บทที่ 556 ถ่านเนื้อทอง
เมืองหลวง
เมื่อคืนหิมะตกหนัก เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า ในลานก็ประดับสีเงินห่อหุ้มด้วยสีขาว หิมะที่พอกพูนปกคลุมสวนดอกไม้และพื้นที่ปูด้วยแผ่นหินดำบางๆ
รุ่งอรุณของอาสะใภ้ถูกปลุกด้วยเสียงหัวเราะดุจกระดิ่งเงิน
นางควานหาสามีข้างกายโดยไม่รู้ตัวก็พบว่าเขาตื่นไปเข้าเวรแล้ว
อาสะใภ้ขมวดคิ้วละเอียด ลุกขึ้นนั่งอยู่ในผ้าห่มอันอุ่น ยืดเส้นยืดสาย ถ่านไฟคุกรุ่นอยู่ภายในห้อง สาวใช้ที่หลับอยู่ในห้องนอนจะเติมถ่านเนื้อทองทุกหนึ่งชั่วยาม
เมื่อเผาถ่านชนิดนี้จะไม่มีกลิ่นควันแม้แต่น้อย กลับมีกลิ่นสดชื่นของกิ่งสนเสียด้วยซ้ำ
ฤดูหนาวในปีนี้หนาวเป็นพิเศษ องค์หญิงใหญ่ทรงเห็นใจซู่จี๋ซื่อสวี่ซินเหนียนจากสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน จึงรับสั่งให้ส่งถ่านเนื้อทองที่ใช้ในวัง 30 จิน (1 จินประมาณ 500 กรัม) มาให้เป็นพิเศษ องค์หญิงหลินอันก็ทรงเห็นใจซู่จี๋ซื่อสวี่ซินเหนียนที่สุขุมรอบคอบและตรากตรำประจักษ์ผลงาน จึงรับสั่งให้ส่งถ่านเนื้อทอง 30 จินมาให้เป็นพิเศษ
ดังนั้นอาสะใภ้จึงได้ใช้ของดีที่มีเพียงราชนิกุลสูงศักดิ์เท่านั้นที่จะได้ใช้
อาสะใภ้มีความสุขยิ่ง ยามทานอาหารก็เน้นชื่นชมสวี่เอ้อร์หลาง เล่าเรียนนานนับปีเน้นการสั่งสม ไม่เพียงได้รับคำชมเชยจากสมุหราชเลขาธิการ ยังได้รับความสำคัญจากองค์หญิงทั้งสองเช่นนี้อีกด้วย
อารองสวี่หัวเราะกับความตื้นเขินเกินไปของอาสะใภ้ สิ่งของที่องค์หญิงทรงประทานให้มีจุดประสงค์เจาะจงหนึ่งเดียว บ้านสกุลสวี่มีเพียงเอ้อร์หลางผู้เดียวที่จะถูกเชิญร่วมโต๊ะ
เอ้อร์หลางเป็นเพียงเครื่องมือที่สององค์หญิงจะดูแลบ้านสกุลสวี่
เรื่องแบบนี้อารองสวี่จะไม่บอกอาสะใภ้แน่นอน
“โหวกเหวกเสียงดัง…”
หญิงงามในชุดในตัวบาง เส้นผมสีดำชี้ฟู ประกอบกับท่าทางสะลึมสะลือ ดูไร้เดียงสาแบบสาวน้อยอยู่หน่อยๆ
‘ปัง’…อาสะใภ้ผลักประตูออก สายลมเย็นปะทะหน้า นางหนาวสั่นจนความง่วงที่หลงเหลือมลายหายในทันใด
จากนั้นภาพตรงหน้าก็ทำให้นางลืมเลือนได้แม้แต่ความหนาว
สองสาวน้อยเล็กใหญ่กำลังเกลือกกลิ้งทั่วพื้น เกิดเป็นร่องรอยบนพื้นหิมะ
ลี่น่าเอ่ย “นี่คือหิมะสินะ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าได้เห็นหิมะ”
สวี่หลิงอินเอ่ย “นี่ก็เป็นหลายครั้งในชีวิตที่ข้าได้เห็นหิมะ”
เนื้อตัวของทั้งสองเปื้อนไปด้วยหิมะคล้ายกับสองมนุษย์หิมะ
“สวี่หลิงอิน! ”
อาสะใภ้แผดเสียง
อากาศหนาวเหน็บยังจะกล้าเล่นอะไรเช่นนี้ หากไม่ใช่คนโง่ก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
เสี่ยวโต้วติงสะดุ้งโหยง ผงกหัวเล็กขึ้นมองไปทางอาสะใภ้ แล้วเอ่ยเสียงดัง
“แย่ล่ะ ท่านแม่พบพวกเราแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ”
ลี่น่ารีบเอ่ย “ตกลง”
จากนั้นทั้งสองก็กลิ้งกันไปไกล
…
สวี่หลิงเยวี่ยนอนกระทั่งตื่นขึ้นมาเองก็ได้ยินน้องสาวโง่งมหยอกล้อกับท่านอาจารย์โง่เง่าของนางมาจากด้านนอก แค่ไม่ตอบก็เท่านั้น
วันนี้ต้องไปเป็นแขกที่จวนสกุลหวางและรับมือกับสมาชิกหญิงในจวนสกุลหวาง จึงต้องแต่งตัวให้ดีเสียหน่อย
“คุณหนูใหญ่ วันนี้ไปบ้านสกุลหวาง ใส่ชุดแบบใดถึงจะเหมาะสมเจ้าคะ” สาวใช้เอียงศีรษะ ทำท่าครุ่นคิด
“ใส่ให้สุภาพหน่อย บ้านสกุลหวางเคยชินกับความโอ่อ่า พวกเราแต่งกันงามหยดย้อย ดีไม่ดีพวกเขาจะเย้ยหยันสามัญชนต่ำต้อยแบบพวกเราอยู่ในใจว่าชอบบ้าเห่อ”
สวี่หลิงเยวี่ยส่องกระจกเสริมแต่ง สาวน้อยในคันฉ่องสำริดใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต องค์ประกอบหน้ามีมิติ ทั้งงามละมุนและละเอียดอ่อน
นางสวมชุดคลุมสีฟ้าอ่อน กระโปรงแพรฟูฟ่อง คลุมด้วยเสื้อนอกขนสัตว์ปักลาย เท้าหยกสวมด้วยรองเท้าหนังลายเมฆปักด้วยด้ายทอง
“ถือของมาให้ข้าด้วย”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบรับเสียงใส
นางออกจากห้องพร้อมกับสาวใช้ในทันที จากนั้นก็ทานมื้อเช้าที่โถงใน สวี่หลิงอินในตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสื้อที่สะอาดสะอ้านและอาบน้ำด้วยน้ำร้อน
เสี่ยวโต้วติงยังคงอยู่ในผมแกละเฉกเช่นเคยคล้ายกับซาลาเปาเนื้อสองลูก ทว่าสวมชุดกระโปรงตัวสวย ดูเป็นผู้หญิงขึ้นมาเล็กน้อย
ทว่าหากยืนคู่กับพี่สาวที่ทันสมัยและงามละมุนก็พอจะเรียกได้ว่าน่ารักเพียงเท่านั้นไอรีนโนเวล
อาสะใภ้ชำเลืองมองนาฬิกาน้ำที่โถงในก็เอ่ยเร่งรัด
“ควรออกเดินทางได้แล้ว เอ้อร์หลาง จำไว้ว่าต้องดูแลน้องๆ ให้ดี หลิงเยวี่ย เจ้าอย่าทำท่าเหมือนใครจะรังแกก็ได้ตลอดเวลา ตอนนี้เจ้าไม่ได้ไปในนามตนเอง แต่เป็นบ้านสกุลสวี่ หลิงอิน เมื่อไปถึงบ้านสกุลหวางก็อย่าตะกละตะกลาม และอย่าก่อเรื่องเข้าใจหรือไม่”
วันนี้เป็นวันหยุด สวี่เอ้อร์หลางต้องไปอภิปรายงานราชการกับสมุหราชเลขาธิการหวางที่บ้านสกุลหวาง ซึ่งจะร่วมทางไปกับเหล่าน้องสาว
สามพี่น้องวางตะเกียบชามข้าว หลังจากบ้วนปากด้วยน้ำเกลือก็ออกจากจวนสกุลสวี่ แล้วขึ้นรถม้าไป
คนขับค่อยๆ เดินทางอย่างระมัดระวังบนพื้นถนนชื้นที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง
จากบ้านสกุลสวี่ไปยังสกุลหวางใช้เวลาสองเค่อ เพราะพื้นถนนลื่นเดินทางยาก กว่าจะมาถึงต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม
สวี่เอ้อร์หลางกระโดดลงจากรถม้า หันหลังประคองสวี่หลิงเยวี่ยลงรถ ส่วนสวี่หลิงอินกระโดดลงมาจากอีกด้านเรียบร้อยแล้ว
สามพี่น้องตรงเข้าไปในส่วนลึกของจวนสกุลหวางภายใต้การนำของผู้ดูแล
…
สมุหราชเลขาธิการหวางยืนอยู่ข้างฉากกั้นภายในห้องนอน ฮูหยินหวางพาสาวใช้ไปเปลี่ยนเสื้อแทนตนเอง
“ข้าจำได้ซือมู่เคยกล่าวไว้ว่าคุณหนูบ้านสกุลสวี่ผู้นั้นไม่ใช่คนที่จะไปยั่วยุด้วยได้ สะใภ้ใหญ่ประจบสอพลอ สะใภ้รองก็ใจแคบ อีกประเดี๋ยวได้พบ เจ้าก็ดูอยู่ข้างๆ อย่าเข้าไปยุ่งให้วุ่นวายล่ะ”
สมุหราชเลขาธิการกล่าว
“สายตาของนางไม่ได้ตื้นเขินเช่นนั้น รู้อะไรควรไม่ควร” ฮูหยินหวางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
นางรู้สึกประหลาดใจที่นายท่านใส่ใจในเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้
“นายท่าน ใต้เท้าสวี่มาถึงแล้วขอรับ” บ่าวคนหนึ่งยืนอยู่นอกประตูห้อง รายงานเสียงดัง
“เชิญเขาไปที่ห้องหนังสือเถอะ”
สมุหราชเลขาธิการหวางเหลือบมองตนเองหน้าคันฉ่องสำริด ลูบรอยยับเสื้อบนหน้าอก ก่อนจะมองไปที่ฮูหยินหวางพร้อมเอ่ย “ของขวัญพร้อมแล้วหรือยัง”
ฮูหยินหวางยิ้มพลางพยักหน้า
…
ภายในโถงใน หวางซือมู่ประคองถ้วยชา ชิมน้ำชาอันหอมกรุ่นก็ได้ยินเสียงพร่ำบ่นไม่หยุดปากของสองสะใภ้
สะใภ้ใหญ่ชื่อว่าหลี่เซียงหาน บิดาเป็นหลางจงกรมการคลัง ยศไม่ใหญ่ กลับยึดติดกับเงิน จึงขี้ประจบเล็กน้อย
สะใภ้รองชื่อว่าจ้าวอวี่หรง บิดาตำแหน่งเล็กกว่า เป็นเพียงนายทะเบียนของศาลต้าหลี่
ว่ากันตามเหตุผล วงศ์ตระกูลเช่นนี้มิอาจคบค้ากับบ้านสกุลหวางได้ แม้พี่รองจะทำการค้าก็ไม่ระบุสถานะ
พูดถึงเรื่องนี้ยังมีอีกสองแหล่งที่มา วงการขุนนางของหวางเจินเหวินมีขึ้นมีลง ก่อนที่จะร่ำรวยก็เคยตกต่ำมาหลายครั้ง หนึ่งในนั้นเคยโดนศัตรูทางการเมืองใส่ร้ายและถูกตัดสินโทษให้เข้าคุก
บิดาของจ้าวอวี่หรงดำรงตำแหน่งที่ศาลต้าหลี่ในขณะนั้น มีความสัมพันธ์กับหวางเจินเหวินค่อนข้างดี ใช้เงินแก้ปัญหาไปทั่ว ไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ ท้ายที่สุดก็รอดมาได้
บิดาของสะใภ้ใหญ่หลี่เซียงหาน คล้ายจะมีบุญคุณอะไรเทือกนั้นกับหวางเจินเหวิน
ดังนั้นหลังจากหวางเจินเหวินร่ำรวย สองสะใภ้ก็ได้แต่งเข้าบ้านสกุลหวาง
สะใภ้ใหญ่หลี่เซียงหานกล่าว
“ซือมู่ เจ้าไปจวนสกุลสวี่ครั้งก่อน นายหญิงบ้านสกุลสวี่นั่นตั้งกฎกับเจ้าหรือไม่”
หวางซือมู่ส่ายหน้า
สะใภ้รองจ้าวอวี่หรงปรายตามองนาง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ดูท่าว่าจะมี เจ้าบอกว่านายหญิงบ้านสกุลสวี่นั่นฝีมือเหนือชั้นไม่ใช่หรือ ซือมู่ อย่าอายที่จะพูดเลย สะใภ้ใหม่แต่งเข้าบ้าน แม่สามีก็มักจะตั้งกฎเสมอ ยามที่ข้ากับพี่สะใภ้แต่งเข้าบ้านก็เคยถูกแม่สามีเหน็บแนม ทว่าเจ้าไม่เหมือนกับพวกข้า เจ้าเป็นบุตรีของบ้านสกุลหวาง ออกเรือนไปกับเอ้อร์หลางในอนาคต นั่นคือการแต่งงานกับสามัญชน สวี่เอ้อร์หลางจะก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดได้ก็ต้องพึ่งพาบ้านสกุลหวางของพวกเรา ต่อไปเจ้าไปบ้านสกุลสวี่ก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ได้เลย ในครั้งนี้พวกเรา คงต้องตั้งกฎให้คุณหนูบ้านสกุลสวี่เช่นกัน ให้นางรู้ถึงความต่างระหว่างบ้านสกุลสวี่กับบ้านสกุลหวาง”
‘ใครจะตั้งกฎให้ใครก็ยังไม่แน่นอน พวกเจ้าก็อยากงัดข้อกับแม่สาวน้อยสวี่หลิงเยวี่ยนั่นสินะ…’ หวางซือมู่พึมพำในใจพร้อมส่ายหน้า
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ น้องหลิงเยวี่ยเฉลียวฉลาด ยั่วยุนางไม่คุ้มกันหรอก”
สะใภ้ใหญ่หลี่เซียงหานเผยรอยยิ้มที่เหนือกว่าด้วยท่าทางของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
“ซือมู่นี่ไม่มีประสบการณ์สินะ สมาชิกหญิงสองบ้านจะไปมาหาสู่กันก่อนออกเรือน เชื่อมความสัมพันธ์เป็นเพียงส่วนหนึ่ง สิ่งสำคัญกว่าคือการหยั่งเชิงกันและกันอยู่ดี หากเจ้าเป็นแม่ยายจะไม่มีความคิดเช่นนี้ในใจเลยหรือ สาวน้อยบ้านสกุลสวี่นั่นจะนำสิ่งที่พบและได้ยินที่นี่ในวันนี้กลับไปบอกนายหญิงบ้านสกุลสวี่ พวกเรามาโขกสับนางกันเสียหน่อย ฝากคำเตือนให้นายหญิงบ้านสกุลสวี่ว่าในอนาคตอย่าได้รังแกเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง