ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 603

บทที่ 603 เรื่องลี้ลับ

สวี่ชีอันเงยหน้ากระดกเหล้า ครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เว่ยกง ข้าจะรายงานข่าวให้ฟังเสียก่อน หลังจากจักรพรรดิหยวนจิ่งสิ้นพระชนม์ ปราณมังกรก็สิ้นสลาย ต้าฟ่งก็ตกอยู่ในอันตราย

“สำนักพ่อมด สำนักพุทธและชีพจรห้าร้อยปีก่อน ต่างก็กระหายในปราณมังกร หลังจากเดินทางเป็นเวลาหนึ่งเดือน ข้ารวบรวมปราณมังกรหลักๆ ได้สามตัวและปราณมังกรที่แตกสลายหนึ่งตัว

“ท่านราชครูพูดไว้ว่า ปราณมังกรที่แตกสลายไม่ต้องใส่ใจมาก เพียงรวบรวมปราณมังกรสำคัญทั้งเก้าเท่านั้น ปราณมังกรที่แตกสลายจะรวมตัวด้วยตัวเอง

“อย่างไรเสีย ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องรวบรวมปราณมังกรให้ครบทั้งเก้าตน เพราะมันยากเกินไป ตราบใดที่หนึ่งในปราณมังกรถูกศัตรูพบ นำกลับไปที่กองบัญชาการสูงสุด ข้าก็จนปัญญา

“ดังนั้นจึงควรรวบรวมปราณมังกรให้ได้มากที่สุด เพื่อรักษาการล่มสลายของต้าฟ่ง เช่น รวบรวมปราณมังกรมากกว่าครึ่งหนึ่งก็เพียงพอแล้ว หรือบางที ท่านโหราจารย์อาจมีแผนอื่น จริงๆ แล้วเขาลึกล้ำจนยากจะหยั่งรู้

“หากท่านยังมีชีวิตอยู่ เว่ยกง ข้าคงไม่ต้องทนทุกข์ระทมเช่นนี้…”

สวี่ชีอันจิบเหล้าอีกครา พร้อมถอนหายใจแผ่วเบา

“การเสียสละของท่าน ไม่ได้นำพาการเปลี่ยนแปลงต้าฟ่งไปในทางที่ดี แม้ท่านโหราจารย์กับจ้าวโส่วจะบอกว่าท่านซื้อเวลาให้กับศูนย์กลางก็ตาม

“ตลอดการเดินทางมาที่นี่ อากาศเหน็บหนาว มองเห็นบางเรื่องด้วยตาตนเอง ถึงแม้บ้านเมืองเจริญ ราษฎรก็ยังเดือดร้อน บ้านเมืองพินาศ ราษฎรย่อมเดือดร้อน อย่ามาหลอกข้าเลยน่า

“ข้าพยายามเสี่ยงชีวิตเพื่อเปลี่ยนแปลงวิกฤตครั้งนี้ กอบกู้ต้าฟ่งจากการล่มสลาย สิ่งเดียวกันนี้เช่นกันเกี่ยวโยงกับชีวิตข้า หากสิ้นต้าฟ่ง ข้าผู้กุมชะตาแคว้นนี้ไว้ครึ่งหนึ่งก็ต้องพลีชีพเพื่อแคว้นเช่นกัน

“หลายครั้งหลายคราที่รู้สึกหลงทาง ไม่รู้จะไปทางไหน หากท่านยังอยู่ก็คงดี

“อ่า จริงสิ ในที่สุดข้าก็ได้จับคู่บำเพ็ญกับท่านราชครู นางเป็นคู่บำเพ็ญข้าแล้ว แต่ตอนนี้นางกำลังเกลียดขี้หน้าข้าจนอยากแทงให้ตายด้วยกระบี่ แม่เสือสาวของแท้สินะ…

“ก่อนหน้านี้ข้ากระหายในกายท่านราชครู นางสวยเสียจนข้าหลงหัวปักหัวปำ บำเพ็ญคู่ระยะนี้ ทำให้ข้าเกิดความรู้สึกหลากหลายกับนาง นี่คงเข้าตำราขึ้นรถก่อน ค่อยซื้อตั๋วกระมัง

“หนึ่งในความทุกข์ใจคือนางไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้หญิงคนอื่นของข้านัก…แต่ข้าดันบังคับนางไม่ได้ ต้องรอจนกว่านางจะสยบไฟแห่งกรรม หลังผ่านวิบากกรรม นางก็จะกลายเป็นเซียนขั้นหนึ่ง

“คิดๆ แล้วก็หมดหวัง หรือบางที พวกหลินอันก็คงหมดหวังยิ่งกว่า เอาเถอะ ข้าผิดที่มักมากในกาม เว่ยกง ท่านน่ะเจ้าชู้ตัวพ่อ ต้องเข้าใจข้าใช่หรือไม่

“รอข้าฟื้นฟูตบะจนถึงขั้นสามสูงสุด ข้าถึงจะบำเพ็ญคู่กับมู่หนานจือได้ ด้วยเสน่ห์อันเหลือล้นของข้า นางไม่ปฏิเสธเป็นแน่ แต่ข้าต้องไม่คิดฉกฉวยพลังปราณนาง

“บางที เคล็ดลับในห้องหับเต๋าโบราณอาจแก้ปัญหานี้ได้ พวกเราต่างก็ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน

“นอกจากนี้นะ นิสัยฮว๋ายซิ่งก็แข็งกร้าว ทั้งยังเป็นจอมเผด็จการ ข้าแวะไปหานางเมื่อวานนี้ นางอ้างว่าตนไม่สะดวก จึงยืนกรานให้ข้าอยู่นอกห้องเกือบครึ่งชั่วยาม

“ท่านเดาสิว่าข้าเจอนางได้อย่างไร ข้าพูดว่า หลินอัน ข้ายังไม่ไปไหนนะ

“นางอาจเจอข้าที่นี่ หากนางรู้ว่าข้ามาพบหลินอันก่อน…”

สวี่ชีอันขัดสมาธิบนพื้น ก่อนเอนหลังพิงเตียงสลัก ขณะเดียวกันก็ร่ำสุรา ผินหน้ามองเว่ยกงพลางพูดอย่างไร้หนทาง

“ข้าขอโทษ แท้จริงแล้วข้าไม่มีแม้แต่พลังและเวลาไปรวบรวมส่วนประกอบระฆังคุมวิญญาณ สถานการณ์บีบบังคับให้ข้าต้องรวบรวมปราณมังกรเสียก่อน

“ก่อนหน้านี้ ข้าอาจขอเลือกชุบชีวิตท่านก่อน ตอนนี้ ข้าขอเลือกช่วยชาติก่อนแล้วกัน เพราะนี่คือความรับผิดชอบที่ข้าแบกไว้ ตอนท่านฝึกยุทธ์คราแรกก็เพื่อก้าวเข้าสู่ขั้นสาม เพื่อพาฮองเฮาออกจากเมืองหลวง

“แต่พอท่านมีทั้งตบะและอำนาจก็เที่ยวดูถูกผู้คน เลือกหดหัวอยู่ในราชสำนัก ยอมเป็นหมากเบี้ยของหยวนจิ่ง เป็นผู้แก้ต่างให้จักรพรรดิ

“โลกจะสงบสุขทั้งสองฝ่ายก็ต่อเมื่อละจากทางธรรมและทางโลก”

สวี่ชีอันละสายตา ยังคงพูดฉอดๆ ไม่หยุด

“ข้ารับลูกศิษย์มาเพิ่ม ชื่อเหมียวโหย่วฟาง คุณสมบัติปานกลาง แต่มีจิตใจกล้าหาญ ความฝันของเขาคือการเป็นวีรบุรุษผู้สง่างาม

“ตอนนั้น จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าควรมอบโอกาสให้เขา เพราะตอนนั้นท่านก็เป็นคนมอบโอกาสให้ข้า ให้คนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างข้าได้เป็นฆ้องเงินสวี่ในตอนนี้

“ท่านชุบเลี้ยงคนให้กับราชสำนัก รวมถึงข้าด้วยเช่นกัน

“เว่ยกง นี่คือมรดกที่ท่านมอบให้ข้า”

หลังพูดจบ เหยือกเหล้าก็เหลือค่อนเหยือก

สวี่ชีอันพยุงตัวเองขึ้น ค้อมกายคำนับปลายเตียง เพื่อแสดงความเคารพ ก่อนออกจากห้องลับไป

เขารักษาความสามารถ ‘วิชาดวงดาราผันเปลี่ยน’ ไม่ให้กลิ่นอายตนหลุดรอดแม้แต่น้อย ขณะติดต่อซุนเสวียนจีผ่านความช่วยเหลือจากหอยสังข์

เมื่อติดต่อได้ทางเดียว เขาจึงพูดให้กระชับสั้นเพียงประโยคเดียว

‘เจอกันข้างล่าง!’

เขาไม่ปล่อยโอกาสให้ศิษย์พี่ซุนตอบกลับ ตัดการสื่อสารทันที

เมื่อซุนเสวียนจีมาถึงชั้นล่าง เขาก็เห็นสวี่ชีอันกำลังยีผมยุ่งเหยิงของศิษย์น้องห้าพอดิบพอดี

“เจ้าต้องอยู่สำนักโหราจารย์รอข้ากลับมา ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากพาเจ้าไปด้วย เพียงแต่มันอันตรายเกินไป

“เจ้าคงไม่อยากสิ้นใจไปก่อนวัยอันควร โดยไม่ได้แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยหรอกกระมัง”

ปลายนิ้วสวี่ชีอันสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเส้นผม แม้จงหลีจะดูไม่ใส่ใจเสื้อผ้าหน้าผม ปล่อยผมเผ้ารุงรัง มักปล่อยให้คนเข้าใจว่าตนไม่ได้ใส่ใจสุขลักษณะ

แต่ผมกลับนุ่มลื่น ไร้กลิ่นกาย เพราะความจริงแล้วนางรักสะอาดมาก

จงหลีไม่ได้ปัดป้องการลูบหัวของสวี่ชีอัน กระซิบเอ่ยอ้างว่า

“โชคดีของเจ้าอาจบรรเทาความโชคร้ายได้ ดังนั้นอาจไม่เกิดเรื่องกับข้า”

ศิษย์พี่จง ในฐานะที่เจ้าเป็นสตรี กลับแสร้งทำไขสือ…สวี่ชีอันพูดเสียงเข้ม

“ลืมน้ำซุปร้อนๆ จากไต้ซือเหิงหย่วนนอกเมืองหย่งโจวแล้วหรือ ลืมว่าเกิดอะไรขึ้นในวังใต้ดินแล้วหรือ ลืมโชคร้ายทั้งหมดที่เจ้าเผชิญในบ้านข้างั้นหรือ”

จงหลีเอ่ย “แต่ตอนนี้เจ้ามีปราณมังกรครึ่งร่าง ผนวกกับโชคดีแต่เดิม…”

สวี่ชีอันจ้องนางพลางเอ่ยว่า “เจ้ายังไม่เบื่อหรือ”

จงหลีก้มหน้า ด้วยท่าทีน้อยอกน้อยใจของคนฆ่าเวลา ไม่กล้าปริปาก

สวี่ชีอันมองซุนเสวียนจี เอ่ยว่า

“ศิษย์พี่ซุน รบกวนพาข้าออกจากเมืองหลวงที”

เขากลัวว่าราชครูยังคงลาดตระเวนอยู่ในเขตเมืองหลวง และถ้าเขาเจอเข้า กำปั้นเล็กๆ ของราชครูอาจทุบหน้าอกของเขาจนตาย

คิดอีกแง่ ถ้ามีผู้ใดปล่อยให้ตนตายในสภาพนี้ สวี่ชีอันคงจะบ้าไปแล้ว

ซุนเสวียนจีขานรับ “อืม” มองจงหลีแล้วเอ่ยว่า

“นาง…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง