บทที่ 560 กระบี่เดียวของลั่วอวี้เหิงยุติความวุ่นวาย
“ท่านราชครูมาถึงแล้วหรือ?!”
สวี่ชีอันตะโกนออกมาด้วยความดีใจจนเกือบจะร้องไห้
ท่านน้า ข้าไม่อยากพยายามแล้ว
เขาพยายามรวบรวมสมาธิ ส่งกระแสจิตตอบไปว่า “ไม่ใช่สามวันหรือ”
“ภายในสามวัน” ลั่วอวี้เหิงตอบสั้นๆ ได้ใจความ
ดูเหมือนว่าเป็นเพราะต้องบำเพ็ญคู่ น้ำเสียงของนางจึงเย็นชาเป็นพิเศษ ทรงพลังอย่างยิ่ง
“ท่านราชครู ข้าพบเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย ถูกเทพอารักษ์แห่งสำนักพุทธเล่นงาน รีบมาช่วยข้าที พวกเราพบกันที่เทือกเขาที่อยู่ห่างจากเมืองยงโจวทางตอนใต้สามสิบลี้” สวี่ชีอันส่งกระแสจิตอย่างรีบร้อน
“‘เทพอารักษ์แห่งสำนักพุทธ…เจ้ากับขัดแย้งกับสำนักพุทธด้วยเรื่องอะไร เรื่องปราณมังกร?” ลั่วอวี้เหิงถาม
“เขาจะพาข้ากลับดินแดนประจิมทิศ ละทางโลก เข้าสู่ทางธรรม” สวี่ชีอันก็ตอบสั้นๆ ได้ใจความเช่นกัน
“จะไปเดี๋ยวนี้” ลั่วอวี้เหิงไม่ได้พูดอะไรอีก
สวี่ชีอันไม่พูดพล่ามอีก หันหลังกลับเดินไปหาภิกษุชราถ่าหลิง แล้วพูดว่า “ไต้ซือ ไปภูเขาลึกที่อยู่ห่างจากเมืองยงโจวทางตอนใต้สามสิบลี้”
ภิกษุชราถ่าหลิงพยักหน้า
…
เมืองยงโจวทางตอนใต้ ในภูเขาลึกที่ไร้ร่องรอยมนุษย์
เจดีย์สีทองเข้มสูงหกสิบเมตรองค์หนึ่งตกลงมาจากฟ้า เสียงดัง ‘โครม’ ตกลงบนกลางภูเขา ยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียงสั่นสะเทือนอย่างแรง ก้อนหินกลิ้งหล่นลงมา
เทพอารักษ์ตู้หนานกระโดดลงมาจากเจดีย์ กล้ามเนื้อทั่วร่างกระดิก บรรเทาความเจ็บปวดเข้ากระดูก
เจดีย์พุทธะต่อต้านเขาตลอดเวลา พลังของอาวุธเวทมนตร์กัดกร่อนร่างกาย
เทพอารักษ์ตู้หนานรู้ถึงความลึกล้ำของเจดีย์พุทธะ ในบรรดาวรยุทธ์ของสำนักพุทธ วรยุทธ์ปิดผนึกนั้นถือว่ายอดเยี่ยมที่สุด
เจดีย์พุทธะนั้นก็โดดเด่นในด้านนี้
เลือกการปิดผนึกกับการช่วยเหลือ ในบรรดาอาวุธเวทมนตร์ของสำนักพุทธนับว่าโดดเด่นที่สุด มิเช่นนั้นคงไม่ใช้มันมาควบคุมแขนของเสินซู
แต่ในโลกนี้ไม่มีอาวุธเวทมนตร์ที่สมบูรณ์แบบ จุดบกพร่องที่สำคัญที่สุดของเจดีย์พุทธะ ก็คือขาดวิธีการโจมตีที่แข็งแกร่งและทรงพลัง
‘ขอแค่ถ่วงเวลาเจดีย์พุทธะไว้ รอจนตู้ฉิงและตู้ฝานตามมา การซุ่มโจมตีครั้งนี้ต้องประสบความสำเร็จอย่างงดงามเช่นเดิม…’ เทพอารักษ์ตู้หนานผ่อนลมหายใจยาว โคจรพลังปราณเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดของเนื้อหนัง พร้อมกับจ้องไปที่เจดีย์พุทธะ
หลังจากหารือกับสายสืบขั้นสี่ของตำหนักความลับสวรรค์ครั้งก่อน เทพอารักษ์ตู้หนานก็ได้วางแผนที่จะรับมือสวี่ชีอันไว้แล้ว
เขาใช้ผู้ถูกปราณมังกรอาศัยที่ ‘ละทางโลก’ สามคนเป็นเหยื่อล่อ โดยให้พวกเขาเดินเตร่อยู่แถวทางตะวันออก ทางตอนใต้ และทางตะวันตกของเมือง ใช้พลังสอดแนมที่ไวต่อปราณมังกรของพุทธบุตร ล่อพุทธบุตรออกมาได้สำเร็จ
เพื่อเป็นการรับรองว่าจะไม่เกิดการผิดพลาดแม้แต่น้อย เทพอารักษ์ตู้หนานได้แจกจ่ายอาวุธลำเลียงที่ตำหนักความลับสวรรค์มอบให้ให้กับผู้ถูกปราณมังกรอาศัยทั้งสามคน
ทันทีที่ถูกสะกดรอยตาม ซุ่มโจมตี ผู้ถูกปราณมังกรอาศัยก็จะบีบอาวุธลำเลียงจนแตกละเอียด เทพอารักษ์ตู้หนานก็จะสามารถไปถึงได้ในทันที
แต่ว่าเขาประเมินพุทธบุตรต่ำไป
จนเกือบเกิดปัญหา ทำให้อีกฝ่ายหนีไป
‘ทันทีที่จับตัวพุทธบุตรไว้ได้ ก็จะสามารถแก้ไขสภาวะการยืนหยัดของอรัญตาได้ สำนักพ่อมด ต้าฟ่ง ปีศาจต่างสูญเสียทั้งสามฝ่าย โอกาสที่ดีที่สุดที่แสงพุทธะจะสาดส่องทั่วพื้นปฐพีกำลังจะมาถึงแล้ว จับตัวพุทธบุตรได้ ก็จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน’
เทพอารักษ์ตู้หนานสูดลมหายใจลึก รวบรวมพลัง หมัดสีทองเข้มทุบลงไปที่เจดีย์พุทธะ เกิดเสียงดังกึกก้อง
เจดีย์พุทธะสั่นสะเทือนเล็กน้อย แต่ไม่ได้พยายามหลบหนีอีก ราวกับยอมจำนน
เขากำลังรอซุนเสวียนจี…แววตาเทพอารักษ์ตู้หนานเปล่งแสงเล็กน้อย รวบรวมสมาธิสำรวจรอบๆ
‘นี่เป็นการคาดการณ์แบบง่ายๆ ซุนเสวียนจีและพุทธบุตรเคยร่วมมือกันแย่งชิงชีพจรมังกรที่เหลยโจว พุทธบุตรตกอยู่ในภาวะอับจนหนทาง หมดหนทางหลบหนี หยุดอยู่ที่นี่ จะต้องรอกองหนุนอย่างแน่นอน’
เทพอารักษ์ตู้หนานยังคงไม่กลัว เพราะแม้ว่าโหรระดับสามจะรับมือยาก การที่เขาคิดจะจับตัวและสังหารปรมาจารย์ความลับสวรรค์ แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่สามารถแย่งชิงเจดีย์พุทธะไปต่อหน้าต่อตาเขาได้เช่นกัน
แค่เขาคอยป้องกันอยู่ที่นี่ รอตู้ฉิงกับตู้ฝานมาถึง ตาชั่งของชัยชนะก็จะเอียงมาทางสำนักพุทธ
ขณะความคิดกำลังแล่น เทพอารักษ์ตู้หนานก็เห็นแสงสีทองสว่างวาบขึ้นที่ขอบฟ้า ราวกับดาวตกสีทอง
ตอนแรกที่เห็นยังอยู่ที่ขอบฟ้า แต่แค่เวลาไม่กี่พริบตาก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วไอรีนโนเวล
แสงสีทองม้วนตัวเป็นชั้นๆ คุ้มกันร่างที่แจ่มชัดลงสู่ยอดของเจดีย์พุทธะ
นี่คือหญิงสาวที่ใช้คำชมใดๆ มาพรรณนาก็ไม่นับว่าเกินไป ใบหน้างามไม่มีที่ติ ผิวขาวยิ่งกว่าหิมะ ที่หว่างคิ้วมีชาดแต้มไว้จุดหนึ่ง โดดเด่นสะดุดตา สวมเสื้อคลุมนักบวชเต๋าสวยงาม หมวกดอกบัวมัดเส้นผมดำสลวย มือซ้ายถือแส้ มือขวาถือกระบี่ ดวงตาดำขลับเป็นประกายดุจดวงดาว มองเทพอารักษ์ตู้หนานที่อยู่ใต้เจดีย์อย่างเย็นชา
“ลั่วอวี้เหิง…”
เทพอารักษ์ตู้หนานทำหน้าสยดสยอง เขาคาดไม่ถึงว่าคนที่มาจะเป็นลั่วอวี้เหิงผู้นำเต๋านิกายมนุษย์
นิกายมนุษย์มีชื่อเสียงในด้านเคล็ดกระบี่ ทักษะในด้านการจู่โจมสังหาร เป็นสุดยอดของลัทธิเต๋าทั้งสามนิกาย
“ลั่วอวี้เหิง นิกายมนุษย์ของเจ้าก็ต้องการแทรกแซงเรื่องของสำนักพุทธเช่นกันหรือ”
เทพอารักษ์ตู้หนานพูดเสียงเคร่งขรึม
ริมฝีปากแดงของลั่วอวี้เหิงเคลื่อนไหว “ไสหัวไป หรือตายไปซะ”
เทพอารักษ์ตู้หนานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อยากจะชมเคล็ดกระบี่ของนิกายมนุษย์ดูสักครั้ง ดูซิว่าจะสามารถทำลายร่างทองของข้าได้ภายในกี่ครั้ง”
‘ต้านไว้สักหนึ่งเค่อ ภายในเวลาหนึ่งเค่อ ตู้ฉิงและตู้ฝานจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน…’ นับตั้งแต่เทพอารักษ์ตู้หนานเลื่อนสู่ขั้นสามเป็นต้นมา ร่างทองก็ยังไม่เคยแตกเลย ดังนั้นจึงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลั่วอวี้เหิง แต่อีกฝ่ายต้องการทำลายร่างของผู้ปกปักรักษาศาสนาพุทธระดับเพชร จะง่ายเพียงนั้นได้อย่างไร
เพิ่งจะเริ่มคิด เขาก็เห็นลั่วอวี้เหิงชักชิงเฟิงออกมา ในพริบตาที่กระบี่เล่มนี้ออกจากฝัก รัศมีก็พวยพุ่งออกมา เปล่งประกายไปทั่วท้องฟ้า
บริเวณใกล้ๆ ปรากฏเป็นภาพลวงตา
ลั่วอวี้เหิงบิดข้อมือข้างที่กำกระบี่เหล็กเล็กน้อย กระบี่เหล็กวาดเป็นวงกลม รัศมีกระบี่ทั่วท้องฟ้าก็วาดเป็นวงกลมเช่นกัน
ขณะที่กระบี่เหล็กวาดวงกลมเสร็จแล้วกลับสู่ที่เดิม รัศมีของกระบี่นับพันนับหมื่นสายก็ซ้อนกันเป็นหนึ่งเดียว
“ไป!”
ราชครูหญิงโยนกระบี่ในมือออกไป ให้มันกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปทางเทพอารักษ์ตู้หนาน
ในพริบตานั้น เทพอารักษ์ตู้หนานรู้สึกแต่ว่ารัศมีของกระบี่ปะทะใบหน้าอย่างแรง ทรงพลังอย่างยากจะต้านทาน ทำให้เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าพลังของตัวเองนั้นช่างน้อยยิ่งนัก
เขาตะโกนเสียงต่ำหนักแน่น ภายใต้ผิวสีทองเข้ม กล้ามเนื้อเป็นมัด ขณะเดียวกันบริเวณที่นูนขึ้นยังมีเส้นเลือดดำปูดขึ้นด้วย ลำตัวกว้างเก้าฟุตขยายขึ้นอีกเล็กน้อย ท่ามกลางเสียงตะโกนของเขา เทพอารักษ์ตู้หนานประสานมือ หนีบกระบี่ไว้ เท้าทั้งสองข้างไถพื้นเป็นหลุมลึก ถูกกระบี่ด้ามนี้ดันจนลื่นไถลไปด้านหลังไม่หยุด ชนกับภูเขา เสียงดัง ‘โครม’
พลังของกระบี่ยังไม่สิ้นสุด เสียงดังโครมครามสะท้อนไปมา ภูเขาถล่มและแตกกระจายอย่างรุนแรง ก้อนหิน ก้อนดิน ต้นไม้ถล่มลงมาเป็นระลอก
แข็งแกร่ง…สวี่ชีอันยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองดูฉากนี้ จิตใจสั่นไหว ถึงแม้เวลานี้เขาจะอยู่ในขั้นสาม แต่เมื่อเห็นลั่วอวี้เหิงลงมือ ก็ยังคงปิดบังความหวั่นไหวไว้ไม่มิด เพียงแค่ตวัดกระบี่ก็ซัดเสียจนเทพอารักษ์ขั้นสามบอบช้ำถึงเพียงนี้ ทำได้แค่เพียงต้านทานไม่สามารถตอบโต้ได้
“การบำเพ็ญของท่านราชครู ห่างจากขั้นหนึ่ง ขาดเพียงแค่การหนีเคราะห์กรรมเท่านั้น…”
เขาทอดถอนใจอยู่ภายในใจ จู่ๆ มีเงาดำพาดผ่านหน้าต่าง ลั่วอวี้เหิงเหยียบอากาศมายืนอยู่ข้างหน้าต่าง บดบังแสงไว้ มองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ยังไม่ไปอีก?”
สวี่ชีอันได้สติทันที ขืนยังไม่ไปอีก พระอรหันต์อีกสองรูปก็จะมาถึงแล้ว ดังนั้นเขาไม่ลังเลอีกต่อไป หันกลับตะโกนไปทางถ่าหลิงว่า “ไต้ซือ พวกเรารีบถอยก่อน”
เจดีย์พุทธะลอยขึ้นฟ้า กลายเป็นแสงสว่างไสวจากไปอย่างรวดเร็ว
ลั่วอวี้เหิงยืนอยู่บนยอดเจดีย์ แขนเสื้อปลิวไสว ท่วงท่าสง่างามดุจเทพธิดา
บินรวดเดียวเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม เจดีย์พุทธะก็ร่อนลงที่กลางทุ่งแห่งหนึ่ง ประตูใหญ่ชั้นหนึ่งเปิดออก ลั่วอวี้เหิงลงมายืนอย่างคล่องแคล่ว ก้าวเท้าเข้าไปในเจดีย์
“ท่านราชครู!”
สวี่ชีอันรออยู่ที่ชั้นหนึ่งแล้ว
ลั่วอวี้เหิงพยักหน้าเบาๆ พูดว่า “เจดีย์พุทธะของเหลยโจว? เหตุใดจึงกลายเป็นอาวุธเวทมนตร์ของเจ้าไปได้”
“เรื่องนี้พูดขึ้นมาแล้วยาว พูดแบบรวบรัดก็คือ ข้าได้รับสิ่งยืนยันจากพระโพธิสัตว์ฝ่าจี้ ได้รับการยอมรับจากเจดีย์ มันจึงยอมอยู่กับข้าชั่วคราว” สวี่ชีอันพูด
น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม จึงยากที่จะแสดงอานุภาพที่แท้จริงของอาวุธเวทมนตร์…เขาคิดด้วยความเสียดายอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง