บทที่ 552 ถอดตะปูตอกวิญญาณ (1)
ไฉหลาน นางคือไฉหลาน?
ในห้องใต้ดิน สวี่ชีอันพลันลืมตาขึ้นมาจนทำให้เกือบจะควบคุมหนูไม่อยู่
ไฉหลานที่หายตัวไปที่แท้ก็อยู่ที่นี่เอง นางถูกไฉซิ่งเอ๋อร์แอบนำตัวมาขังไว้ในห้องลับของโถงบรรพบุรุษอย่างนั้นหรือ
เขารวบรวมสมาธิควบคุมหนูแล้วเอ่ยว่า “ไฉซิ่งเอ๋อร์เป็นคนขังเจ้าเอาไว้ที่นี่หรือ”
หญิงสาวผมเผ้ารกรุงรังพยักหน้า
ดังนั้นการหายตัวไปของไฉหลานจึงไม่เกี่ยวกับไฉเสียนจริงๆ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะไฉซิ่งเอ๋อร์…ข้าเข้าใจแล้ว ในที่สุดก็คิดออก…สวี่ชีอันพ่นลมหายใจออกมาราวกับถอนหายใจ จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปอยู่ข้างๆ ไฉหลาน ก่อนจะปีนผ่านร่างกายที่ส่งกลิ่นเหม็นโฉ่ของนางขึ้นไปอยู่บนบ่า
ในที่สุดก็มองเห็นใบหน้างดงามแต่สกปรกภายใต้เส้นผมยุ่งเหยิงนี้ได้ชัดเจน
ใบหน้าของนางเหมือนกับในภาพวาด นี่คือไฉหลานจริงๆ ข้าเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่างแล้ว…สวี่ชีอันกล่าว
“เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าเป็นใคร อีกเดี๋ยวจะมีคนมาช่วยเจ้าเอง”
ไฉหลานส่ายหน้าร้อง ‘ฮือๆๆ’ ราวกับอยากจะพูดอะไร ทั้งยังไม่เชื่อในคำสัญญาของเจ้าหนู
“ข้าไม่จำเป็นต้องหลอกเจ้า” สวี่ชีอันเอ่ยเสริมหนึ่งประโยค
ไฉหลานค่อยๆ หยุดร้อง ผ่านไปพักหนึ่งก็พยักหน้าเบาๆ
เจ้าหนูก็พยักหน้า ‘อืม’ ให้ จากนั้นต่อมาหนูตัวอวบอ้วนก็มองซ้ายมองขวาอย่างขลาดกลัว ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ตัวเองถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
มันเหลือบมองไฉหลาน จากนั้นก็หนีหายวับไปอย่างรวดเร็ว
…
“อามิตตาพุทธ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
ฉานซือจิ้งซินท่องนามพระพุทธเจ้าอย่างปลงตก จากนั้นตามด้วยเสียงถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า
“ประสกไฉเสียน เจ้าลุ่มหลงล้ำลึกเกินไป ในมือของเจ้ามีการฆาตกรรมอยู่มากมาย ความตายไม่เพียงพอจะลบล้างบาปของเจ้าได้ เช่นนั้นก็ให้อาตมาพาเจ้าไปยังดินแดนประจิมทิศแล้วเข้าสู่ความว่างเปล่าเถิด”
“เดี๋ยวก่อน!”
ไฉซิ่งเอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นางไม่ยอมรับข้อเสนอของจิ้งซิน
“ไต้ซือ ไฉเสียนสังหารบิดาของเขา จากนั้นก็สังหารผู้คนในยุทธภพของเซียงโจว เช่นนี้จะต้องมอบตัวให้ทางการไปจัดการต่อ จะต้องให้ทุกคนในเซียงโจวร่วมจัดการด้วยกัน ไม่ใช่ที่ที่พวกท่านบอกว่าจะพาไปก็พาไปได้เลย”
จิ้งหยวนก็ก้าวเข้าไปหนึ่งก้าวพร้อมโคจรพลังปราณเช่นกัน
ไฉซิ่งเอ๋อร์รู้สึกหนักที่หน้าอกจึงถอยร่นอย่างเสียมิได้แล้วทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของหลี่หลิงซู่
จอมยุทธ์ภิกษุจิ้งหยวนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อสำนักพุทธกระทำสิ่งใด ประสกห้ามสอดปากยุ่ง ไฉเสียนทำบาปกรรมมากมาย สำนักพุทธจึงเป็นผู้จัดการ”
“จะไม่เห็นหัวกันเกินไปแล้ว!”
หลี่หลิงซู่โมโหมาก เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วแค่นเสียงเย็นออกมา “ที่นี่คือแผ่นดินต้าฟ่ง มิใช่แดนประจิมทิศ ไฉเสียนมีคดีติดตัวมากมายก็ย่อมต้องให้ทางการเป็นผู้จัดการ ใช่ที่ที่พวกเจ้าดินแดนประจิมทิศจะมาตัดสินได้เสียเมื่อไหร่”
จิ้งหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ดวงตามองตรงไปข้างหน้าโดยไม่สนใจหลี่หลิงซู่
“เจ้าจะไปแจ้งทางการก็ได้ แต่อาตมาจะไม่หยุดมือ ทั้งยังจะถามทางการของเซียงโจวด้วยว่ากล้ามาแย่งตัวคนไปจากมือของสำนักพุทธหรือไม่ และจะถามชาวยุทธของเซียงโจวอีกว่า กล้ามาแย่งคนไปจากมืออาตมาหรือไม่”
สีหน้าของหลี่หลิงซู่บึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าถูกความเย่อหยิ่งของสำนักพุทธทำให้โมโห
ไฉซิ่งเอ๋อร์สูดหายใจลึก “ไต้ซือทั้งสอง ไฉเสียนคือคนของตระกูลไฉ ย่อมต้องให้ตระกูลไฉของข้าเป็นคนจัดการ ขอให้ไต้ซือทั้งสองรามือแล้วมอบตัวเขาให้ข้าซะเถิด…กรี๊ด!”
จู่ๆ นางก็ร้องลั่นแล้วกระเด็นไปทั้งร่างพร้อมกระอักเลือดออกมา
จิ้งหยวนคลายหมัด สีหน้าเย็นชา
จิ้งซินส่ายหน้า “หลังจากฟ้าสาง พวกข้าจะออกจากเซียงโจว แต่ก่อนหน้านี้ข้าไม่ต้องการให้สู้กันเลือดตกยางออก ดังนั้นประสกไฉซิ่งเอ๋อร์จงอย่าเรียกมนุษย์ศพออกมาเลย จะเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มเปล่าๆ”
พูดพลางเขาก็มองไปที่หน้าต่างแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ไฉเสียนสำคัญต่อพวกเรามาก ไม่นำตัวไปไม่ได้ ประสกไฉซิ่งเอ๋อร์ก็อย่าทำอะไรเกินกำลังเลย พวกเราได้แจ้งอาจารย์อาตู้หนานไว้แล้ว หลังจากฟ้าสางเขาจะมาถึงเซียงโจว อย่าว่าแต่ตระกูลไฉเลย ต่อให้ยกมาทั้งจางโจวก็ไม่มีใครกล้าขวาง”
แมวส้มที่อยู่ใต้หน้าต่างใจตกลงไปที่ตาตุ่ม
เทพอารักษ์ตู้หนานจะมาถึงตอนฟ้าสาง?
ข้าไม่อาจต่อกรกับระดับเพชรขั้นสามได้ ยิ่งกว่านั้นก็ไม่รู้ว่าข้างกายเขาจะมีอรหันต์อยู่ด้วยหรือไม่ พูดอีกอย่างก็คือ เมื่อฟ้าสาง ข้าก็จะไม่สามารถชิงผู้ครองปราณมังกรกลับมาได้อีก
ต่อให้เรียกศิษย์พี่ซุนมาก็ไม่อาจต่อกรกับอรหันต์และระดับเพชรของสำนักพุทธได้
โอกาสอยู่แค่คืนนี้เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง