข้อเป็นค่าชดเชยล่ะ”
ถังหยวนอู่ในฐานะชาวพื้นเมืองของเหลยโจว รู้อิทธิฤทธิ์ของเจดีย์พุทธะอย่างลึกซึ้ง คนผู้นี้มีนามว่าสวีเชียน ควบคุมเจดีย์พุทธะได้ หากอาศัยเพียงสิ่งนี้เกรงว่าตัวตนของเขาคงจะไม่ง่าย
จะประเมินคนผู้นี้ด้วยพลังต่อสู้เพียงอย่างเดียวไม่ได้
สวี่ชีอันพยักหน้า “ย่อมได้”
สายตาของถังหยวนอู่ลุกเป็นไฟทันที แล้วเอ่ยถาม “จะกลั่นยาโลหิตได้อย่างไร”
เจ้าน้องชาย ไม่สิ เจ้าพี่ชายความคิดของเจ้าช่างอันตรายนัก…สวี่ชีอันเอ่ย “โหรกับลัทธิเต๋าเข้าใจ ระบบอื่นไม่ค่อยแน่ชัดนัก ทว่าจอมยุทธ์ไม่เข้าใจแน่นอน”
ถังหยวนอู่มิอาจซุกซ่อนความผิดหวังได้
“จะให้ข้อมูลเจ้าเพิ่มเติม” สวี่ชีอันจ้องมองท่าทางผิดหวังของเจ้าสำนักดาบคู่ แล้วปรายตามองหลี่เส่าอวิ๋นกับหยวนอี้ ลังเลก่อนจะเอ่ยถาม
“การกลั่นยาโลหิตจำต้องสังหารหมู่ล้างบางเมือง จุดนี้พวกเจ้าคงจะรู้ใช่ไหม”
ทั้งสามพยักหน้า นัยน์ตาของหลิวอวิ๋นส่องเป็นประกาย “อ๋องสยบแดนเหนือฆ่าล้างบ้างทั้งเมืองฉู่โจวเพื่อกลั่นยาโลหิต ทว่าถูกยอดฝีมือลึกลับสังหาร ณ ที่แห่งนั้น”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องความกล้าหาญที่ทุกคนต่างชอบใจเรื่องนี้ หลิวอวิ๋นก็ฮึกเหิมเป็นพิเศษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง