เขาลอบสำรวจสวี่ชีอัน เมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาตึงเครียดและฝืนยิ้ม เขาก็โล่งใจ “ข้าเพิ่งได้รับคำสั่งให้พาเจ้ากลับไปสอบปากคำ ข้อมูลภายในที่เฉพาะเจาะจงไม่ชัดเจนนัก แต่เมื่อไปถึงที่ทำการปกครอง เจ้าจงจำไว้ว่าสิ่งที่ควรพูดอย่าปิดบัง สิ่งที่ไม่ควรพูด แม้จะถูกตีจนตายก็อย่าได้พูด”
เวรล่ะ…นี่ข้ายังไม่ได้รู้ความจริงหรอกหรือ ไม่คุ้มค่าเงินสามสิบตำลึงเลย บัดซบ เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับข้อแก้ตัวที่ไม่จริงใจอย่าง ‘เชิญไปดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง’ เลย…สวี่ชีอันอยากตบชายตาตี่คนนี้จนตายนัก แต่เขาไม่กล้า
รถม้าแล่นผ่านย่านใจกลางเมืองและถนนสายยาว จนมาถึงที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลตอนช่วงสายๆ
สวี่ชีอันกระโดดลงจากรถม้า และเข้าไปในที่ทำการปกครองอันทรงเกียรติแห่งนี้ภายใต้การคุ้มกันของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลสองคน
สำนักงานสร้างจากลานขนาดสามอาคารสองแห่ง หอสูงตระหง่าน หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลที่สวมชุดสีดำติดฆ้องเดินเข้าเดินออก สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึม ท่าทางน่าเกรงขาม
ไม่รู้ว่าข้าจะถูกส่งเข้าคุกของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลหรือไม่ ที่นั่นเป็นสถานที่ที่โหดเหี้ยม…รอดูเงียบๆ ไปก่อน ข้าเป็นพลเมืองดี ข้าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย…สวี่ชีอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และสงบความวิตกกังวลลง
จากนั้นไม่นาน เขาก็ถูกพาเข้าไปที่ลานเล็กๆ แห่งหนึ่ง
ประตูลานมีหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลสองคนยืนอยู่ ทั้งสองฝ่ายทำการส่งมอบให้กัน ชายตาตี่หยุดที่ประตูลาน และยิ้ม “เข้าไปเถอะ อวยพรให้ตัวเองมากๆ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ออกไปกับเพื่อนที่หน้าตาเคร่งขรึม
สวี่ชีอันถูกพาเข้าไป หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลสองคนเปิดประตูห้อง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข้าไป”
นี่คือห้องไต่สวน ตรงมุมห้องมีเครื่องทรมานต่างๆ จัดวางอยู่ ตรงกลางมีโต๊ะยาวว่างเปล่าตัวหนึ่ง
เจ้าหน้าที่สอบปากคำยังไม่มา
สวี่ชีอันไม่กล้านั่งเก้าอี้ เขายืนอยู่ในห้อง และไตร่ตรองว่าเหตุใดหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลจึงตามหาตัวเอง
แต่เขายังไม่ทันได้คิดอะไรมาก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมา มีคนเข้ามาในลาน
ประตูห้องถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนที่ปักฆ้องเงินตรงหน้าอกสองคนเดินเข้ามา
สวี่ชีอันรู้สึกว่ากล้ามเนื้อยืดตึงในเสี้ยววินาที กวาดตามองฆ้องเงินทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว และต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าหนึ่งในนั้นเป็นคนกันเอง
จมูกของเขาโด่ง ใบหน้าล้ำลึก สีนัยน์ตาค่อนข้างอ่อน มีเชื้อสายชนเผ่าหนานหมาน[1]ครึ่งหนึ่ง
เขาคือฆ้องเงินที่เจอในห้องโถงหลังที่ว่าการตอนคดีเงินภาษี
“เจอกันอีกแล้ว” หลี่อวี้ชุนพยักหน้า ในดวงตาไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย
ฆ้องเงินสองคนนั่งด้านหลังโต๊ะ ท่าทางเคร่งขรึม และมองพินิจสวี่ชีอันด้วยสายตาแหลมคม
“ข้าถามเจ้าตอบ หากโกหก บทลงโทษรอเจ้าอยู่” ฆ้องเงินที่ไม่คุ้นเคยคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ขอรับ…” ใจของสวี่ชีอันหนักอึ้ง ทั้งสองคนต่างก็มองดวงตาของนักโทษ
หลี่อวี้ชุนขมวดคิ้ว “ก่อนที่จะตอบคำถาม จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน นี่เป็นมารยาทขั้นพื้นฐาน”
สวี่ชีอันพบว่าปกเสื้อของตัวเองหย่อนเกินไป ไม่สมมาตร ซึ่งเกิดจากการแอบล้วงตั๋วเงินบนรถม้า
เมื่อเขากระชับปกเสื้อ สีหน้าของหลี่อวี้ชุนก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เหมือนคลายความกังวล
ฆ้องเงินที่ไม่คุ้นหน้าคนนั้นถามว่า “เจ้ารู้ว่าคนที่ยุยงอยู่เบื้องหลังคดีเงินภาษีคือรองเจ้ากรมโจวใช่หรือไม่”
สวี่ชีอันตอบตามความจริง “ข้าได้ยินแม่นางไฉ่เวยแห่งสำนักโหราจารย์พูดถึงขอรับ”
“เช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าโจวลี่จัดการเจ้าเพื่อแก้แค้น”
“คิดขอรับ”
สวี่ชีอันจดจำคำเตือนของชายหนุ่มตาตี่ สิ่งที่ควรพูดอย่าปิดบัง วันนั้นเหล่าคนชุดขาวของสำนักโหราจารย์พุ่งเข้าไปช่วยเขาที่กรมอาญา จึงเป็นจุดสนใจของประชาชน จึงไม่อาจปฏิเสธได้
การยอมรับอย่างเปิดเผยน่าจะดีกว่า
“เจ้ารู้ว่าโจวลี่อยากกำจัดเจ้าใช่หรือไม่”
“รู้ขอรับ”
“ดังนั้น เพื่อไม่ให้ถูกคนสกุลโจวแก้แค้น เจ้าจึงลักพาตัวลูกสนมของเวยอู่โหว และโยนความผิดให้โจวลี่” ดวงตาขอฆ้องเงินที่ไม่คุ้นเคยคนนั้นส่องประกาย
แน่นอนว่าสำหรับเรื่องนี้…สวี่ชีอันไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ถึงขั้นแสดงความงุนงงออกมาที่ถูกกล่าวหา “ใต้เท้าพูดอะไร ข้าน้อยไม่เข้าใจ”
“วันที่ลูกสนมของเวยอู่โหวถูกลักพาตัวไป เจ้าไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในที่ว่าการอำเภอฉางเล่อ เจ้าไปที่ใด”
“ข้าน้อยไปฟังดนตรีที่หอคณิกา ข้าน้อยละเลยหน้าที่จริง และแอบหนีไปฟังดนตรีที่หอคณิกาบ่อยครั้งขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...