ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 571

สรุปบท บทที่ 571 พบกันบนถนนโดยบังเอิญ: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ตอน บทที่ 571 พบกันบนถนนโดยบังเอิญ จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 571 พบกันบนถนนโดยบังเอิญ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 571 พบกันบนถนนโดยบังเอิญ

“เฮ้อ หากไม่มีสถานการณ์เลวร้าย การท่องยุทธภพยังนับว่าเป็นการเดินทางที่ไม่เลว”

สวี่ชีอันบีบช่องว่างระหว่างคิ้วแล้วเก็บจดหมายเข้าไปในอก

สถานการณ์ในต้าฟ่งล่อแหลม หากพังทลายลง ชีวิตของเขาก็คงไม่รอด

ท่านโหราจารย์เคยบอกว่าในร่างเขามีชะตาบ้านเมืองต้าฟ่งอยู่ครึ่งหนึ่ง ดวงชะตาของเขาได้รวมเป็นหนึ่งกับต้าฟ่งนานแล้ว

เมืองอยู่คนอยู่ เมืองล่มคนบรรลัย

แผนในตอนนี้คือฟื้นฟูตบะก่อน ถึงไม่สามารถดึงตะปูตอกวิญญาณออกมาได้หมด แต่ดึงออกสักสองสามเล่ม ตบะของข้าก็ฟื้นฟูได้หน่อยหนึ่ง เช่นนี้แล้วถึงสามารถรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายได้

“นอกจากนี้ แม้เมื่อวานจะสูญสิ้นเงินทองจำนวนมาก แต่ข้อดีของการบำเพ็ญคู่ก็ประจักษ์ชัด ข้ารู้สึกว่าจุดตันเถียนจะระเบิดแล้ว พลังปราณอันแข็งแกร่งนี้…

เมื่อวานเขากับลั่วอวี้เหิงบำเพ็ญวิชาทั้งหมดในห้องบรรพกาลของลัทธิเต๋าไปหนึ่งรอบ

ตอนนี้พอเขาหลับตาลง รูปร่างขาวนวลเนียนและทรวดทรงองค์เอวที่งดงามของราชครูก็ผุดขึ้นในหัวโดยไม่รู้ตัว

ไตร้องโหยหวน จุดตันเถียนกลับปะทุขึ้นมาอย่างฉับพลัน

หากเปลี่ยนเป็นสตรีนางอื่น นอกจากจะใช้สูตรโกงเกมระดับเทพแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้อีก

การบำเพ็ญคู่ของผู้นำเต๋าลัทธิมนุษย์ระดับสอง ช่างก้าวหน้ารวดเร็วอย่างปาฏิหาริย์

“หากบำเพ็ญคู่ต่อเนื่องไม่หยุด อย่างมากครึ่งปีข้าก็สามารถบรรลุระดับของอ๋องสยบแดนเหนือในตอนต้นได้แล้ว ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของระดับสาม”

สวี่ชีอันกล่าวในใจ

ทว่าผ่านเจ็ดวันนี้ไปแล้ว ด้วยนิสัยเย่อหยิ่งและสำรวมตัวของลั่วอวี้เหิง น่าจะไม่ยอมบำเพ็ญคู่กับเขาอีก

“ต้องโทษลูกมัจฉาอย่างเจ้าพวกหลินอันที่ไม่เอาการเอางาน หากพวกนางเป็นระดับสองคงจะดี…”

หลี่หลิงซู่อยากเห็นเนื้อหาในจดหมายมาก แต่สวีเชียนตั้งใจป้องกันและไม่ให้โอกาสเขา

“ใช่สิ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าลืมบอกกับเจ้า” สวี่ชีอันพลันกล่าวออกมา

หลี่หลิงซู่เห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึมก็เคร่งขรึมตามไปด้วย “เชิญผู้อาวุโสกล่าว”

“ระยะไม่กี่วันมานี้ หากพบเครื่องหมายลับในการติดต่อของนิกายสวรรค์อย่าได้สนใจ แม้ว่าผู้ที่ติดต่อจะเป็นอาจารย์ของเจ้า” เขากล่าว

เครื่องหมายลับในการติดต่อของนิกายสวรรค์? อาจารย์ของข้า? คำพูดประโยคนี้เปิดเผยข้อมูลค่อนข้างมาก หลี่หลิงซู่ทั้งงงงวยและตื่นตระหนกตกใจ

“ผู้อาวุโสหมายความว่าอย่างไร”

“เรื่องนี้พูดไปแล้วเรื่องมันยาว” สวี่ชีอันจิบชาเก๋ากี้หวานๆ ไปทีหนึ่งแล้วกล่าวเนิบๆไอรีนโนเวล

“เทพธิดาปิงอี๋ของนิกายสวรรค์ นักบวชเต๋าเสวียนเฉิง กำลังลงเขาไปจับกุมเจ้ากับหลี่เมี่ยวเจิน จะนำพวกเจ้ากลับไปกักขังบนเขา หลี่เมี่ยวเจินตกอยู่ในมือพวกเขาแล้ว”

???

เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเต็มสมองหลี่หลิงซู่

เขาทำจิตใจให้สงบแล้วถามคำถามทีละข้อด้วยความฉงน “เหตุใดอาจารย์อาปิงอี๋กับอาจารย์ข้าถึงจับข้ากับหลี่เมี่ยวเจินด้วย ผู้อาวุโสทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร ดูจากคำพูดท่าน พวกเขาใกล้มาถึงยงโจวแล้วหรือ”

สวี่ชีอันตอบคำถามทีละข้อ

“เรื่องในนิกายสวรรค์ของพวกเจ้าข้าไม่รู้ชัดเจน ข่าวกรองของข้าครอบคลุมไปทั่วต้าฟ่ง และนิกายสวรรค์ของพวกเจ้าก็ไม่คิดจะทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจ ในระยะไม่กี่วันนี้พวกเขาก็จะมาถึงยงโจวแล้ว”

สวี่ชีอันเชื่อว่าการเตือนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว

อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ เขารู้นิสัยของหลี่หลิงซู่ดี จุดเด่นสุดของผู้ชายห่วยๆ คนนี้คือรับฟังคำพูดของผู้อื่น

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือแค่ไหน เพียงเป็นคำพูดของคนที่เขาเชื่อถือ หลี่หลิงซู่ก็จะเก็บเอามาใส่ใจ จากนั้นก็เกิดความระมัดระวังและไปสังเกตการณ์

นี่คือจุดเด่นที่ยอดฝีมือวัยหนุ่มหลายคนไม่มี

“ผู้อาวุโส อย่าล้อกันเล่น นิกายสวรรค์จะจับกุมข้ากับศิษย์น้องเมี่ยวเจินได้อย่างไร”

ประตูเมืองทางทิศใต้ของเมืองยงโจว

บรรดาคนที่เดินอยู่พากันหันไปมองกลุ่มคนสามคน ในบรรดาพวกเขาแบ่งเป็น นักพรตหญิงใบหน้างดงามเยือกเย็น นักพรตวัยกลางคนที่หนวดยาวถึงหน้าอก และหญิงสาวที่มีบุคลิกห้าวหาญ

ที่คู่ควรแก่การกล่าวถึงก็คือ นักพรตหญิงใบหน้างดงามเยือกเย็น ใช้เชือกเส้นหนึ่งจูงหญิงสาวที่มีลักษณะท่าทางองอาจห้าวหาญผู้นั้นอยู่

มือทั้งคู่ของหญิงสาวถูกมัดไว้ และเดินตามหลังนักพรตหญิงที่มีใบหน้างดงามเยือกเย็น

‘อัปยศอดสูยิ่งนัก หากพบกับคนที่รู้จักข้า ท่วงทีของจอมยุทธ์หญิงนกนางแอ่นเหินคงอันตรธานไปจนหมดสิ้น…’ หลี่เมี่ยวเจินบ่นอยู่ด้านหลังอาจารย์

“ข้าไม่หนีหรอก และก็หนีไม่ได้ด้วย อาจารย์ท่านเก็บเชือกมัดวิญญาณนี้ไปเถิด”

เทพธิดาปิงอี๋มีสีหน้าเมินเฉยและไม่สนใจนางเลย

“หากสหายเห็นเข้า ข้าจะเสียหน้าได้” หลี่เมี่ยวเจินพูดซุบซิบ

ตอนนี้เทพธิดาปิงอี๋ถึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “หากเจ้าสามารถปลงตกได้ ก็จะไม่ใส่ใจเรื่องเล็กๆ อย่างเรื่องเสียหน้า”

หลี่เมี่ยวเจินไม่ยอมจึงพูดโต้เถียง “ถ้าท่านทำได้ ท่านก็หมอบอยู่บนพื้นแล้วเลียนเสียงสุนัขเห่าสิ”

เทพธิดาปิงอี๋หยุดฝีเท้า และจ้องมองนางอย่างเยือกเย็น ลูกตาดำขลับงดงามค่อยๆ โปร่งแสง

ครู่ต่อมา หลี่เมี่ยวเจินก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดเมื่อค้นพบว่าปากทรยศตนเอง ส่งเสียงร้อง “โฮ่งๆ” ออกมา

นางรีบหุบปากทันที

“โฮ่งๆ…”

แต่ก็ไม่ได้ผล

“อา อาจารย์ ข้าผิดไปแล้ว ศิษย์ผิดไปแล้ว ท่านทำแบบนี้กับข้าไม่ได้…โฮ่งๆ!”

เทพธิดาปิงอี๋หมุนตัวกลับ และจูงนางเดินต่อ

“โฮ่งๆ โฮ่งๆ!”

หลี่เมี่ยวเจินเดินไปด้วย เลียนเสียงสุนัขเห่าไปด้วย นางหลั่งน้ำตาด้วยความอับอายท่ามกลางสายตาที่มองมาของผู้คนที่อยู่ข้างถนน

‘ข้าคงอยู่กับเจ้าสุนัขอย่างสวี่ชีอันนานเกินไป ถึงได้ติดโรคที่ต่ำทรามที่สุดของเขา…’ พอหลี่เมี่ยวเจินอ้าปาก ก็ส่งเสียงสุนัขเห่าออกมาอีก

“โฮ่ง!”

ระดับสามนั้นไม่ธรรมดา ไม่ว่าเวลาใด อยู่ในกลุ่มอิทธิพลใด ก็เป็นการดำรงอยู่ในขั้นสูงสุด

ไป๋หู่ที่เป็นชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอดาวมังกรมา เมืองยงโจวก็ไม่มีเหตุที่คาดไม่ถึงแล้ว สิ่งที่พวกเราต้องพิจารณากลับเป็นเรื่องที่ว่าสำนักพุทธจะตระบัดสัตย์หรือไม่”

จีเสวียนส่ายหน้า “ตำหนักความลับสวรรค์ได้ทำข้อตกลงกับสำนักพุทธไว้แต่แรกแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา ไม่ต้องกังวลไป”

สวี่หยวนไหวแค่นเสียงกล่าว “รอจับสวีเชียนได้ ข้าจะสังหารเขาด้วยมือของข้าเอง”

จนกระทั่งบัดนี้ เขายังคงคิดว่าสวีเชียนทำให้พี่สาวของเขาด่างพร้อย

ได้ยินเช่นนี้ คนทั้งหลายก็มองสวี่หยวนซวงอย่างอดไม่ได้ ไป๋หู่หัวเราะกระหึ่มก่อนกล่าวออกมา “พอถึงตอนนั้น จะมอบคนผู้นี้ให้คุณชายจัดการตามอำเภอใจ”

ฉีฮวนตานเซียงกล่าวเรียบๆ “ที่ข้ามีตู๋กู่สำหรับทรมานคนจำนวนมาก แต่การฆ่าคนไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำให้ศีรษะตกพื้น ไม่จำเป็นต้องทรมาน”

นิสัยของปรมาจารย์กู่ผู้นี้สุดโต่ง แต่ในภายใต้สถานการณ์ปกติก็ไม่ชอบการสังหาร

หลิ่วหงเหมียนเล่นอยู่กับเล็บของตัวเอง ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ

สำหรับผู้ที่มีหน้าตาสวยงามโดดเด่นอย่างนางแล้ว ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่มีค่าพอที่นางจะให้ความสนใจ ชายบนโลกที่ดึงดูดความสนใจของนางได้ ถ้าไม่ใช่ที่ผู้มีตำแหน่งไม่ธรรมดา ก็ต้องเป็นผู้ที่มีตบะสูงส่ง

ในบรรดาคนรุ่นหนุ่มสาว มีเพียงจีเสวียนเท่านั้นที่นางสนใจ

ต่อให้เป็นคนมีสถานะอย่างสวี่หยวนไหวก็ไม่เข้าตานาง แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่สังคมใหม่ๆ นางจึงสนใจที่จะพูดจาหยอกล้อด้วยถ้อยคำจำนวนมาก

หลังเที่ยง ยามตะวันรอน

สวี่ชีอันกับหลี่หลิงซู่มุ่งหน้ากลับโรงเตี๊ยมท่ามกลางแสงสีส้ม

หลังออกจากโรงน้ำชา พวกเขาก็ไปบ่อนพนันลิ่วป๋อหนึ่งรอบ แต่ที่นั่นปิดประตูไปนานแล้ว

เมื่อพิจารณาได้ว่าคนของตำหนักความลับสวรรค์รวมทั้งสำนักพุทธให้ความสนใจกับเรื่องนี้อยู่ สวี่ชีอันจึงไม่ได้ทำการสืบเพิ่ม เรื่องราวของเหตุการณ์เขารู้มาจากหน่วยข่าวกรองของตระกูลกงซุนแล้ว

ไม่มีพยานคดีในที่เกิดเหตุ แต่มีเพียงคำคาดการณ์ของผู้นำตระกูลกงซุน และคำให้การของคนที่ดูแลสถานที่บ่อนการพนัน

เถ้าแก่เจ้าของบ่อนการพนันที่ชื่อเฉินเอ้อร์ผู้นั้น ดูเหมือนจะแพ้พนันเงินมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นคนต่างถิ่น จึงเกิดใจคิดคด ด้วยเหตุนี้จึงถูกสังหารกลับ

“เจ้าแจ้งกงซุนเซี่ยงหยาง ให้เขาให้ความสนใจโรงเตี๊ยมในเมืองสักหน่อย คนต่างถิ่นมาที่นี่ ถึงอย่างไรก็ต้องพักโรงเตี๊ยมอยู่ดี”

หลี่หลิงซู่ตอบ “อืม” ไปคำหนึ่ง สายตามองไปข้างหน้า จู่ๆ เขาก็เห็นพระรูปร่างกำยำที่สวมจีวรสีเหลืองตัดสลับแดงรูปหนึ่งเดินมาจากท้ายถนน

เขาสูงแปดฉื่อ สูงกว่าคนทั่วไปสองสามศีรษะ ความสูงที่โดดเด่นนี้สะดุดตามาก

เทพอารักษ์ตู้หนาน!

หลี่หลิงซู่ใจสั่นสะท้านจนเกือบจะก้มหน้าลง

“อย่าลนลาน อย่าขัดแข้งขัดขาตัวเอง”

น้ำเสียงของสวีเชียนถ่ายทอดเข้ามาข้างหู

‘ผู้อาวุโสสมกับเป็นผู้อาวุโสจริงๆ ถึงไม่สะทกสะท้านเช่นนี้…’ หลี่หลิงซู่สูดหายใจเข้าลึกๆ อารมณ์หวาดกลัวอันตรธานจนหมดสิ้น ใบหน้าไม่เปลี่ยนสี

เวรเอ๊ย เหตุใดถึงเจอกับตู้หนานที่นี่ อย่าถูกเขาค้นพบเด็ดขาดเชียว ข้ายังปวดไตไม่หาย…สวี่ชีอันแอบแยกเขี้ยว

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง