ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 626

บทที่ 626 เดิมพันชีวิต (1)

ผู้ล้อมชมบนยอดเขาทางใต้ต่างตกตะลึงตามเสียงดังลั่น

มีคนซุบซิบด้วยใบหน้าที่ซีดขาวว่า

“เทพอารักษ์สองคน และยังมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าคนนั้นอยู่บนฟ้าอีก ศึกครานี้ของฆ้องเงินสวี่อันตรายยิ่งนัก”

ทุกคนเงียบลงในอีกไม่นาน แม้แต่ชาวยุทธจักรที่บูชาสวี่ชีอันอย่างหลับหูหลับตาเหล่านี้ก็มองสถานการณ์ตรงหน้าออก

“คงจะมีคนอื่นๆ ที่มาช่วยสินะ”

มีคนเอ่ยปลอบขวัญ

หรงหรงสูดหายใจลึก กำหมัดแน่นและเม้มปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียด

คุณชายหลิ่วทอดถอนใจเงียบๆ ในความคิด พลางเป็นห่วงฆ้องเงินสวี่ พลางแหงนศีรษะมองอาจารย์ และอยากจะบอกว่า ดูเถอะ นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมข้าจึงไม่จีบนาง

หรงหรงมีเจ้าของหัวใจเช่นเดียวกับเขา กำลังคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึง

แต่ต่างกันตรงที่ คนที่หรงหรงคิดถึงห่างไกลเสียยิ่งกว่า

แต่มือกระบี่หนุ่มกำลังจ้องสนามรบที่อยู่ไกลออกไปอย่างไม่ว่อกแว่กขณะกำกระบี่คู่กายสุดที่รักไว้แน่น โดยไม่ทันได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของลูกศิษย์

ขณะนี้เอง เฉาชิงหยางและคนอื่นๆ ขี่อากาศบินมายังยอดเขาทางใต้

“ท่านประมุข”

จอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งรีบไปต้อนรับ

“ท่านประมุข มีคนมาช่วยอีกหรือไม่”

“ท่านประมุขคนเก่าผ่านช่วงวิกฤตได้หรือยัง พวกเราไม่อาจให้ฆ้องเงินสวี่ต่อสู้โดยไม่มีคนหนุน เขาเอาชนะยอดฝีมือมากขนาดนี้ไม่ได้”

“สตรีบนฟ้าผู้นั้นเป็นใครกัน”

คำถามผุดขึ้นมาติดต่อกันไม่ขาดสาย ผู้คนชิงพูดกันไปต่างๆ นานา

เฉาชิงหยางขมวดคิ้ว ขณะนั่งขัดสมาธิอยู่ริมหน้าผาอย่างเงียบๆ

เซียวเย่วหนูเอ่ยด้วยเสียงอันหนักแน่นว่า

“เงียบ!”

“ฆ้องเงินสวี่เคยแพ้เสียเมื่อไร”

คำพูดเรียบง่ายประโยคเดียว เหมือนจะส่งผลให้เหตุการณ์ยุติลง และทำให้เสียงอีกทึกครึกโครมรอบๆ สงบลงในชั่วพริบตา

พวกเขาย้อนนึกถึงเรื่องเล่าและเหตุการณ์ที่เคยกระทำของฆ้องเงินสวี่ในหัวเงียบๆ ก่อนพบว่าเขาไม่เคยแพ้มาก่อนจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นพิธีต้าวฮวดสำนักพุทธ การก่อกบฏที่อวิ๋นโจว ปกป้องด่านอวี้หยางคนเดียว สังหารทรราชและเหตุการณ์อื่นๆ

เขาไม่เคยพ่ายแพ้ ราวกับเป็นที่รักใคร่ของฟ้าดิน มีโชคติดตัวเป็นปกติ

แม่นางหรงหรงถอนหายใจ พร้อมปล่อยกำปั้นที่กำไว้แน่น

บรรดาสตรีของหอหมื่นบุปผาทยอยล้อมผู้ดูแลหอของตน พากันชมการต่อสู้ที่ริมหน้าผาตามนาง

‘ครืนๆๆ…’

สวี่ชีอัน ‘ดึง’ ตัวเองออกมาระหว่างที่ก้อนดินและเศษหลินกำลังกลิ้งลงมา สีหน้าของเขาเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นเทพอารักษ์ตู้ฝาน เทพอารักษ์ตู้หนานและเจ้าแห่งวัสสานน่าหลันเทียนลู่ ล้วนแต่แกร่งกว่าเขาในตอนนี้ หากตบะฟื้นฟู บางทีเขาอาจจะสามารถเอาชนะเทพอารักษ์หนึ่งในนั้นได้

แต่หากให้เขาหนึ่งต่อสามไปพร้อมกัน คงจะฝืนเกินไป

“พวกเขาไม่รู้จุดประสงค์ที่ข้าถ่วงเวลา นี่คือข้อได้เปรียบสูงสุดของข้า สิบห้านาที ขอเพียงสิบห้านาที หลังจากประมุขคนเก่าพ้นวิกฤติก็จะสามารถร่วมมือกับข้าตอบโต้พวกเขาได้”

“ฮืม ข้าเองก็ไม่ได้ต่อสู้ลำพัง ข้ายังมีกระบี่สยบดินแดนและดาบไท่ผิง”

พอเขานึกถึงตรงนี้เขาก็หยุดในทันที เพราะเมฆดำไหลล่องบนท้องฟ้า เสาอัสนีที่หนาเท่าอ่างน้ำลงมาอีกครั้ง

และในขณะนี้เอง ตงฟางหว่านหรงยื่นมือออกมาอีกครั้ง และปล่อยวิชาสาปสังหารใส่เขา

สายฟ้าสีน้ำเงินขาวที่สว่างเจิดจ้าปกคลุมเขา

สวี่ชีอันปรากฏตัวห่างออกไปหลายสิบจั้งและไม่ได้ถูกเสาสายฟ้าโจมตี เขาเพิ่งจะหลบผลกระทบจากวิชาสาปสังหารโดยอาศัย ‘โคจรปราณ’

วิชาสาปสังหารที่ไม่มีตัวกลางในการปล่อยใดๆ เช่นนี้ ไม่เพียงอานุภาพลดลง ยังถูกสกัดกั้นได้ง่ายอีกด้วย แต่ก่อนหน้านี้น่าหลันเทียนลู่อาศัยการยับยั้งระดับสูง จึงทำให้สวี่ชีอันถูกกระบวนท่า

ส่วนครั้งนี้ สวี่ชีอันอาศัย ‘โคจรปราณเสริมร่าง’ จึงทำให้น่าหลันเทียนลู่โจมตี ‘พลาด’

จากนั้นก็หนีไปโดยใช้วิชากระโดดสู่เงา

เขาเพิ่งจะยืนทรงตัวได้ เทพอารักษ์ตู้หนานก็วิ่งตะบึงแล้วกระโดดสุดแรงโผเข้าโจมตีสวี่ชีอันภายใต้ ‘แรงผลัก’ ที่พังถล่มพื้นดิน และสะบั้นดาบฝ่ามือไปที่คอของเขา

“พุทธบุตร ในเมื่อท่านไม่ยอมมาเข้ากับสำนักพุทธ เช่นนั้นก็ไปเกิดใหม่เสียเถิด”

คมดาบฝ่ามือรวบรวมพลังปราณราวอาวุธวิเศษที่แหลมคมที่สุด

ความจริงแล้ว ด้วยร่างกายและพลังของกายหยาบเทพอารักษ์ การฟาดฟันของดาบนี้จึงไม่ต่างกับอาวุธวิเศษเลย

ต่อให้ฟันโดนจอมยุทธ์ขั้นสามก็จะต้องทะลุการป้องกัน

เป้าหมายของเทพอารักษ์ตู้หนานชัดเจนมาก นั่นก็คือการทำลายกะโหลกของเขา

จอมยุทธ์ขั้นสามมีฉายาว่าร่างอมตะ แต่เมื่อแรกเข้าระดับนี้ การทำลายกะโหลกหมายถึงความตาย เมื่อถึงช่วงกลาง พลังชีวิตจะได้รับการตกตะกอนและบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น จึงสามารถชดเชยข้อบกพร่องนี้ได้

แต่หากถูกทำลายกะโหลกและร่ายผนึก จอมยุทธ์จะค่อยๆ สูญเสียพลังชีวิตจนหมดระหว่างการเกิดใหม่อันไร้ผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง และตายลงอย่างสิ้นเชิง

เทพอารักษ์ตู้ฝานปรากฏตัวที่หลังสวี่ชีอันอย่างไร้สุ้มไร้เสียง แล้วแทงเข้าที่ใจกลางสันหลังของสวี่ชีอันด้วยฝ่ามือที่เหมือนดาบ ซึ่งเป้าหมายก็คือหัวใจ

น่าหลันเทียนลู่ที่ควบคุมตงฟางหว่านหรงอยู่ แผ่ฝ่ามือออกและร่ายวิชาสาปสังหารอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาทำสำเร็จ

ร่างกายของสวี่ชีอันจะต้องถูกปกคลุมด้วยเงามืดและถูกขัดจังหวะในอีกไม่ช้า จากนั้นเงามืดก็จะหายไปเหมือนกระแสน้ำ

ระดับบรรลุธรรมสามคนร่วมมือกันจะต้องสังหารได้ด้วยการโจมตีเดียว และเผด็จศึกได้อย่างรวดเร็ว

ระหว่างช่วงวิกฤต ร่างเงาร่างหนึ่งย่ำอยู่บนกระบี่บินพร้อมด้วยเสียงที่ดังเหมือนลม หลี่หลิงซู่ที่ซ่อนอยู่บริเวณรอบๆ คว้าโอกาสนำกระจกเทพฮุ่นเทียนเล็งไปที่สวี่ชีอันและเทพอารักษ์ทั้งสอง

ร่างกายของตู้ฝานและตู้หนานแข็งทื่อในทันทีทันใด แววตาปรากฏความงงงวยในฉับพลัน วิญญาณสวรรค์ของพวกเขาถูกบังคับให้ดึงออกไปครึ่งหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง