ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 626

บทที่ 626 เดิมพันชีวิต (2)

เจดีย์พุทธะสั่นสะเทือน ก่อนปล่อยแสงสีทองอันบาดตาออกมา ลมปราณที่ทรงพลังอย่างยิ่งร่ายลงที่ตัวของตงฟางหว่านหรงด้วยอานุภาพสูงสุด

และขัดขวางการบินลงมาด้วยท่าทางอันดุดันของนาง

‘ขวับๆๆ’

สวี่ชีอันยกกระบี่และดาบเข้าตะลุมบอนกับเทพอารักษ์ทั้งสองระหว่างช่องว่างนี้

อิทธิฤทธิ์ของการสลายแรงจอมยุทธทำให้เขาสามารถสู้สองคนพร้อมกันได้อย่างสบายๆ และต้านทานการโจมตีของเทพอารักษ์ทั้งสองได้

ด้วยความอดทนและพลังชีวิตสุดแข็งแกร่งของร่างอมตะ ต่อให้โดนหมัดอันหนักหน่วงจากเทพอารักษ์ ก็ยังสามารถฟื้นฟูได้ในชั่วพริบตา ขอเพียงเลี่ยงไม่ให้กะโหลกถูกทำลายเท่านั้นเอง ความสามารถในการยืนระยะแข็งแกร่งกว่าเทพอารักษ์สำนักพุทธหลายเท่า

แต่เมื่อมองในทางกลับกัน ร่างกายของเทพอารักษ์ทั้งสองปรากฏรอยแผลจากกระบี่อันถี่ยิบอย่างรวดเร็ว เฉกเช่นคนธรรมดาถูกกรีดผิวหนังด้วยมีดเล่มเล็ก แม้จะเป็นบาดแผลที่เนื้อหนัง แต่เลือดกลับไหลไม่หยุด

นี่คือระดับสูงสุดที่กระบี่สยบดินแดนสามารถทำได้

การป้องกันทางกายหยาบของเทพอารักษ์ แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์ขั้นสามในระดับเดียวกัน

ดวงตาที่อยู่ในแนวตั้งระหว่างคิ้วของม่านลวงตาด้านหลังตงฟางหว่านหรงสั่นต่อเนื่อง ชั่วขณะนั้นเอง ลำแสงทมิฬก็ได้ยิงไปที่เจดีย์พุทธะอย่างรุนแรงในฉับพลัน

ลมปราณอันน่าเกรงขามเกิดการหยุดนิ่ง จากนั้น ตงฟางหว่านหรงได้ยื่นมือออกไปร่ายวิชาสาปสังหารใส่เจดีย์พุทธะ

‘ตู้ม!’

เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในเจดีย์พุทธะและส่งเสียงดังราวกระแทกระฆัง

วิชาสาปสังหารสามารถร่ายใส่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน

หลังจากวิชาสาปสังหารเป็นผล น่าหลันเทียนลู่ยังไม่ได้ตั้งใจทำลายของวิเศษชิ้นนี้ เขาชูหอกอัสนีขึ้นและแทงไปที่ตัวเจดีย์อย่างเหี้ยมโหด

แสงสีทองแตกสลายเป็นเสี้ยวแสงท่ามกลางเสียง ‘ตู้ม’ เจดีย์พุทธะหมุนปลิวไปชนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปจนพังทลาย ก้อนหินและดินนับหลายล้านตันสาดกระเด็นด้วยอานุภาพอันรุนแรง

นี่มันศึกเหนือมนุษย์

“ภูเขาถูกทำลาย…”

ผู้คนที่ยอดเขาทางใต้ดูตะลึงงันเป็นไก่ไม้ พวกเขาเข้าใจแจ่มแจ้งถึงความกระจ้อยร่อยของตนเอง

เจดีย์พุทธะทำได้เพียงตรึงไว้ ไม่อาจรับมือขั้นสองทั้งคนได้…สวี่ชีอันหวาดกลัวในจิตใจ แม้จะไม่เคยดูถูกเจ้าแห่งวัสสานน่าหลันเทียนลู่ผู้นี้มาก่อน แต่พลังต่อสู้ที่อีกฝ่ายแสดงยังคงทำให้ตื่นกลัวจนถุงน้ำดีสั่น

นี่คือผู้แข็งแกร่งที่สามารถสังหารเขาได้อย่างแท้จริง

น่าหลันเทียนลู่ที่อยู่ในสภาพสูงสุดคือเจ้าแห่งวัสสานสูงสุดขั้นสอง

ตบะเขาลดลงเล็กน้อยหลังจากสูญเสียกายหยาบ แต่พลังหลักของพ่อมดมาจากจิตเดิม ดังนั้นจึงลดลงไม่มาก

แต่สวี่ชีอันกลับดีใจที่เขาเป็นพ่อมด ไม่ได้เป็นจอมยุทธ์หรือผู้ฝึกฝนกระบี่อย่างอวี้ลั่วเหิง เพราะสองอย่างหลังขึ้นชื่อเรื่องพลังสังหาร

แต่พ่อมดมีชื่อเรื่องความแปลกประหลาดและการนำทัพ สนามรบจึงเป็นสนามเจ้าถิ่นของพวกเขา แต่ทักษะการต่อสู้จะด้อยเล็กน้อย

หอกอัสนีผ่าลงมาจากเหนือศีรษะ ร่างกายของสวี่ชีอัน ‘ละลาย’ อย่างรวดเร็วท่ามกลางสายฟ้า และปรากฏภายในเงาของต้นไม้ที่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง

ขณะที่สวี่ชีอันเพิ่งจะลงสู่พื้น น่าหลันเทียนลู่เหมือนรู้จุดที่เขาจะลงล่วงหน้า ม่านลวงตาเหนือศีรษะแหงนมองลงมาในทันใด และยิงลำแสงทมิฬออกมาจากดวงตาแนวตั้งตรงหน้าผาก

ลำแสงทมิฬโจมตีโดนเขาจังๆ และละลายเลือดเนื้อตรงหน้าอกจนเขาแข็งชะงักไปทั้งตัว

“วิชากระโดดสู่เงาของเจ้าถูกข้าควบคุมเบื้องหน้าวิชาพยากรณ์ไปนานแล้ว”

น่าหลันเทียนลู่เอ่ยอย่างเย็นชา

ขณะนี้เอง เทพอารักษ์ตู้หนานแผ่ฝ่ามือออก ซึ่งในนั้นมีคราบเลือดสดอยู่

และเป็นเลือดของสวี่ชีอัน

นี่คือเลือดที่เทพอารักษ์ตู้หนานตั้งใจเก็บมาระหว่างการประมือเมื่อครู่

น่าหลันเทียนลู่ป้ายเบาๆ ด้วยปลายนิ้วให้ติดคราบเลือด แล้วกางฝ่ามือเล็งไปที่สวี่ชีอัน

ด้วยคุณสมบัติของเจ้าแห่งวัสสานขั้นสอง การปล่อยวิชาสาปสังหารใส่จอมยุทธขั้นสามหนึ่งคนโดยอาศัยเลือด ไม่อาจบอกได้ว่าจะตายในการโจมตีเดียว แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสคาที่

กุญแจสำคัญที่สุดคือการมีเลือดเป็นสื่อกลาง และใช้คุณสมบัติของเจ้าแห่งวัสสานอีก จึงสามารถระงับ ‘ดวงชะตาติดตัว’ ของสวี่ชีอันได้อย่างเป็นผล

‘ตึงตึงตึง’ …ขณะแผ่นดินไหวเล็กน้อย เทพอารักษ์ทั้งสองไม่ปล่อยโอกาสดีอย่างนี้ไป พวกเขาตะบึงออกมาชกกำปั้นไปตรงหน้าอกที่ถูกลำแสงทมิฬกัดกร่อนของสวี่ชีอันคนหนึ่ง และประกบฝ่ามือเหมือนดาบเพื่อตัดลำคอของเขาให้ขาดคนหนึ่ง

ผู้แข็งแกร่งระดับบรรลุธรรมสามคนร่วมมือกันสร้างสถานการณ์ในการสังหารอีกครั้ง

และในครั้งนี้ หลี่หลิงซู่ไม่อาจปรากฏตัวได้ทัน

‘พรึ่บ!’

แผ่นกระดาษลุกไหม้อย่างไร้สุ้มไร้เสียง

“ไร้ผล! ”

ลำแสงสว่างใสผุดขึ้นจากเท้าของสวี่ชีอัน ร่างแห่งปราณเที่ยงธรรมสถิตกาย มารนับร้อยไม่อาจรุกล้ำ

แผ่นกระดาษที่จ้าวโส่วมอบให้ สลักพลังเวทมนตร์ของผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดขั้นสามไว้

วิชาสาปสังหารไม่อาจเป็นผล ร่างกายของสวี่ชีอัน ‘ละลาย’ และปรากฏตัวในจุดที่ไกลออกไป

เขาหลบเลี่ยงสถานการณ์ที่ต้องตายอีกครั้ง

และต่อสู้กับเทพอารักษ์สองตนและเจ้าแห่งวัสสานหนึ่งคนจนถึงตอนนี้ด้วยตบะขั้นสามช่วงแรก

ผู้ชมการต่อสู้บนยอดเขาทางใต้เหงื่อไหลพลั่กกับเขา

เทพอารักษ์ตู้ฝานหางตากระตุก และปะทุความโกรธขึ้นในจิตใจอย่างยากจะยับยั้ง

เขากลับรอดพ้นจากพลังที่รวมกันสามคนคราแล้วคราเล่า และเอาชนะเขาไม่ได้ในเวลาอันสั้น

รับมืออยากอะไรเช่นนี้

อสูรเทพอารักษ์ประนมมือเอ่ยว่า “อมิตาพุทธ! ”

เขาสงบความเดือดดาลในจิตใจด้วยวิธีการท่องคำสวด

“เหลืออีกห้านาที วรยุทธ์ขงจื๊อยังอยู่ได้อีกสองนาที ในช่วงนี้ ข้าไม่ต้องกังวลวิชาสาปสังหารของน่าหลันเทียนลู่ และสามารถสู้ได้อย่างเหมาะสม…”

สวี่ชีอันยกกระบี่ทองเหลืองและดาบไท่ผิงเข้าปะทะทั้งสามคนด้วยตนเอง

เดิมทีไม่มีสถานการณ์แบบผลัดกันสู้อย่างถึงอกถึงใจคนละทีในการต่อสู้ครั้งนี้

เพราะการมีอยู่ของเจ้าแห่งวัสสานขั้นสองอย่างน่าหลันเทียนลู่ สวี่ชีอันก็จะลาโลกคาที่เพียงถูกเขาจับควบคุม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง