บทที่ 562 ยามจื่อ (2)
สวี่ชีอันตะลึงงันอยู่หลายวินาที ด้วยไหวพริบอันยอดเยี่ยม เขาละสายตาตนคว้าข้อมือของมู่หนานจือ ก่อนสวมกำไลลูกประคำกลับอย่างรวดเร็ว
“อย่าแตะต้องมัน ศัตรูอยู่ด้านนอก เจ้าทำเช่นนี้มันอันตราย” เขาเอ่ยเสียงขรึม
แม้ว่าวิชามองปราณจะมีข้อจำกัดด้านระยะทาง หากไม่ได้อยู่ในระยะใกล้ ย่อมมองไม่เห็นรูปโฉมอันงดงามของพระชายา แต่อย่างไรเสียก็ต้องสวมกำไล กันไว้ดีกว่าแก้จะดีกว่า
ทันทีที่กำลังสวมกลับคืนไป ลั่วอวี้เหิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
มู่หนานจือพลันเอ่ยประชดประชัน “งั้นเจ้าก็ให้นางออกไป”
นางเปรียบเหมือนลูกแมวน้อยคอยปกป้องอาหารของตน
สวี่ชีอันกำลังเอ่ยปาก กลับเห็นเทพบุตรผู้ทรงเสน่ห์ไร้เทียมทานแห่งนิกายสวรรค์ หันหลังเดินจากไป แผ่นหลังสะท้อนความโดดเดี่ยว ราวกับเด็กที่ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง
คำแนะนำของหลี่หลิงซู่ ชี้นำทางสว่างให้แก่เขาพอสมควร
แม้ว่าการบำเพ็ญคู่กับลั่วอวี้เหิงจะเป็นเพียงข้อตกลง ทว่าตามความเข้าใจก่อนหน้านี้ ท่านราชครูให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญคู่อย่างมาก เมื่อตัดสินใจบำเพ็ญคู่แล้ว นั่นถึงบรรลุจุดประสงค์ ‘การเป็นคู่บำเพ็ญ’
หากนางไม่ได้รู้สึกดีกับข้า นางคงไม่มีทางจับคู่บำเพ็ญด้วยแน่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ห่างไกลความรู้สึกรักเพียงครึ่งก้าว ถ้าตอนนี้ไม่หันเหไปทางนาง เกรงว่าจะเป็นการทำลายความรู้สึกดีๆ ของนาง
กับมู่หนานจือก็เช่นเดียวกัน
อันที่จริงข้าไม่ต้องตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่ใช้ประโยชน์จากนิสัยของนางได้
“เคราะห์กรรมของท่านราชครูใกล้เข้ามาแล้ว ครั้งก่อนนางช่วยถ่วงเวลาระหว่างข้าต่อกรกับผู้นำเต๋านิกายปฐพี ข้าถึงฆ่าหยวนจิ่งได้ เพราะเหตุนี้ทำให้นางได้รับผลกระทบจากวิญญาณร้ายของนิกายปฐพีที่เสื่อมสลาย จึงไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป”
สวี่ชีอันพูดเสียงขรึม “นางไม่มีเวลาแล้ว”
แน่นอนว่ามู่หนานจือจิตใจดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็พูดไม่ออก สีหน้าผันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ใจหนึ่งนางก็ไม่อยากให้เพื่อนสนิทตายด้วยทัณฑ์สวรรค์ อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้สวี่ชีอันและเพื่อนสนิทบำเพ็ญคู่กัน
ดวงตานางแดงก่ำ ขณะกัดฟันพูดว่า “เจ้ารู้วิธีกลั่นแกล้งข้า”
เวลานี้ ลั่วอวี้เหิงหันมองสวี่ชีอันแล้วพูดเสียงราบเรียบว่า “เจ้าออกไป ข้าจะคุยกับนาง”
สวี่ชีอันมองมู่หนานจือ เห็นนางไม่มีท่าทีต่อต้าน จึงเดินออกไปจากห้องน้ำชาเงียบๆ
ด้านนอกหนาวเย็นยะเยือก เขากวาดตามองหลี่หลิงซู่ยืนอยู่ใต้ชายคา กำลังรับลมหนาว ทอดสายตามองไปไกล ไม่พูดจา
จู่ๆ เนื้อเพลงท่อนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวสวี่ชีอัน
‘ฉันร้องไห้คนเดียว กลับไม่มีใครสนใจ ปล่อยน้ำตาไหลออกมา เผื่อช่วยให้สบายใจ…’
เขาสืบเท้าเดินเข้าไปหา พร้อมทอดถอนใจ “อนิจจา ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ ที่สามารถจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างสตรีได้อย่างแยบยล”
หลี่หลิงซู่ค่อยๆ หันหน้ามา แค่นยิ้มดูน่าเกลียด “ผู้อาวุโส เมื่อก่อนเจ้ามักจะหัวเราะเยาะข้าอยู่ตลอดใช่หรือไม่?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร” สวี่ชีอันส่ายหัว
ครั้นหลี่หลิงซู่รู้สึกโล่งใจขึ้น สวี่ชีอันก็เอ่ยเสริม “เจ้าไม่เคยอยู่ในสายตาข้าแม้แต่น้อย”
‘ไปลงนรกเถอะ เจ้ามันคนสวะ!’ ใบหน้าหลี่หลิงซู่แข็งทื่อ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนถามเรื่องที่ขับข้องใจออกไป
“ตัวตนที่แท้จริงของฮูหยินสวีคือ…”
เขาไม่เชื่อว่าสตรีงดงามล้ำเลิศเช่นนั้นจะไม่เป็นที่เลื่องชื่อ
สวี่ชีอันพูดตรงไปตรงมา “เจ้าเคยได้ยินเรื่องหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าฟ่งหรือไม่?”
หลี่หลิงซู่ตกตะลึง ใบหน้าซีดเซียวอยู่หลายวินาที “นาง หรือว่านาง…”
“ใช่” สวี่ชีอันตอบเพื่อยืนยัน
ร่างกายหลี่หลิงซู่พลันโอนเอนไปมา คิดว่าโลกใบนี้มีเพียงขาวดำ ไร้ซึ่งสีสัน
ลั่วอวี้เหิงเป็นของสวีเชียน หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าฟ่งก็เป็นของสวีเชียน แบบนี้จำต้องเข้าไปเมืองหลวงอีกหรือไม่?
สถานที่น่าระทมทุกข์เช่นนั้น ไม่ไปก็คงไม่เป็นไรหรอก!
‘เห็นได้ชัดว่านางคือพระชายา หญิงสาวที่แต่งงานแล้ว ข้าอยากจับชู้รักเช่นพวกเจ้าขังกรง ไม่สิ จับเจ้าขังกรงเสียจริง…’ หลี่หลิงซู่รู้สึกอิจฉาเหลือทน หญิงผู้ทรงเสน่ห์ที่สุดในโลกเป็นเพื่อนสนิทของสวีเชียน อีกทั้งหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าฟ่งเป็นภรรยาของสวีเชียน
‘ไฉนคนประเภทนี้จึงไม่ถูกฆ่า หรือจะเก็บไว้ไหว้วสันต์?’
จากนั้นไม่นาน เขาก็เหยียดยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก “เรื่องที่ฮูหยินสวีพูดก่อนหน้านี้…นั่นคือเจ้ายังมีเพื่อนสนิทที่ดูคล้ายกันหลายคน จริงหรือไม่?”
สวี่ชีอันโบกไม้โบกมือพัลวัน
ฟู่…ข้าก็แค่พูดเฉยๆ มีหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้ตั้งสองคน เท่านี้ยังไม่พออีกหรือ? นอกจากนี้ พวกนางคงไม่ยอมให้สวีเชียนคีบหนีบดอกไม้สะกิดใบหญ้าไปทั่วหรอก!
หลี่หลิงซู่รู้สึกดีขึ้นมาก
“ในเมืองหลวงมีอีกหลายคน แต่อาจไม่เยอะเท่าเจ้าหรอก”สวี่ชีอันกล่าว
ไปลงนรกซะเถอะ! หลี่หลิงซู่กระตุกมุมปาก “ผู้อาวุโส ข้าเพิ่งเข้าใจการลืมความรู้สึกที่มากเกินไปขึ้นมาบ้าง ข้าว่า ต้องกลับไปบำเพ็ญเสียก่อน…”
โชว์เหนือกว่าไปเถอะ ข้าจะปล่อยให้เจ้าแสร้งทำต่อไป…สวี่ชีอันโบกมือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไปดีมาดีล่ะ”
คล้อยหลังหลี่หลิงซู่จากไป สวี่ชีอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รออย่างเงียบๆ ราวๆ หนึ่งเค่อ
“เข้ามา!” เสียงของลั่วอวี้เหิงดังขึ้น
เขารีบเข้าไปในห้องน้ำชาทันที เห็นมู่หนานจือนั่งอยู่ข้างโต๊ะโดยมีจิ้งจอกขาวตัวน้อยอยู่ในอ้อมแขน ไม่แม้แต่หันมองเขา ทั้งยังพูดด้วยเสียงเย็นชา “ข้าอยากกลับเมืองหลวง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง