กองคาราวานหยุดที่ตีนเขาชิงหยุนอย่างช้าๆ ในรถม้าหรูหรา องค์หญิงใหญ่ก้าวบันไดเล็กๆ ลงมา และปีนเขาท่ามกลางการคุ้มกันของทหาร
ลมภูเขาพัดมาช้าๆ ลูบไล้กระโปรงกับผมสลวยของนาง องค์หญิงใหญ่ผู้สง่างามและสูงศักดิ์ปะทะกับลมจนต้องหรี่ตาอันสดใสของนางลง
นางเห็นชายชราผมหงอกคนหนึ่งในศาลาที่ปลายภูเขา ชายชรานั่งอยู่หน้าโต๊ะ ตรงข้ามเขาคือเด็กน้อยคนหนึ่ง
ข้างๆ เด็กน้อยคือสาวน้อยหน้าตาสะสวยที่ก้มหน้าทำงานเย็บปักถักร้อย
ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าจับพู่กันหมึกให้ถูกต้อง”
เด็กน้อยพูดว่า “ข้าทราบเจ้าค่ะท่านอาจารย์”
ชายชราพูดต่อ “เช่นนั้นเจ้าก็เปลี่ยนกลับไปซะ”
เด็กน้อยถามว่า “เปลี่ยนอะไรหรือเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ วันนี้ไม่เขียนตัวอักษรแล้ว เจ้ามาท่องคัมภีร์ตรีอักษรตามข้าเถอะ” ชายชราถอนหายใจ จากนั้นก็กระแอมในลำคอ
“คนแรกเกิด จิตใจดี”
เด็กน้อยถามว่า “คนแรกเกิด จิตใจอะไรนะเจ้าคะ”
ชายชราพูดอีกครั้ง “คนแรกเกิด จิตใจดี”
เด็กน้อยพูดว่า “คน…จิตใจดี”
ชายชราถามว่า “ตรงกลางเจ้าละอะไร”
เด็กน้อยตอบว่า “ข้าลืมไปแล้ว”
ชายชราพูดว่า “มาอีกครั้ง คนแรกเกิด จิตใจดี”
เด็กน้อยถามว่า “คนแรกเกิด จิตใจอะไรนะเจ้าคะ”
ชายชราแทบคลั่ง
ด้านนอกศาลา องค์หญิงใหญ่อดหัวเราะไม่ได้ ดวงตาที่ใสราวกับกระจกฉายแววขบขัน ราวกับหยกงามที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ชายชรารู้จักองค์หญิงใหญ่ จึงลุกขึ้นทันที และโค้งคำนับด้วยความเคารพ “คารวะองค์หญิงใหญ่”
องค์หญิงใหญ่ผู้สูงศักดิ์ สุขุมและสง่างามพยักหน้าเล็กน้อย และพูดด้วยเสียงอันเฉียบคมราวกับก้อนน้ำแข็งชนกัน “สำนักศึกษาอวิ๋นลู่มีเด็กน้อยตั้งแต่เมื่อใด”
ชายชราหันไปส่งสัญญาณให้สองพี่น้องมาทำความเคารพ หลังจากลุกขึ้นสวี่หลิงเยวี่ยก็โค้งคำนับ แต่สวี่หลิงอินกลับมองผู้หญิงที่หน้าอกไม่ต่างกับมารดาของนาง และรูปร่างหน้าตาดีกว่าคนนี้อย่างโง่เขลา
ชายชราพูดอย่างเขินอาย “เด็กน้อยช่างไร้มารยาทยิ่งนัก องค์หญิงใหญ่โปรดอย่าถือโทษเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เขาไม่ได้วิตกกังวลมากนัก แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะเยือกเย็นและสูงศักดิ์ ทำให้คนไม่กล้าล่วงเกิน แต่นางก็เป็นปัญญาชนคนหนึ่ง หัวใจนางไม่แพ้ชายหนุ่มเลย
ชายชราพูดต่อ “ทั้งสองคนเป็นสมาชิกในตระกูลของนักเรียนในสำนัก เพราะครอบครัวมีปัญหา จึงให้ญาติผู้หญิงมาอยู่ในสำนักชั่วคราว”
‘หลบภัยหรือ…’ องค์หญิงใหญ่ที่ฉลาดหลักแหลมวิเคราะห์ความหมายแฝงในคำพูดนี้ทันที นางพินิจหญิงสาวที่หน้าตาไม่ธรรมดากับเด็กน้อยที่ไม่ค่อยฉลาด และหัวเราะ “นักเรียนคนไหนหรือ”
นางถือว่าเป็นนักเรียนของสำนักครึ่งหนึ่งเช่นกัน และรู้กฎของสำนักดี หากไม่มีปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่พยักหน้าตอบรับ ญาติผู้หญิงของนักเรียนก็ไม่อาจอยู่ที่ภูเขาชิงหยุนได้
สวี่หลิงเยวี่ยเอ่ยเสียงเบา “พี่ชายของข้าชื่อสวี่ซินเหนียนเพคะ”
นางไม่ได้พูดเอ่ยถึงสวี่ชีอัน เพราะพี่ใหญ่ไม่ใช่นักเรียนของสำนัก
‘สวี่ซินเหนียน…’ ดวงตาขององค์หญิงใหญ่เปล่งประกายเล็กน้อย นางที่เคยตรวจสอบภูมิหลังของสวี่ชีอันหวนนึกถึงความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างทั้งสองคน
‘คนที่ยุยงอยู่เบื้องหลังคดีเงินภาษีคือรองเจ้ากรมโจว และประมาณสิบวันก่อน สวี่ชีอันเกิดทะเลาะวิวาทกับลูกชายของรองเจ้ากรมโจวที่ย่านใจกลางเมือง…’ องค์หญิงใหญ่มองสาวน้อยที่มีเสน่ห์และงดงาม และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เรื่องเกิดขึ้นเมื่อใด”
“เกือบสิบวันแล้วเจ้าค่ะ” สวี่หลิงเยวี่ยตอบ
‘เขารู้จักกับไฉ่เวย และไฉ่เวยก็รู้ว่ารองเจ้ากรมโจวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเงินภาษี นอกจากนี้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ธรรมดาสามัญคนนั้นก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน…เมื่อรู้ว่าทำให้รองเจ้ากรมโจวขุ่นเคือง การส่งญาติผู้หญิงในบ้านมาที่สำนักก็ถือเป็นมาตรการตอบโต้เช่นกัน เพียงแต่หนีจากเมืองหลวงทั้งครอบครัวจะไม่ดีกว่าหรือ ส่งญาติผู้หญิงมาที่สำนัก แต่ผู้ชายในบ้านกลับยังคงอยู่ที่เมืองหลวง เช่นนั้น…นี่วางแผนอะไรไว้หรือเปล่า’
หลังจากนึกถึงชนวนที่รองเจ้ากรมโจวถูกไล่ออกจากตำแหน่ง องค์หญิงใหญ่ก็หรี่ตาคู่งามของนางลง นางพยักหน้าเล็กน้อย และนำองครักษ์ปีนเขาต่อ
…
‘จริงสิ!’
องค์หญิงใหญ่มองพินิจจ้าวโส่ว และพูดอย่างประหลาดใจ “ไม่เจอกันสิบวัน เจ้าสำนักดูแตกต่างไปจากเดิมมาก”
เมื่อก่อนเจ้าสำนักแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ผมหงอกยาวห้อยลงมา ระหว่างคิ้วดูมัวหมอง
ทว่าเขาในตอนนี้ ดวงตาดูสดใสมีจิตวิญญาณ เต็มเปี่ยไปด้วยพลัง และกระฉับกระเฉง
จ้าวโส่วไม่ได้ตอบตรงๆ แต่หัวเราะเสียงดัง “นักปราชญ์กล่าวว่า การเรียนไม่เกี่ยวกับอายุ ผู้บรรลุเข้าใจก็เป็นอาจารย์ได้”
การเรียนไม่เกี่ยวกับอายุ ผู้บรรลุเข้าใจก็เป็นอาจารย์ได้…ความหมายของเขาคือ บางคนเป็นอาจารย์ของเขาได้ แต่อายุกลับไม่มาก…เกี่ยวข้องกับปราณใสพุ่งขึ้นฟ้าที่ตำหนักรองปราชญ์เอกในวันนั้นหรือไม่
นางสนใจปรากฏการณ์ที่ตำหนักรองปราชญ์เอกมาก ความปรารถนาในการเรียนรู้ลุกโชน เพราะนี่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางระบบความคิดลัทธิเต๋าของลัทธิขงจื๊อ และเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของราชสำนักในอนาคต
‘สรุปวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง