ตอน บทที่ 582 เยียวยาบาดแผล จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 582 เยียวยาบาดแผล คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 582 เยียวยาบาดแผล
สำเร็จแล้วรึ?
สวี่ชีอันแอบปลื้มปีติในใจ เลิกสนใจความเคลื่อนไหวที่อยู่เหนือศีรษะ พลางพุ่งเข้าไปหาเหมียวโหย่วฟาง
ถึงแม้เขาจะเชื่อมั่นในตัวลั่วอวี้เหิงมาก แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ต้องคิดพิจารณาสักหน่อย หากราชครูพ่ายแพ้พระอรหันต์สำนักพุทธด้วยเหตุเพราะ ‘โศกเศร้า’ หรือไม่พระอรหันต์ก็มีไพ่ใบสุดท้ายซ่อนอยู่ และใช้ข้อได้เปรียบในการเป็นเจ้าบ้านเอาชนะราชครู สิ่งเหล่านี้ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งหมด
ในกรณีเช่นนี้ เหมียวโหย่วฟางจึงเป็นจุดสนใจของเขาในตอนนี้ ตามด้วยจีเสวียนและคนอื่นๆ เป็นลำดับต่อมา
ในฐานะที่เป็นเหล่าศัตรูของฆ้องเงินสวี่ เห็นได้ชัดว่าสมองไม่ได้มีแต่ขี้เลื่อย ในขณะที่พวกเขาให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวในอากาศ ก็ฉวยโอกาสตอนที่สวี่ชีอันพุ่งเข้าหาเหมียวโหย่วฟางในการรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ไป๋หู่กลายร่างที่มีความสูงถึงยี่สิบฟุต คาบสองพี่น้องสวี่หยวนซวงและสวี่หยวนไหวไว้บนหลัง ขาหน้าข้างขวาที่ถูกตัดขาด ทำให้ดูน่าสยดสยองเป็นพิเศษ
หลิ่วหงเหมียนประคองจีเสวียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะโยนจีเสวียนขึ้นไปบนหลังไป๋หู่เช่นกัน
ถึงแม้ทุกฝ่ายกำลังเคลื่อนไหว แต่ก็ยังแบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปให้ความสนใจกับบาตรทอง
แม้แต่จีเสวียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังแทบไม่คิดที่จะใช้พลังชี่รักษาอาการบาดเจ็บ แต่กลับจ้องไปบนท้องฟ้าตาเขม็ง
ส่วนที่เหลือยังคิดว่าพระอรหันต์ตู้ฉิงคือที่พึ่งสุดท้าย
‘แครก!’
จู่ๆ ก็มีช่องว่างขนาดเล็กเกิดขึ้นที่บาตรทอง รอยแตกเป็นเหมือนใยแมงมุมที่กระจายไปทั่วบาตรทอง
หลังจากนั้น บาตรทองก็ระเบิด ‘ตูม’ ภายใต้สายตาอันตื่นตระหนกของทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง
ร่างสามร่างตกลงมา ได้แก่ ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของลั่วอวี้เหิง ร่างอันสั่นเทาของเทพบุตร และพระอรหันต์ตู้ฉิง
พระอรหันต์ตู้ฉิงในเวลานี้ มีดาบเหล็กเสียบเข้าจุดไป่หุ้ยบนศีรษะจนนองเลือด ครึ่งหนึ่งจมอยู่ในศีรษะ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งโผล่ออกมาข้างนอก
เขามีสภาพเสื่อมโทรม พนมมือ หลับตา และไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
เบ้าตาของจิ้งซินราวกับกำลังจะร้าว
สายเลือดสองเส้นอาบอยู่ที่แก้มของจอมยุทธ์ภิกษุจิ้งหยวน เขามองอยู่ทางด้านนี้ด้วยความตกตะลึง
“พระอรหันต์พ่ายแพ้แล้ว” หลิ่วหงเหมียนกล่าวตะโกน
ฉีฮวนตานเซียง จีเสวียน นักพรตเฒ่าเจียวเยี่ย และคนอื่นๆ ต่างก็ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด
พยัคฆ์ขาวควบคุมลมขี่หนีไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงด้วยสภาพตื่นตระหนกราวกับสุนัขจรจัดไร้บ้าน
สวี่ชีอันเลิกคิ้วขึ้น “อยากจะไปงั้นรึ?”
เขาพุ่งเข้าไปสองก้าว เหวี่ยงดาบไท่ผิงออกไปอย่างเต็มกำลัง ครั้งนี้เขาได้ทางสว่างมาจากฉีฮวนตานเซียงแล้ว เขาใช้วิธีการของซินกู่ในการควบคุมดาบไท่ผิง เช่นเดียวกับการควบคุมนกกระจอกและแมวส้ม ด้วยวิธีนี้ย่อมสามารถรับประกันได้ว่าหลังจากที่ดาบไท่ผิงพ้นจากการควบคุมของเขาแล้ว จะไม่ได้รับผลกระทบจากซินกู่ของฉีฮวนตานเซียงอีก ในความหมายอีกแง่หนึ่งคือ นี่เป็นความสามัคคีของมนุษย์และดาบชนิดหนึ่ง
‘อี๊ด…’ เสียงแหลมเศร้ารันทดเจาะเข้าไปในแก้วหู ดาบไท่ผิงไล่ตามไป๋หู่อย่างรวดเร็ว ปราณดาบที่แยกตัวออกจากกันทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน
เสียง ‘คลิก’ ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา จีเสวียนบดขยี้ยันต์หยกที่ถูกส่งมาอยู่ในมือ ในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองเฉียนหลงและคนรุ่นหลังที่สวี่ผิงเฟิงให้ความสำคัญ เขาย่อมมีวิธีการที่จะช่วยชีวิตตนเองอยู่ไม่น้อย หากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนเองโดยไม่มีวิธีการรับมือหรือตอบโต้ใดๆ แล้วจะท่องไปในโลกยุทธภพได้อย่างไร?
ในเวลานี้เอง ดาบไท่ผิงก็คายปราณดาบออกมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ปราณดาบทั้งบางและมืด ราวกับลูกธนูอันเย็นยะเยือกที่ยิงออกมาจากความมืด
หลังจากที่ยันต์หยกแหลกละเอียด จิตใจของจีเสวียนและคนอื่นๆ ผ่อนคลายลง ความตึงเครียดเมื่อครู่ค่อยๆ หลุดพ้นไป ทุกคนต่างก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้
แสงดาบสีทองสะท้อนอยู่ในรูม่านตาของจีเสวียน การแสดงออกของเขาดูหวาดกลัวอย่างมาก ปราณดาบพุ่งมาที่เขา และกายเนื้อของเขาในตอนนี้ก็ได้แตกสลายไปแล้ว
ในเวลานี้ แสงดาบสะท้อนอยู่ในม่านตาของเขาและถูกปิดบังด้วยเงามืด เงานั้นระเบิดออกทันที เนื้อและกระดูกแหลกละเอียด ปราณดาบที่เหลืออยู่แทงทะลุไหล่ของจีเสวียน แต่สุดท้ายถูกขัดขวางด้วยกระดูกเหล็กผิวทองแดงของไป๋หู
ช่วงเวลาที่สำคัญนี้ นักพรตเฒ่าเจียวเยี่ยพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อขวางทางดาบให้เขา
แสงสว่างก่อตัวขึ้น ปกคลุมขบวนคนกลุ่มนั้นและส่งพวกเขาจากไป
สวี่ชีอันเดาะลิ้นสองครั้งและกล่าวพึมพำว่า “นับว่าเป็นโชคดีของเจ้า”
เขาหันไปและกล่าวโอ้อวดด้วยความชื่นมื่น “ราชครู จับพระอรหันต์ตู้ฉิงได้แล้วรึ?”
ข้อเท็จจริงอยู่ที่เบื้องหน้า แต่เขาก็ยังอยากจะยืนยันอีกครั้ง
ลั่วอวี้เหิงพยักหน้าเบาๆ มีความโศกเศร้าปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้ว “ไปเร็ว”
สวี่ชีอันมองนางอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพบว่ากลิ่นอายของราชครูอ่อนแอมาก มีความเหนื่อยล้าซ่อนอยู่ในดวงตาคู่สวยของนางและมีเลือดซึมออกมาจากภายใต้เสื้อคลุมขนนก เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บร้ายแรงไม่น้อย
“อาการบาดเจ็บของท่านหนักหนามากรึ?”
ลั่วอวี้เหิงพยักหน้าและมองไกลออกไป เสียงอันไพเราะเจือปนไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย “กายเนื้อได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ร่างธรรมเทพเจ้าหยางไม่เป็นอะไร”
สำหรับผู้ฝึกตนในลัทธิเต๋า หากจิตเดิมยังอยู่ก็ไม่มีทางตาย แน่นอนว่าหากทำเช่นนี้ก็จะมีปัญหาไม่รู้จบ แต่สำหรับลั่วอวี้เหิง หากต้องการเลื่อนเป็นเซียนครองพิภพขั้นหนึ่ง เมื่อเกิดภัยพิบัติ กายเนื้อต้องรวมเป็นหนึ่งกับร่างธรรมจึงจะกลายเป็นร่างอมตะได้
ตอนนี้หากกายเนื้อถูกทำลายเช่นนี้ ก็ไร้ความหวังที่จะเป็นขั้นหนึ่ง
ลั่วอวี้เหิงกล่าวต่อไปว่า “ตอนที่บาตรทองถูกทำลาย มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นค่อนข้างมาก สองเทพอารักษ์นั่นคงจะรับรู้ถึงความผิดปกติทางด้านนี้แล้ว พวกเราไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่นานๆ”
สวี่ชีอันเข้าใจว่านางหมายความว่าอะไร หากสองเทพอารักษ์นั่นคิดจะลักพาตัวคนไปอย่างมุทะลุแล้วละก็ เทพเจ้าหยางของนิกายสวรรค์อาจจะไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ อย่างที่ทราบกันดีว่า จอมยุทธ์มีชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ และการป้องกันทางกายภาพของเทพอารักษ์นั้นก็แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์ขั้นสามในระดับเดียวกัน และตอนนี้ลั่วอวี้เหิงก็มีสภาพที่ค่อนข้างย่ำแย่
สวี่ชีอันเรียกเจดีย์พุทธะที่อยู่ในระยะไกลมาทันที ก่อนจะส่งเหมียวโหย่วฟาง หลี่หลิงซู่ จิ้งซิน และจิ้งหยวนเข้าไปด้านใน
เจดีย์นี้ไม่คิดจะลงมือกับศิษย์สำนักพุทธ หลังจากดูสถานการณ์อยู่ข้างๆ เป็นเวลานาน ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมได้สงบลงแล้ว มันจึงไม่ดื้อรั้นอีกต่อไป
เนื่องจากพระอรหันต์ไม่สามารถเข้าไปในเจดีย์พุทธะได้ ลั่วอวี้เหิงจึงโบกแขนเสื้อ ห่อหุ้มสวี่ชีอันและพระอรหันต์ตู้ฉิง หายไปพร้อมกับสายลม
ในเวลาสองถึงสามนาที ผืนแผ่นดินส่งเสียงคำราม แสงสีทองสองดวงพุ่งตรงไปที่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
นี่คือภาพนิมิตที่เกิดจากการวิ่งวุ่นอย่างบ้าระห่ำของเทพอารักษ์สองท่าน
แนวหลังแสงสีทองสองดวงนั้น เทพธิดาปิงอี๋แห่งนิกายสวรรค์ นักบวชเต๋าเสวียนเฉิง ก้าวขึ้นไปบนกระบี่บิน มันแผดเสียงก้องราวกับสายฟ้าฟาดและไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ แต่หลังจากเห็นชัยชนะในสนามรบหลักและการจากไปของผู้คน เทพเจ้าหยางแห่งนิกายสวรรค์ทั้งสองท่านก็ชะลอความเร็วลงทันที
เมื่อสบตากัน กระบี่บินก็หมุนเก้าสิบองศา พุ่งตรงไปยังท้องฟ้าและหายไปในทะเลเมฆอันกว้างใหญ่
“พระอรหันต์ตู้ฉิงสูญสิ้นแล้ว”
เทพอารักษ์ตู้หนานที่มีร่างกายและพลังอันน่าเกรงขามมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เหลืออยู่ของบาตรทอง
เทพอารักษ์ท่านนี้ที่รอดพ้นจากการกวาดล้างปีศาจหกสิบปีกำลังเต็มไปด้วยความโกรธ
เทพอารักษ์เผ่าอสูรขมวดคิ้วด้วยความกระสับกระส่าย และกล่าวช้าๆ ว่า “มันควรจะแค่ถูกปิดผนึกสิ ในระดับเดียวกันไม่มีใครสามารถฆ่าพระอรหันต์ตู้ฉิงได้ สภาพของลั่วอวี้เหิงในตอนนี้อาจจะไม่ดีนัก พวกเราแยกกันไปที่ยงโจว ตรวจสอบสวนชิงซิ่ง แล้วมารวมตัวกันที่นี่ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน”
เทพอารักษ์ตู้หนานตอบรับ “อืม” และกล่าวต่อไปว่า “ข้าจะนำเรื่องนี้ไปรายงานพระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่”
ในขณะที่เขากล่าว สายตาก็จับจ้องไปที่ศพของภิกษุที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นและนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน “อมิตตาพุทธ!”
เทพอารักษ์เผ่าอสูรพนมมือเข้าด้วยกัน พลางก้มศีรษะลง สวดพระนามของพระพุทธเจ้าและเก็บศพของภิกษุทุกรูปเข้าไปในอาวุธเวทมนตร์อย่างเงียบๆ
…
ถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่งในยงโจว
ไป๋หู่ที่กลายร่างยาวกว่ายี่สิบฟุตและขาหน้าข้างหนึ่งที่หักไปแล้ว แผดเสียงดังก้องมาพร้อมกับสายลม
มันร่อนลงมาตามแรงลม สลัดทุกคนที่อยู่บนหลัง หลังจากนั้นก็คลานไปด้านหน้า เลียขาหน้าข้างขวาที่แตกหักและเปียกโชกไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม
ทุกคนพลัดตกลงมาอย่างจนมุม
จีเสวียนกุมหน้าอกด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ดึงรั้งร่างของนักพรตเฒ่าเจียวเยี่ย พลางตะโกนเสียงแหบแห้ง “เอายามาให้ข้า หยวนซวง รีบเอายามาให้ข้าเร็วเข้า…”
สวี่หยวนซวงนิ่งเงียบ ไม่ใช่ว่านางเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย แต่ถุงหอมที่นางพกติดตัวถูกสวี่ชีอันช่วงชิงไปแล้ว รวมทั้งอาวุธเวทมนตร์และยาอายุวัฒนะที่อยู่ด้านในด้วย
“นายน้อย อย่าสิ้นเปลืองยาอายุวัฒนะเลย”
สายสืบเฉินส่ายศีรษะ “ข้าก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอยู่ที่เมืองยงโจว นิกายสวรรค์ไม่สนใจเรื่องทางโลกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มีลูกศิษย์จำนวนน้อยมากที่จะเดินทางท่องยุทธภพ”
“ในยุคนี้ มีเพียงเทพบุตรและเทพธิดาเท่านั้น” ชังหลงยกตนข่มท่าน
“นี่คือความประมาทในการกรองข่าวของเจ้า เจ้าต้องรับผิดชอบ”
สายสืบเฉินขมวดคิ้ว
“ไม่มีองค์กรข่าวกรองใดที่สามารถจับแนวโน้มของยอดฝีมือเหนือมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างราบเรียบ พวกเราไม่รู้แม้กระทั่งการทัศนาจรของเทพเจ้าหยางแห่งนิกายสวรรค์”
เทพเจ้าหยางลัทธิเต๋าหายไปอย่างไร้ร่องรอย วันนี้อยู่ที่ยงโจว พรุ่งนี้อาจจะถึงเมืองหลวงแล้ว
ข่าวกรองของใครกันที่รวดเร็วเช่นนี้?
นอกจากนี้ เทพเจ้าหยางทั้งสองแห่งนิกายสวรรค์ก็เคลื่อนไหวอย่างราบเรียบ และมาถึงเมืองยงโจวอย่างเงียบๆ
ถึงแม้จะมีสายลับเคยเห็นพวกเขาที่โรงเตี๊ยม แต่สายลับจะมองออกได้อย่างไรว่านี้คือเทพเจ้าหยางทั้งสองท่าน?
เมื่อเห็นว่าชังหลงไม่พูดต่อ สายลับเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและคิดคำนวณบางอย่าง พลางมองไปที่จีเสวียนและคนอื่นๆ “ดูเหมือนสวี่ชีอันจะพบผู้ช่วยเหลือไม่น้อยเช่นกัน”
ถึงแม้จะมีเทพเจ้าหยางแห่งนิกายสวรรค์ช่วยเหลือ มียอดฝีมือเหนือมนุษย์ระดับบรรลุธรรมที่ยอดเยี่ยม แต่ทางฝั่งของเขา มียอดฝีมือขั้นสี่แห่งสำนักพุทธทั้งสองอย่างจีเสวียนและไป๋หู่ ต่อให้อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ระดับบรรลุธรรมไม่ได้ลงมือ ก็แทบจะอยู่ยงคงกระพันแล้ว
แต่ตอนนี้กลับจนมุมเช่นนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าสวี่ชีอันมีการตระเตรียมมาอย่างดี เขาต้องระดมพลการช่วยเหลือจากยอดฝีมือขั้นสูงจำนวนไม่น้อย
ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลิ่วหงเหมียนก็มองมาด้วยสีหน้าสับสน
ฉีฮวนตานเซียงและไป๋หู่ต่างก็เคลื่อนไหวริมฝีปากเล็กน้อย
สวี่หยวนซวงกล่าวเสียงเบาว่า “ไม่มีผู้ช่วยเหลือ มีเขาเพียงคนเดียว”
มีเขาเพียงคนเดียว…ความตกตะลึงซ่อนอยู่ในม่านตาของสายสืบเฉิน เขารีบถามกลับอย่างรวดเร็ว “เขา เขาฟื้นคืนการบำเพ็ญขั้นสามแล้วรึ?”
ท่าทางของหลิ่วหงเหมียนและคนอื่นๆ กลับมีความซับซ้อนมากกว่า
“ไม่ เขายังคงอยู่ขั้นสี่” สวี่หยวนซวงส่ายศีรษะด้วยความขมขื่น
ในห้องโถงเงียบลงชั่วขณะ ไม่มีใครพูดอะไรอยู่นาน
…
ลั่วอวี้เหิงพาสวี่ชีอันไปจากยงโจวด้วยการสาดแสงสีทองบินไปทางด้านทิศเหนือ ผ่านภูเขาอันกว้างใหญ่ ที่ราบลุ่ม แม่น้ำ และกำแพงเมืองที่ปรากฏอยู่ด้านล่าง
ลั่วอวี้เหิงลดระดับแสงสีทองและหยุดลงที่นอกเมือง
“ข้าจำเป็นปรับลมปราณเพื่อพักฟื้น หาโรงเตี๊ยมปักหลักก่อนเถอะ” นางสั่งกำชับเบาๆ
เหตุผลที่ไม่กลับไปเมืองยงโจว เพราะเทพอารักษ์ตู้หนานและตู้ฝานจะต้องตามล่าพวกเขาอย่างเต็มที่แน่นอน
ส่วนพระอรหันต์ตู้ฉิงกำลังหลับตานั่งสมาธิอย่างเงียบงัน ราวกับรูปปั้นที่ไร้ชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
พวกเขาเข้าสู่เมืองเล็กๆ ไปตามถนนสายหลัก สวี่ชีอันกวาดสายตามองป้ายทั้งสองด้านและเลือกโรงเตี๊ยมอย่างง่ายดาย
ลั่วอวี้เหิงใช้มนต์ด้วยมือเดียวเพื่อฉุดลากพระอรหันต์ตู้ฉิง เดินตามหลังสวี่ชีอัน
“นายท่าน จะหยุดพักรับประทานอาหารหรือค้างคืนดีขอรับ?”
เมื่อก้าวเข้าไปยังห้องรับรองของโรงเตี๊ยม ก็มีบริกรเข้ามาทักทายอย่างสุภาพ ทั้งยังแสร้งมองข้ามลั่วอวี้เหิงและพระอรหันต์ตู้ฉิงที่มีดาบเหล็กปักอยู่ที่ศีรษะ
ดูเหมือนแขกคนอื่นๆ ก็มองไม่เห็นลั่วอวี้เหิง จึงไม่ได้จ้องมองด้วยความประหลาดใจแต่อย่างใด
สวี่ชีอันเหลือบมองนางและกล่าวว่า “ขอห้องพักหนึ่งห้อง”
………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...