ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 601

บทที่ 601 สีสันที่สดสวย

สวี่ชีอันอุ้มมู่หนานจือเป็นแนวขวาง เดินเข้าไปในห้องพระบรรทม เลิกผ้าห่มนวมพร้อมกับวางนางลง

ตอนที่นางทำอาหารอยู่ในครัว สวี่ชีอันก็ได้ปูเตียงไว้เรียบร้อยแล้ว

ตอนที่เดินทางออกจากเมืองหลวง ได้เก็บผ้าปูที่นอนและผ้านวมไว้ในตู้ไม้เป็นอย่างดี และใส่เครื่องหอมไล่แมลงไว้ ตอนนี้สามารถนำออกมาใช้ได้ทันที

“นอนเถอะ!”

สวี่ชีอันเก็บอากาศธาตุที่ทำให้มึนเมาที่ตู๋กู่ปล่อยออกมาอย่างเงียบๆ นั่งลงที่ขอบเตียง จับข้อเท้าของมู่หนานจือขึ้นมา ค่อยๆ ถอดรองเท้าปักลายออกอย่างเบามือ จากนั้นก็ถอดถุงเท้าสีขาว

ไม่นาน เท้าขาวสะอาดเนียนนุ่มก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา

มันมีขนาดเท่ากับฝ่ามือของสวี่ชีอัน เส้นโค้งหลังเท้าราบรื่น นิ้วเท้ากลมกลึง เล็บเท้าตัดแต่งไว้อย่างสะอาดสวยงาม ภายใต้ผิวขาวผ่องเห็นเส้นเลือดดำอยู่รำไร

ฝ่าเท้าของนางเป็นสีชมพู จับอยู่ในมือ ราวกับหยกงามที่ละเอียดที่สุด อบอุ่นอ่อนนุ่มที่สุด

นิ้วโป้งของสวี่ชีอันกดที่ส้นเท้า แตกต่างจากส้นเท้าของตัวเองที่ฝึกวิทยายุทธ์ตลอดปี ดังนั้นจึงมีหนังด้านหนาๆ ส่วนเท้าของนางนั้นอ่อนนุ่ม

‘หยุดแค่นี้พอ หยุดแค่นี้พอ…’

เขาบังคับตัวเองให้วางเท้าทั้งสองข้างลง ดึงผ้าห่ม คลุมลงบนร่างอันอรชรที่งดงามอย่างยิ่งของพระมเหสี จากนั้น ก็วางสุนัขจิ้งจอกขาวไว้ใต้ผ้าห่มเช่นเดียวกัน

นึกไปนึกมา ก็นึกถึงตอนที่ไป๋จีหายใจไม่ออกจนถีบขาทั้งสองข้างไปมา จึงนำมันออกมาจากผ้าห่ม พันเสื้อคลุมให้มัน จากนั้นก็เป่าเทียน ปิดประตู สวี่ชีอันมาถึงลานบ้าน ลูบแก้มแม่ม้าน้อย

“เจ้าม้าน้อย หน้าที่ดูแลพวกนางขอมอบให้เจ้าก็แล้วกัน”

ม้าตัวน้อยเพิ่งกินถั่วเสร็จจึงอารมณ์ดี ใช้ใบหน้าซุกไซ้หลังมือของเขา

ตำหนักเส้าอิน

ห้องนอนกว้างใหญ่หรูหรา หลังฉากกั้น แบบสามบานพับที่ลอกแบบ ‘ภาพดอกโบตั๋นและนกกระเรียนคู่’ มีไอน้ำลอยขึ้น

น้ำในถังอาบน้ำสีแดงดังจ๊อกๆ พระเพลาคู่งามก้าวออกจากถังน้ำ นางกำนัลสองคนที่สวมชุดผ้าโปร่งคอยรับใช้อยู่ข้างๆ คนหนึ่งรีบกางผ้าไหมเช็ดหยดน้ำบนพระวรกายขององค์หญิง

ส่วนอีกคนหนึ่งหยิบเสื้อผ้าที่แขวนไว้ฉากกั้น เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้านาย

ครู่หนึ่ง หลินอันที่รวบพระเกศาสูงก็ทรงพระดำเนินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น เสื้อผ้าไหมตัวในสีฟ้า เข้าชุดกับกระโปรงสีน้ำเงินชายกระโปรงลากพื้น พระองค์ทรงงอพระเพลาประทับขัดสมาธิบนเตียง ตรัสถามว่า

“ยาเม็ดที่ให้พวกเจ้าไปเอาที่ห้องพระโอสถเอามาครบแล้วหรือยัง?”

นางกำนัลทางด้านซ้ายมือตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ยาเม็ด เงิน เสื้อผ้า…เตรียมพร้อมหมดแล้วเพคะ

นางกำนัลที่อยู่ด้านขวาปิดปากขำ แล้วพูดว่า

“องค์หญิงเตรียมของพวกนี้ไว้ทำอะไรหรือเพคะ”

นางกำนัลทางด้านซ้ายมือตีนางทีหนึ่ง แล้วหยอกล้อว่า

“รู้อยู่แล้วยังแกล้งถามอีก กล้าล้อเล่นกับพระองค์ ระวังจะทรงฉีกปากเจ้า”

นางกำนัลทั้งสองคนหัวเราะ “คิกคัก” ขึ้นมา

องค์หญิงตรัสว่าทรงแบ่งเขตกับคนคนนั้นอย่างชัดเจนแล้ว จะไม่เกี่ยวข้องกันอีก แต่ความจริงแล้วทรงแอบเตรียมยาเม็ด เงินและเสื้อผ้า ทรงกลัวว่าคนคนนั้นได้รับบาดเจ็บแล้วจะไม่มียากิน ท่องยุทธภพจะไม่มีเงิน เร่ร่อนอยู่ข้างนอกเรื่องการแต่งกายจะไม่สะดวกสบาย

ปัจจัยสี่ล้วนพิจารณาครบถ้วนแล้ว

พวกนางถวายการรับใช้องค์หญิงมาหลายปี ยังไม่เคยเห็นพระองค์ทรงเป็นเช่นนี้มาก่อน

องค์หญิงหลินอันทรงเป็นใครกันน่ะหรือ? ทรงเป็นองค์หญิงที่เย่อหยิ่งที่จักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง คนที่เป็นที่โปรดปรานมากๆ โดยทั่วไปจะเป็นคนที่ไม่สนใจคนอื่น แล้วทรงใส่ใจผู้ชายคนหนึ่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ยายตัวร้ายทรงจ้องพวกนางเขม็ง แล้วตรัสถามว่า

“วันนี้ทางตำหนักมีการส่งข่าวมาหรือไม่”

ตำหนักที่พระองค์ตรัสถึง คือตำหนักหลินอันในเขตพระราชฐาน ตำหนักที่จักรพรรดิพระองค์ก่อนทรงพระราชทานให้พระองค์

พระสุรเสียงของยายตัวร้ายราบเรียบ คล้ายกับไม่ได้ตั้งใจถาม แต่ในดวงพระเนตรที่แวววาวงดงาม มีแววรอคอย

นางกำนัลทั้งสองคนเงียบไปทันที สบตากัน ตอบอย่างระมัดระวังว่า

“ทางพระตำหนักไม่มีการส่งข่าวเข้ามาเลยเพคะ”

ความหวังในดวงพระเนตรเรียวงามจางหายไป พระองค์ทรงฝืนแย้มพระสรวลพร้อมพยักพระพักตร์ ส่งเสียง “อ้อ”พระองค์ทรงรออยู่ในวังมาทั้งวัน เขาก็ไม่มาอธิบายให้ตนเองฟัง นับตังแต่แยกกันที่สำนักโหราจารย์ ก็ดูเหมือนพระองค์จะถูกลืมไปแล้ว

ตอนนี้ ตำหนักองค์หญิงในพระราชวังก็ไม่มีการส่งข่าวมา แสดงว่าสวี่ชีอันก็ไม่ได้ไปฝากข้อความไว้ที่นั่น

พระองค์ทรงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แล้วก็ทรงตรัสเบาๆ ว่า

“ข้าเหนื่อยแล้ว”

นางกำนัลทั้งสองคนออกจากห้องพระบรรทมอย่างรู้กาลเทศะไปที่ห้องด้านนอก

พวกนางดูออก ว่าพระองค์อารมณ์ไม่ดี อีกสักครู่ไม่แน่ว่าอาจจะทรงซ่อนพระองค์แอบเช็ดน้ำพระเนตรอยู่ใต้ผ้าคลุมบรรทมก็เป็นไปได้

แม้ว่านางกำนัลทั้งสองจะเข้าใจหลินอันอย่างยิ่ง แต่พวกนางยังคงดูถูกศักดิ์ศรีของหลินอัน เพราะพระองค์ไม่ได้เช็ดน้ำพระเนตรอยู่ใต้ผ้าคลุมบรรทม เพราะน้ำพระเนตรยังคลอพระเนตรอยู่ ไม่ได้ไหลลงมา

พระองค์ทรงห่มผ้าคลุมบรรทมนวมอันแสนนุ่ม เอียงพระวรกายขดพระวรกาย

จนถึงตอนนี้ยายตัวร้ายยังไม่เข้าใจว่า เป็นถึงราชครู แม้แต่เสด็จพ่อยังไม่ได้ครอบครอง แต่กลับถูกใจสุนัขรับใช้ของตัวเองเสียอย่างนั้น

เมื่อนึกถึงท่าทางภูมิอกภูมิใจ วางอำนาจจนเกินจริงของลั่วอวี้เหิง ในพระทัยก็ทรงพิโรธอย่างยิ่ง ทรงอยากจะฉีกหญิงแก่คนนั้นเป็นชิ้นๆ แต่นางก็กล้าคิดแค่ในใจเท่านั้น

ถ้าหากศัตรูหัวใจคือลั่วอวี้เหิง หลินอันไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย ถึงแม้พระองค์จะเป็นองค์หญิง และยอมรับในความงามของตัวเอง แต่ลั่วอวี้เหิงเป็นเพียงผู้นำเต๋านิกายมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งสามารถบดขยี้พระองค์ได้

พระองค์ทรงอดนึกถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในอดีตไม่ได้ นึกถึงตอนที่สวี่ชีอันคุยเล่นเป็นเพื่อน เล่นหมากรุกกับพระองค์ ในที่สุดน้ำพระเนตรที่คลอเบ้าอยู่ก็ร่วงลงมา

ยายตัวร้ายทรงรู้สึกว่าตัวเองอกหักแล้ว แม้ว่าพระองค์จะไม่รู้จักคำคำนี้

น้ำพระเนตรไหลมากยิ่งกว่าเดิม พระองค์ทรงบรรทมตะแคง พระพักตร์ครึ่งหนึ่งฝังอยู่ในพระเขนยที่นุ่มนิ่ม

“ก่อนนอนห้ามร้องไห้ มิเช่นนั้นพระเนตรจะอักเสบ”

ในเวลานี้ ด้านในพระแท่นบรรทมมีคนส่งผ้าเช็ดหน้าให้

ยายตัวร้ายส่งพระสุรเสียง ‘อือ’ แล้วทรงรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำพระเนตร จากนั้นพระวรกายก็แข็งทื่อ รู้สึกถึงความผิดปกติ พระองค์ทรงดีดพระวรกายขึ้นมา แล้วทรงกรีดร้องออกมาด้วยพระสุรเสียงแสบแก้วหู

ขณะที่ทรงกรีดร้อง พระองค์ทรงเห็นคนที่อยู่ด้านในพระแท่นบรรทมชัดเจนแล้ว สวมชุดคลุมยาวสีดำ ศีรษะสวม หมวกหยก แต่งกายเป็นคุณชายจากครอบครัวที่ร่ำรวย

สุนัขรับใช้ของพระองค์นั่นเอง

“ปังปัง!”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น นางกำนัลสองคนเคาะประตูอยู่ข้างนอก ตะโกนเรียก

“องค์หญิง องค์หญิง?”

หลินอันทรงจ้องหน้าสวี่ชีอันอย่างดุร้าย ดึงผ้าคลุมบรรทม มาคลุมตัวเขาไว้ ตรัสพระสุรเสียงต่ำว่า

“อย่าส่งเสียง…”

ทรงสูดพระนาสิก กระแอมสองสามครั้ง เพื่อทำให้พระสุรเสียงของพระองค์ฟังดูปกติแล้วตรัสว่า “เข้ามา”

เสียงกรีดร้องเมื่อครู่ตกใจและหวาดกลัวเกินไป ไม่ใช่แค่คำพูดว่า “ข้าไม่เป็นอะไร” ก็จะสามารถแล้วกันไปได้ เพราะ

นางกำนัลจะคิดว่า เจ้านายที่อยู่ข้างในจะถูกบีบบังคับอยู่หรือไม่ พวกนางเป็นนางกำนัลที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ยากที่จะหลอกได้

พระทวารห้องพระบรรทมถูกผลักออก นางกำนัลคนหนึ่งเข้ามาสีหน้าตกใจห่วงใย นางกำนัลนั้นอยู่ด้านนอก ท่าทางระมัดระวังไม่ได้เข้ามา เพื่อความสะดวกต่อการวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือ

นางกำนัลที่เข้ามา มองซ้ายแลขวาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่พระแท่นบรรทมแล้วจึงถามว่า

“องค์หญิง เกิดอะไรขึ้นเพคะ?”

หลินอันทรงตรัสเรียบๆ ว่า “เมื่อครู่ฝันร้าย ไม่มีอะไรแล้ว”

นางกำนัลจ้องขอบพระเนตรของพระองค์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เข้าใจทันที จึงเชื่อพอสมควร จากนั้นก็สำรวจที่พระแท่นบรรทมอีกครั้ง

โชคดีที่นับตั้งแต่ท้องพระคลังว่างเปล่า จักรพรรดิหย่งซิ่งได้ทรงลดค่าใช้จ่ายทุกอย่างของนางสนม สมาชิกราชวงศ์ ถ่านเนื้อทองที่ราคาแพงลิ่วก็รวมอยู่ในนั้นด้วย

ไม่สามารถเรียกเอาอย่างไม่บันยะบันยังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นสิ่งที่หลินอันทรงใช้ห่มได้เปลี่ยนจาก ‘ผ้าไหม’ และ ‘ผ้าคลุมบรรทม’ แบบบาง มาเป็น ‘ผ้าคลุมบรรทม’ที่หนาขึ้นกว่าเดิม ผ้าห่มที่ยัดขนแกะและขนเป็ด หนาและนุ่มฟู ช่วยซ่อนสวี่ชีอันไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

“องค์หญิง ร้อนเกินไปหรือไม่เพคะ? พระพักตร์ของพระองค์แดงมากๆ เลย”

นางกำนัลพูดด้วยความเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นอะไร”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง