บทที่ 591 องค์หญิง (1)
หลินอันกับหย่งซิ่งเติบโตมาด้วยกัน นางรู้นิสัยเขาเป็นอย่างดี
เมื่อเห็นท่าทีเร่าร้อนของเขา ทั้งยังเรียกในเวลานี้ด้วย ก็รู้ทันทีว่ามีเรื่องร้อนใจอยากให้ช่วย
ตอนที่เขายังเป็นรัชทายาทอยู่นั้น มีเรื่องอยากขอร้องเสด็จพ่อ แต่ตัวเองไม่สะดวกออกหน้าเอง จึงไหว้วานให้นางออกหน้าไปหาเสด็จพ่อ
ถึงอย่างไรเสีย องค์หญิงรองอย่างนางก็เป็นที่โปรดปรานที่สุดในบรรดาพระราชบุตรและพระราชธิดาทั้งหลาย
“เสด็จพี่จักรพรรดิ มีเรื่องอันใดก็ตรัสมาตามตรงเถิดเพคะ”
หลินอันมองซ้ายแลขวาพักหนึ่ง ในห้องทรงอักษรไม่มีเก้าอี้ นอกจากจักรพรรดิจะประทานที่นั่งให้เท่านั้น มิเช่นนั้นใครก็ตามที่อยู่ที่นี่ล้วนต้องยืนทั้งสิ้น
หย่งซิ่งเดินมาตรงหน้าน้องสาวร่วมท้อง สร้างสถานการณ์หลอกล่อให้นางอยากรู้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า ทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหาพลังเสียงในแผนรับบริจาคได้”
หลินอันแปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่จักรพรรดิจะเรียกนางมาเพราะอยากให้นางออกหัวคิดกำหนดแผน
หลินอันรู้สึกเบิกบานที่ถูก ‘ปูนบำเหน็จรางวัล’ ในทันที รู้สึกดีใจที่ไปหาฮว๋ายชิ่งในช่วงหลังเที่ยง นางรีบกล่าวออกมา
“ต้องการคนที่มีชื่อเสียงบารมีมากพอมาออกเสียง เสด็จพี่จักรพรรดิเพิ่งครองราชย์ บารมีไม่มากพอ ยากที่จะควบคุมกลุ่มขุนนางได้”
หย่งซิ่งกลับอึ้งไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าสติปัญญาของน้องสาวร่วมอุทรจะพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
จึงอาศัยโอกาสถามตามหัวข้อบทสนทนา “เช่นนั้นหลินอันคิดว่าใครมีชื่อเสียงบารมีมากพอ”
หลินอันนำคำของฮว๋ายชิ่งมาพูด
“ในราชวงศ์นี้ ผู้มีชื่อเสียงบารมีที่ทำให้กลุ่มขุนนางบริจาคอย่างเต็มใจได้ มีแค่ท่านโหราจารย์กับสวี่ชีอันเท่านั้น”
“ท่านโหราจารย์คือผู้มีชื่อเสียงบารมีที่แท้จริง แต่สวี่ชีอันมีชื่อเสียงชั่วร้ายมากกว่า ไม่มีใครกล้ายุแหย่เขา”
สำหรับทหารระดับสุดยอดที่โค่นกั๋วกงและสังหารจักรพรรดิได้ ต่อให้บัณฑิตจะกระดูกแข็งแค่ไหนก็ไม่โง่ที่จะงัดข้อกับเขา
“หลินอันฉลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
หย่งซิ่งชมด้วยความแปลกใจไปหนึ่งประโยค จากนั้นก็กล่าวต่อ
“ข้าอยากไหว้วานเจ้าไปพูดเกลี้ยกล่อมให้สวี่ชีอันออกหน้าช่วยหน่อย เฮ้อ เจ้าก็รู้ว่าข้าเพิ่งครองราชย์ไม่นาน ปีกยังไม่แข็งพอ ราชสำนักในตอนนี้ ภายในไม่มีความสงบ ภายนอกก็ถูกรุกราน ดันมาเผชิญกับภัยธรรมชาติอีก จำเป็นต้องใช้เงินบรรเทาทุกข์เร่งด่วน”
ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้…หลินอันยิ้มอย่างขมขื่นซึ่งพบเจอได้น้อยครั้ง ใบหน้ารูปไข่อวบอิ่มชุ่มชื้นเผยแววสิ้นหวัง
“เขาไม่อยู่เมืองหลวง ทั้ง…ทั้งยังไม่เคยติดต่อข้าด้วย”
ตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา นางไม่สบายใจเล็กน้อย ราวกับถูกคนบังคับให้ยอมรับว่าตนเองไม่ได้อยู่ในใจของเจ้าสุนัขรับใช้เลย
หย่งซิ่งไม่สนใจความรู้สึกอ้างว้างของนาง นี่คือเวลาที่เขารอคอย จึงรีบกล่าวออกมา
“ไม่ หลินอัน เจ้าไม่รู้ว่าเขากลับมาแล้ว จะต้องเป็นเขาที่กลับมาแล้ว ทั่วทั้งต้าฟ่งนอกจากเขาแล้ว ไม่มีทหารระดับเหนือมนุษย์คนใดปรากฏตัวในสำนักโหราจารย์ได้”
หลินอันเบิกตากว้างในฉับพลัน ลมหายใจถี่อย่างเห็นได้ชัด ตามมาด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น นางคว้าแขนจักรพรรดิหย่งซิ่งไว้
“จริงหรือ เขากลับมาแล้วจริงๆ หรือ”
จักรพรรดิหย่งซิ่งพยักหน้า “ยามตะวันรอน มีคลื่นพลังปราณของระดับเหนือมนุษย์ปรากฏขึ้นที่สำนักโหราจารย์ ดูเหมือนจะเป็นเขา ข้าส่งคนสอบถามแล้ว”
…
พอท่านโหราจารย์โบกมือ ค่ายกลส่งตัวก็สว่างขึ้นใต้ร่างพระอรหันต์ตู้ฉิง แสงพุ่งจากล่างขึ้นบนและกลืนเขาจนมิด พริบตาเดียวก็หายไปจากแท่นแปดทิศ
หลังจากขังพระอรหันต์ตู้ฉิงไว้ในชั้นใต้ดินแล้ว ใบหน้าชราของท่านโหราจารย์ที่เต็มไปด้วยรอยย่นก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ตบะรุดหน้าไม่เลว”
ท่านโหราจารย์ ในคำพูดของท่านยังมีความหมายแฝงอยู่นี่…สวี่ชีอันซุบซิบในใจไปทีหนึ่ง เขามองดูลั่วอวี้เหิงที่หน้าเอิ่มเอิบไปด้วยความรัก ดูเหมือนน่ารักใสซื่อ แต่ความจริงแล้วเป็นคนที่ออกแนวหึงโหด
เขากระแอมไอทีหนึ่งแล้วละสายตากลับมากล่าว
“ท่านให้ราชครูบอกต่อข้าว่า เหตุการณ์ทั้งหมดอาจเปลี่ยนแปลงในฤดูหนาวปีนี้ หมายความว่าอย่างไร”
ท่านโหราจารย์ได้ยินก็ยกจอกสุราขึ้นมาดื่มไปหนึ่งอึก และค่อยๆ กล่าว
“ไม่ว่าแผ่นดินต้าฟ่งจะเปลี่ยนมือหรือไม่ คนแก่อย่างข้าจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกห้าร้อยปีหรือไม่ และผู้โชคดีอย่างเจ้าที่แบกชะตาบ้านเมืองไว้ครึ่งหนึ่งจะพลีชีพเพื่อบ้านเมืองหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฤดูหนาวนี้แล้ว”
สวี่ชีอันสีหน้าหนักอึ้ง “ท่านใช้วิธีการ ‘อาณัติสวรรค์’ สอดส่องความลับสวรรค์ ได้ข้อสรุปอย่างไร”
ท่านโหราจารย์กล่าวด้วยท่าทีไม่พอใจ “ที่ข้าใช้คือสมอง”
…สวี่ชีอันครุ่นคิดเงียบๆ สิบกว่าวินาที ก่อนคาดเดาออกมา “ท่านบอกว่ากบฏอวิ๋นโจวจะก่อการในฤดูหนาวนี้”
หลังจากลั่วอวี้เหิงบอกต่อประโยคนี้ไปแล้ว นางก็เคยคาดคะเนออกมาคล้ายกัน
ท่านโหราจารย์พยักหน้า นับว่าพอใจคำตอบของเขามาก และค่อยๆ กล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง