ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 564

บทที่ 564 ตามหาคน

สวี่ชีอันทำหน้ามึนงง ไม่รู้ว่าจู่ๆ นางโมโหด้วยเรื่องอะไร

ทันใดนั้นเขาก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงแก้ตัวไปด้วย พลางแอบสังเกตการณ์เงียบๆ

“เมื่อคืนข้าโหมงานหนักทั้งคืนจนเหนื่อยล้าไปหมดทั้งตัว ก็เลยกลับมาอาบน้ำให้หายเหนื่อย ท่านราชครูกินข้าวหรือยัง” สวี่ชีอันกล่าวยิ้มๆ

เมื่อได้ยินคำว่า ‘โหมงานหนักทั้งคืน’ ลั่วอวี้เหิงก็โกรธจัดจนพวงแก้มสองข้างแดงก่ำ

“กำลังจะตามเจ้าไปกินด้วยกันพอดี”

ทั้งสองกลับมายังห้องนอนที่อบอุ่นราวกับวสันต์ฤดูทันที สาวใช้ของสวนชิงซิ่งยกสำรับอาหารเช้า เช่น โจ๊ก ซาลาเปาเนื้อ ขนมหวาน ปาท่องโก๋ ผักดอง เป็นต้น มาตั้งบนโต๊ะตัวยาวในห้อง

ลั่วอวี้เหิงไม่แตะอาหารอย่างอื่นนอกจากโจ๊กถ้วยเดียว นิ้วเรียวดั่งกล้วยไม้ถือช้อนแน่น ค่อยๆ ตักโจ๊กขึ้นซดทีละน้อย

นี่คงจะเป็น ‘โทสะ’ หนึ่งในเจ็ดอารมณ์ แค่เห็นชื่อก็ทราบถึงความหมายทันที โมโหจนแทบระเบิด อีกเดี๋ยวข้าคงต้องระวังตัวแล้วล่ะ

สวี่ชีอันครุ่นคิดพลางสังเกตท่าทางของนางไปด้วย

ราชครูก็ยังเป็นราชครูอยู่ดี เย็นชา สง่างาม หว่างคิ้วแต้มชาดแดง ราวกับเทพธิดาที่ไม่กินอาหารของมนุษย์เดินดิน

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนราวกับความฝัน

ทว่าสวี่ชีอันได้รับรู้แล้วว่าร่างกายของราชครูเร่าร้อน เคลิบเคลิ้มเพียงใด ผิวของนางละเอียดบอบบาง น่าสัมผัสเพียงใด

ข้าได้หลับนอนกับหญิงสาวผู้งดงามที่แม้แต่จักรพรรดิหยวนจิ่งก็ไม่อาจร้องขอได้…เมื่อหวนนึกถึงเมื่อคืนในตอนนี้ สวี่ชีอันก็รู้สึกราวกับเคลิ้มฝันไป

“จ้องพอหรือยัง”

ลั่วอวี้เหิงเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาด้วยความโกรธปนน่าเอ็นดู

นอนก็นอนด้วยกันแล้ว ขอดูสักหน่อยจะเป็นไรไป…สวี่ชีอันแอบบ่นในใจ สายตาจับจ้องทรวงอกเต่งตึงของราชครู

‘ฉึก!’

ตะเกียบคู่หนึ่งลอยมาปักลงบนโต๊ะตรงหน้าสวี่ชีอัน

“กินข้าวๆ!” เขาถอนสายตาและซดโจ๊กเงียบๆ

หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ทั้งสองก็ไม่พูดคุยหรือสบตากันอีก แต่เมื่อสวี่ชีอันลอบจ้องมองใบหน้าและเรือนร่างของราชครู หรือมองโต้งๆ ด้วยสายตาเชยชม นางก็จะโมโหขึ้นมา

ลั่วอวี้เหิงวางถ้วยและตะเกียบลง ลุกขึ้นอย่างเฉยเมย ก้าวเข้าไปในห้องนอน

ขณะเยื้องย่าง ชายเสื้อคลุมนักบวชเต๋าพลิ้วไหวไปตามจังหวะดูแผ่วเบาสง่างาม

“หากไม่มีเรื่องอันใดก็อย่ารบกวนข้า ข้าจะฝึกบำเพ็ญ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ประตูเปิดทิ้งไว้ เมื่อสวี่ชีอันหันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นว่าปลอกผ้านวมและผ้าปูที่นอนของเมื่อคืนถูกเปลี่ยนทั้งหมดแล้ว

ด้านในมีตู้โตวสีขาวปักลายดอกบัวหนึ่งตัวและกางเกงผ้าไหมอ่อนนุ่มขาวอีกตัวแขวนอยู่

‘ปัง!’

เหมือนจะรับรู้ถึงสายตาของเขา ลั่วอวี้เหิงปิดประตูเสียงดังเป็นพิเศษ

อารมณ์ ‘โทสะ’ ทำให้นางไร้เหตุผลกว่าเดิม อยู่ดีๆ ก็ขมวดคิ้วใส่ ทำเหมือนข้าเป็นมนุษย์เครื่องมือที่เรียกหาแค่ตอนขึ้นเตียงเท่านั้น…

“รู้สึกเหมือนกลายเป็นคุณน้าไม่ก็อาจารย์สอนภาษาอังกฤษของข้าจริงๆ เลยแฮะ…”

เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดออกมาเช็ดมือและปาก จากนั้นสาวเท้าไปที่ห้องนอน และเคาะประตูห้อง

ลั่วอวี้เหิงไม่ตอบ

สวี่ชีอันผลักประตูเข้าไปตามใจ กวาดสายตามองไปทั่ว ทันใดนั้นก็เห็นว่าตู้โตวและกางเกงผ้าไหมนั้นหายไปเสียแล้ว

ลั่วอวี้เหิงนั่งสมาธิอยู่บนเตียง กล่าวด้วยความหงุดหงิด “ข้าบอกว่าไม่ให้เจ้ารบกวนไม่ใช่หรือ”

ลั่วอวี้เหิงในอดีตเป็นคนสงบเยือกเย็น ไม่เคยอารมณ์แปรปรวนมากเช่นนี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้สวี่ชีอันจึงรู้สึกลำพองใจเหลือจะกล่าว

ไม่เหมือนตอนนี้ที่เอะอะนิดหน่อยก็โกรธ แม้จะไม่ใช่อารมณ์ที่ดีสักเท่าไร แต่ก็ดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคย

“ไฟแห่งกรรมสงบลงแล้ว ไว้เย็นๆ ค่อยฝึกบำเพ็ญต่อก็ได้ ข้าพาท่านไปเดินเล่นในสวนดีหรือไม่”

สวี่ชีอันโน้มตัวไปที่เตียงและจับมืออ่อนนุ่มของลั่วอวี้เหิงไว้ไอรีนโนเวล

เขาคิดเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นเหมือนคู่แต่งงานที่พ่อแม่จับคลุมถุงชน ต้องร่วมคืนเข้าหอด้วยกันเสียก่อนแล้วค่อยไปสานสัมพันธ์กันต่อทีหลัง

โชคดีที่ลั่วอวี้เหิงไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ในตัวเขา ออกจะประทับใจด้วยซ้ำ แม้จะไม่ถึงขั้นที่อยากร่วมเตียงด้วยก็ตาม

แต่ในเมื่อตอนนี้รู้ตับไตไส้พุงกันหมดแล้ว เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดและพยายามหนักขึ้นเพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อบอุ่นขึ้น

ยังไงเสียข้าก็หวังให้ลั่วอวี้เหิงหันมาไล่ตามข้าไม่ได้…สวี่ชีอันคิดในใจ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นแววตาโกรธขึ้งของลั่วอวี้เหิง เขารู้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาเตรียมตัวหลบหนีไปกับเงาทันที

แต่ปรากฏว่าร่างกายของเขาขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่น้อย

“ท่านราชครู?” สวี่ชีอันเอ่ยด้วยความร้อนรน “มีอะไรค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันกันเถิด”

ลั่วอวี้เหิงจ้องมองด้วยสายตาพิฆาต “เมื่อคืนข้าบอกกับเจ้าว่าอย่างไร นี่เป็นข้อตกลงเท่านั้น อย่าได้คิดว่าหลังจากเจ้ากลายเป็นคู่บำเพ็ญธรรมของข้าแล้ว จะสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ”

“ข้าใจร้อนเอง” สวี่ชีอันยอมรับความผิดของตนแต่โดยดี

ลั่วอวี้เหิงพ่นลมหายใจเบาๆ ก่อนจะปล่อยเขาไป นางหลับตาแล้วนั่งสมาธิต่อ “ออกไปซะ”

ท่านราชครูที่ในอารมณ์ฉุนเฉียวแกล้งยากกว่าเดิม โมโหง่ายเหลือเกิน ถ้าเมื่อครู่ไม่ยอมรับผิดละก็ คงจะโดนนางบั่นคอทิ้งเป็นแน่…

อ้อ หยิ่งผยองและหวงตัวยิ่งกว่าเดิมด้วย…สวี่ชีอันแอบบ่นในใจ

เมื่อเขาก้าวออกจากห้อง พลางสูดอากาศบริสุทธิ์ ขณะที่เดินผ่านหน้าต่างห้องนอน บานหน้าต่างก็กระแทกเปิดออกเสียงดัง ‘ปัง’ ลั่วอวี้เหิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ส่งเสียงเย็นชา

“จะไปไหน”

“ไปเที่ยวซ่อง” สวี่ชีอันบุ้ยปาก

“เจ้าว่าอย่างไรนะ” ลั่วอวี้เหิงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียว “พูดใหม่ซิ”

สวี่ชีอันหัวเราะเย้ยหยัน และเอ่ยถากถางนางอย่างจงใจ “เหตุใดท่านราชครูต้องมาสนใจว่าข้าจะไปซ่องหรือไม่ เราสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดต่อกัน เป็นเพียงข้อตกลงเท่านั้นนี่นา”

ทรวงอกของลั่วอวี้เหิงกระเพื่อมขึ้นลง นางโบกมือเพื่อปิดบานหน้าต่าง

“ถ้าอย่างนั้นข้าไปเที่ยวซ่องจริงๆ แล้วนะ” สวี่ชีอันตะโกนทะลุบานหน้าต่างเข้าไป

“ไสหัวไป!”

แต่สวี่ชีอันไม่ได้ไปจากสวนชิงซิ่งในทันที เขาให้สาวใช้เตรียมอาหาร เตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆ ให้

เมื่อพบห้องที่ไม่มีใครใช้ห้องหนึ่ง ก็หยิบเจดีย์พุทธะออกมาและโยนออกไปเบาๆ

เจดีย์พุทธะขยายใหญ่ขึ้น ยอดเจดีย์เกือบเจาะทะลุหลังคาห้อง สวี่ชีอันครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปข้างในเจดีย์

เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสาม เขาก็เห็นมู่หนานจือนั่งตรงข้ามถ่าหลิง ประนมมือนั่งสมาธิเลียนแบบท่าทางของภิกษุ

เล่นอะไรเนี่ย…สวี่ชีอันวางห่อสิ่งของไว้ข้างตัวและเอ่ย “หนานจือ ข้าเอาเสื้อผ้ากับอาหารมาให้”

มู่หนานจือไม่ขยับเขยื้อน ยังคงนั่งสมาธิแน่นิ่งดังเดิม สุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวน้อยวิ่งปร๋อเข้ามา ทำจมูกฟุดฟิด พร้อมกับบ่นพึมพำไปด้วย

“ไม่มีผลไม้เลยเหรอ ข้าอยากกินผลไม้”

สวี่ชีอันใช้มือตบมันอย่างแรงจนร่างกระเด็น แล้วตะคอกด้วยความโมโห “ไปให้พ้น”

ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าสัตว์ชั้นต่ำนี่ ข้าก็คงไม่ต้องเผชิญกับการต่อสู้ ป่านนี้พระชายาคงยังอยู่อย่างเจี๋ยมเจี้ยมรอข้าที่โรงเตี๊ยมเหมือนเคย

สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยถูกทุบตีอีกแล้ว มันร้องไห้โอดโอย

“ข้าไม่กินของเจ้าแล้วก็ได้ เจ้ามันชั่วช้า ดีแต่กลั่นแกล้งพวกเรา”

มันวิ่งกลับไปหามู่หนานจือ ดีดตัวขึ้นอย่างแรงให้ขาหน้าเกี่ยวขอบโต๊ะ จากนั้นถีบขาหลังเพื่อปีนขึ้นบนโต๊ะ

มันสะอื้นอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งสวี่ชีอันนำขนมมาวางตรงหน้ามัน

สุนัขจิ้งจอกขาวชำเลืองมองขนมแล้วค้อนขวับอย่างเย่อหยิ่ง

“ไม่กินหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง