บทที่ 531 สื่อสารกับเสินซู (1)
จิ้งซินสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อสยบความตื่นเต้น “ท่านอาจารย์อาตู้หนาน ท่านจะบอกว่าเขา…”
เทพอารักษ์ตู้หนานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นอกจากเรื่องที่ไม่รู้ว่าเหตุใดเจดีย์พุทธะถึงได้ตามเขาไป ข้าก็พอจะตัดสินได้ว่าเป็นเขาผู้นี้”
จอมยุทธ์ภิกษุกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เขา เขายังกล้าออกไปท่องยุทธภพอีกหรือ มีคนต้องการสังหารเขามากมายถึงเพียงนั้น ช่างใจกล้าเสียจริง”
ภิกษุจากดินแดนประจิมทิศต่างกระวนกระวาย แม้แต่ฉานซืออย่างจิ้งซินก็แทบจะควบคุมอารมณ์บนใบหน้าของตนเองไม่ได้
ภิกษุแห่งวัดซานฮัวตกอยู่ในความมึนงง เจ้าอาวาสผานหลงชำเลืองมองจิ้งซินและจิ้งหยวน ก่อนจะหันไปมองเทพอารักษ์ผู้ปกปักสำนักพุทธ และถามว่า
“ศิษย์พี่ตู้หนานดูเหมือนจะรู้จักกับคนผู้นี้สินะขอรับ?”
เทพอารักษ์ตู้หนานไม่ได้ตอบกลับ แต่กลับเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ทุกคนออกไปให้หมด ห้ามใครเข้ามาเป็นอันขาด”
เหล่าภิกษุสบสายตากัน ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเงียบๆ ค้อมตัวเคารพอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะออกไปจากอาราม
รอจนกระทั่งทุกคนออกไปจากอารามแล้ว เทพอารักษ์ตู้หนานหยิบคันฉ่องสำริดสลักภาพเนตรพิโรธระดับเพชรออกมาจากจีวร และวางคันฉ่องสำริดไว้บนอาสนะข้างตัว
เขาขยับปากขมุบขมิบ ท่องคาถาอย่างไร้สุ้มเสียงเป็นเวลานาน จากนั้นคันฉ่องสำริดก็ส่องแสงสีทองอร่าม สาดขึ้นไปกระทบขื่อบนหลังคา
ร่างธรรมลักษณะเลือนรางนั่งขัดสมาธิอยู่ใจกลางแสงสีทอง
ร่างธรรมดังกล่าวเป็นสีทองทั้งตัว ไม่มีหนวดเครา ไม่มีคิ้ว ราวกับหล่อด้วยทองคำ กล้ามเนื้อเป็นมัด ดูแข็งแรงบึกบึน
ทันทีที่เขาปรากฏตัว ภายในอารามก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของพลังหยางอันแข็งแกร่ง หนักแน่นดั่งขุนเขา กว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทร นี่ไม่ใช่ร่างแปลงเชิงพลังอำนาจ แต่เป็นปณิธานเชิงสัญลักษณ์ที่ร่างธรรมแสดงออกมา
“พระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่!”
เทพอารักษ์ตู้หนานประนมมือ ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการเคารพ
เจียหลัวซู่ ผู้นำแห่งสี่มหาโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่
เป็นผู้ครองร่างธรรมเทพอารักษ์ และร่างธรรมพระโพธิสัตว์มัญชุศรี พลังต่อสู้เป็นอันดับหนึ่งของสำนักพุทธ
พลังเทพวชิระไร้พ่าย เรียกง่ายๆ ว่าร่างธรรมเทพอารักษ์
“มีเรื่องอันใด”
ร่างธรรมยังไม่ได้เอ่ยปาก ก็มีเสียงน่าเกรงขามอันเลือนรางดังขึ้นมาในอากาศ
“พุทธบุตรปรากฏตัว จะจัดการอย่างไรดีขอรับ”
เทพอารักษ์ตู้หนานบอกเล่าเรื่องราวการช่วงชิงปราณมังกร เจดีย์พุทธะถูกยึดไปจนหมดเปลือก
ร่างธรรมเทพอารักษ์ขมวดคิ้วอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ “อีกหนึ่งเค่อค่อยเรียกข้ามาใหม่”
พูดจบ ร่างธรรมเทพอารักษ์ก็สลายไป
หนึ่งเค่อต่อมา…เทพอารักษ์ตู้หนานทราบดีว่า พระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่กำลังเรียกหารือกับสำนักพุทธระดับสูงอยู่
ในภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์อรัญตา นอกเหนือจากพระโพธิสัตว์ฝ่าจี้ที่หายไปกว่าสามร้อยปี ตอนนี้ยังมีพระอรหันต์สองรูป เทพอารักษ์สองตน และพระโพธิสัตว์สององค์ ในหมู่พวกเขา เทพอารักษ์สองตน และพระอรหันต์หนึ่งรูปต่างสนับสนุนพระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่และพุทธนิกายหินยานอย่างเหนียวแน่น
พระโพธิสัตว์กว่างเสียนและพระอรหันต์ตู้เอ้อร์ต่างละทิ้งพุทธนิกายหินยาน และหันมาฝึกพุทธนิกายมหายานแทน
พระโพธิสัตว์หลิวหลีวางตัวเป็นกลาง แต่ค่อนข้างจะเอนเอียงไปทางพุทธมหายาน มิฉะนั้น คราวนั้นนางคงไม่ไปต้าฟ่งและพยายามนำพุทธบุตรกลับอรัญตาด้วยตัวเองเช่นนั้น
…
“อมิตตาพุทธ!”
ที่ด้านนอก เจ้าอาวาสผานหลงถามขึ้นอย่างงุนงง “ศิษย์หลานจิ้งซิน สวีเชียนผู้นั้นยังมีตัวตนอื่นอีกหรือ”
เขารู้ว่าสวีเชียนไม่ใช่คนธรรมดา เพียงแต่ไม่ทราบว่าตัวตนที่เขาเก็บซ่อนไว้เป็นใคร ฟังจากบทสนทนาของจิ้งซินเมื่อครู่ ก็คล้ายว่าเขารู้จักตัวตนที่แท้จริงของสวีเชียนเป็นอย่างดี
เมื่อครู่ที่จิ้งซินและจิ้งหยวนลืมตัวเสียกิริยา เจ้าอาวาสผานหลงก็สังเกตเห็นเช่นกัน
ไอ้คนไม่เอาอ่าวพรรค์นั้น ไม่มีค่าพอจะทำให้ยอดฝีมือขั้นสี่สองคนลืมตัวเสียอาการได้ ยิ่งไม่คู่ควรให้เทพอารักษ์ตู้หนานไล่คนออกไปจนหมดเช่นนี้
จิ้งหยวนแค่นเสียงกล่าว “จะเป็นใครได้ล่ะขอรับ สวีเชียนก็คือสวี่ชีอันนั่นล่ะ”
‘สวี่ สวี่ชีอัน…’ เจ้าอาวาสผานหลงรู้สึกเหมือนมีอัสนีสวรรค์ฟาดลงมากลางหน้าผาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าเปลี่ยนไปไม่หยุด ผ่านไปครึ่งวันกว่าจะเรียกคืนสติกลับมาได้ เขาประนมมือขึ้น และท่องพระนามอามิตตาพุทธซ้ำไปซ้ำมา
หลังจากสงบจิตสงบใจได้โดยสมบูรณ์ เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้ารู้ได้อย่างไร มีข่าวลือว่าสวี่ชีอันเป็นจอมยุทธ์ขั้นสามแล้ว หากเป็นเขาจริงๆ เช่นนั้นที่อยู่ในเจดีย์พุทธะ…”
จิ้งซินส่ายหน้า “ท่านเจ้าอาวาสน่าจะยังไม่ทราบ สวี่ชีอันผู้นั้นถูกตะปูตอกวิญญาณสะกดไว้ ตบะที่สะเทือนโลกาของเขาล้วนแต่ถูกผนึก กลายเป็นขยะไปเสียแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะหันไปฝึกวิชากู่”
เช่นนี้ก็พอจะอธิบายได้ เจ้าอาวาสผานหลงเอ่ยพึมพำ “มิน่าล่ะ มิน่าเทพอารักษ์ตู้หนานถึงบอกว่าเขาเป็นขยะ”
เขาไม่ทราบเรื่องตะปูตอกวิญญาณ
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เจ้าอาวาสผานหลงก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วทางเทพอารักษ์ตู้หนานล่ะ…”
จิ้งซินกล่าว “เรื่องการแย่งชิงอรัญตา ท่านเจ้าอาวาสน่าจะพอได้ยินมาบ้างใช่หรือไม่ขอรับ”
เจ้าอาวาสผานหลงพยักหน้า “เรื่องนี้พุทธฝ่ายมหายานเป็นผู้เสนอขึ้นมา”
พุทธศาสนาต่างจากลัทธิเต๋า แนวคิดและวิถีปฏิบัติของลัทธิเต๋ามีความใกล้ชิดกันมาก
ในขณะที่พุทธศาสนามีความเป็นอุดมคติมากกว่า
ในสายตาของคนในสำนักพุทธบางคน แนวคิดพุทธมหายานที่สวี่ชีอันเป็นผู้เสนอ เป็นการยกระดับคำสอนของพุทธศาสนาให้สูงขึ้นไปอีกระดับ
คำสอนของพุทธมหายานเหมาะแก่การเผยแพร่ มีแนวโน้มจะพัฒนาได้ไกลกว่าพุทธหินยาน
จิ้งซินกล่าว “ประสกผู้นี้เป็นผู้บุกเบิกแนวคิดนิกายพุทธมหายาน มีเหตุต้นผลกรรมพันผูกลึกซึ้งกับสำนักพุทธ หากเขาเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธได้ ความรุ่งโรจน์ของสำนักพุทธย่อมเป็นอาณัติสวรรค์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง