บทที่ 640 ต้องรอถึงเมื่อไร
“ตามปกติศิษย์ทรยศของหอจะถูกผู้ดูแลหอกับบรรดาผู้อาวุโสเป็นคนสอบสวน ดูจากสถานการณ์หนักเบาในการตัดสินวิธีการลงโทษ แต่เรื่องที่หลิ่วหงเหมียนร่วมโจมตีกองบัญชาการ ต้องให้กองบัญชาการกับหอหมื่นบุปผาหารือร่วมกัน”
เสียงของเซียวเยว่หนูอ่อนโยนและนุ่มนวล ชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีสำเนียงของเจี้ยนโจว
ในยุคนั้น ผู้ที่สามารถพูดภาษากลางได้อย่างชัดถ้อยชัดคำนั้น ถ้าไม่ใช่บัณฑิตที่เรียนเก่งก็เป็นผู้ที่พยายามฝึกฝนอย่างหนัก
สวี่ชีอันฟังจบก็ชี้ไปที่ประเด็นหลัก “เจ้าอยากรักษาชีวิตนางไว้”
ไม่รอให้เซียวเยว่หนูตอบกลับ หลิ่วหงเหมียนก็หัวเราะเป็นการใหญ่ สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยการยั่วเย้าและเหน็บแนม
“เซียวเยว่หนู เสแสร้งให้มันน้อยๆ หน่อย”
“สิบกว่าปีแล้ว ท่าทีเสแสร้งและตีหน้าเป็นคนดีของเจ้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เมื่อก่อนทำให้อาจารย์ดู ตอนนี้ทำให้คนนอกและศิษย์ดู มีแต่ข้าที่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแบบไหน สวี่ชีอันอยากฆ่าก็ฆ่า ต่อให้ข้าตายก็ไม่รับบุญคุณจากนาง”
มีเรื่องราวนี่…สวี่ชีอันชอบดูสาวงามทะเลาะกันที่สุด ยกเว้นบ่อปลาของตัวเอง เขากล่าวขึ้นมา
“ไม่ยอมรับความหวังดีจากผู้ดูแลหอเซียวเช่นนี้เลยหรือ”
หลี่หลิงซู่มีความคิดเหมือนกับสวี่ชีอัน จึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กล่าว
“ตุ่นมดยังดำรงชีวิตแบบซังกะตายเลย แม่นางหลิ่วไตร่ตรองหน่อยเถิด”
ที่จริงก็แค่คำพูดหลอกล่อเท่านั้น เขาอยากสอดรู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างสาวงามทั้งสองของหอหมื่นบุปผาสักหน่อย
หลิ่วหงเหมียน “ถุย” ไปทีหนึ่ง และกล่าวยิ้มเยาะ
“นางรู้อย่างชัดแจ้งว่าข้าเกลียดนางเข้ากระดูก ยังจะออกมาทำตัวเป็นคนดีในเวลานี้อีก ช่วยชีวิตข้าหรือ คิดอุบายอะไรกัน พวกเจ้าดูไม่ออกหรือ นางกำลังทำร้ายจิตใจข้าอยู่”
เซียวเยว่หนูส่ายหน้าเล็กน้อยและกล่าวเรียบๆ
“หลิ่วหงเหมียนอย่าได้ทำผิดต่อไปอีกเลย หากเจ้าสำนึกผิดแก้ตัวใหม่ด้วยใจจริง ข้าสามารถข้าตัดสินใจแทนอาจารย์ให้เจ้ากลับหอหมื่นบุปผาได้”
“กลับหอหมื่นบุปผาหรือ”
“ได้นะ เจ้าคืนตำแหน่งผู้ดูแลหอให้ข้า ข้าจะกลับไปหอหมื่นบุปผา สลายความขุ่นแค้นกับเจ้าในก่อนหน้า”
เซียวเยว่หนูเงียบกริบไม่พูดอะไร
หลิ่วหงเหมียนจ้องนางไม่วางตาเป็นเวลานานสิบกว่าวินาที และกล่าวเสียดสี
“ดูสิ นี่ก็คือท่าทีเสแสร้งและตีหน้าเป็นคนดีของเจ้า ตอนนั้นเพื่อตำแหน่งผู้ดูแลหอ ร่วมมือกับผู้ชายข้างนอกบอกว่าข้าลักลอบคบชู้อย่างไม่รู้จักอาย อาจารย์เชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและถอนสิทธิ์ชิงตำผู้ดูแลหอของข้าไป ข้าจึงทรยศและออกไปจากหอหมื่นบุปผาด้วยความโกรธ เซียวเยว่หนู เจ้ามันหญิงสารเลวที่ทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย เจ้าจะมาเสแสร้งอะไรอีก คนอื่นไม่รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้า ข้าจะไม่รู้เชียวหรือ เจ้าเสแสร้งให้ใครดูกัน”
ดวงตางดงามของนางกลอกไปมา และตกลงบนตัวสวี่ชีอัน นางกระจ่างในทันที
“อ๋อ เข้าใจแล้ว คุณค่าของข้าก็คือให้เจ้าสร้างความประทับใจต่อหน้าฆ้องเงินสวี่สินะ เจ้าควบคุมหอหมื่นบุปผามาหลายปี ไม่เคยแต่งงานเลย ดูท่าทัศนะคงจะสูงมาก คงมีแต่ฆ้องเงินสวี่ที่เข้าตาเจ้า จุ๊ๆ จับเขยที่ร่ำรวยเช่นนี้ได้ ตำแหน่งคงเลื่อนพรวดพราดในเวลาไม่ช้านี้ เจี้ยนโจวเล็กๆ ยังบรรจุพระโพธิสัตว์อย่างเจ้าไม่ได้เลย”
นี่มัน รู้สึกเฝ้าปรารถนาอยู่บ้างนะ…สวี่ชีอันหยอกล้อตนเอง
มู่หนานจือกับหลี่เมี่ยวเจินชำเลืองมองเซียวเยว่หนูทีหนึ่ง
หลี่หลิงซู่เอ่ยแทรกด้วยอารมณ์ฮึกเหิม
“เจ้าได้ลักลอบคบชู้หรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะผู้ดูแลหอเซียวพูดแล้วจะเป็นไปตามนั้น หรือว่าอาจารย์ของเจ้าไม่ได้ตรวจสอบร่างกายหรือ”
หลิ่วหงเหมียนกล่าวยิ้มหยัน
“นี่ก็คือความปราดเปรื่องของนาง ใครบอกว่าลักลอบคบชู้จะต้องเสียตัวด้วย นางเลียนแบบลายมือข้า ปลอมแปลงจดหมายรัก และใช้เนื้อหาในจดหมายพรรณนาว่าข้าไม่รักษาพรหมจารี อีกทั้งยังเป็นหญิงสำมะเลเทเมาที่โง่เขลาเบาปัญญา และชายชู้ที่พูดถึงก็ไม่ใช่คนที่มีความประพฤติเที่ยงตรงอย่างใด หากจำไม่ผิดล่ะก็ เป็นชายสำมะเลเทเมาที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่มาก พอเรื่องนี้เลื่องลือออกไปศิษย์ในหอล้วนเป็นสตรี พวกนางจะมองข้าอย่างไร จะสนับสนุนข้าต่อหรือ คนนอกจะมองข้าว่าอย่างไร ผู้ดูแลหอหมื่นบุปผาในอนาคตเป็นหญิงสำมะเลเทเมาที่มอบกายมอบใจให้กับชายสำมะเลเทเมา ภาพลักษณ์ของทั่วทั้งหอจะเป็นอย่างไร ช่างน่าขันที่ตอนนั้นข้ายังอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา ดันคิดจะช่วงชิงกับเจ้าอย่างเป็นธรรม อาศัยความสามารถในการเอาชนะเจ้า”
สายตาของฝูงชนมองไปทางเซียวเยว่หนู ดูว่านางจะอธิบายอย่างไร
ใครจะคิดว่าคำตอบของเซียวเยว่หนูจะผิดไปจากที่ผู้คนทั้งหมดคาดการณ์ไว้
“ไม่ผิด เรื่องราวในปีนั้นเป็นข้าเรียกคนมาทำจริงๆ เจ้าไม่ได้ลักลอบคบชู้กับชายที่อยู่ข้างนอก เป็นข้าที่ใส่ร้ายเจ้า ปรักปรำเจ้า ทำให้อาจารย์พะวงเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของหอ ถอนสิทธิ์ในช่วงชิงตำแหน่งผู้ดูแลหอของเจ้า”
หลิ่วหงเหมียนชะงักไปเล็กน้อย ราวกับคิดไม่ถึงว่านางจะยอมรับอย่างเปิดเผยเช่นนี้
เซียวเยว่หนูกล่าวราบเรียบ
“เจ้ายังจำได้หรือไม่ ปีนั้นอาจารย์พูดกับพวกเราว่าอย่างไร ตำแหน่งผู้ดูแลหอเกี่ยวพันกับการสืบทอดและความเจริญรุ่งเรืองของหอ พวกเจ้าต้องอาศัยความสามารถของตนเอง”
หลิ่วหงเหมียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ขับไล่ความตะลึงงันบนใบหน้า และกล่าวอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน
“นี่คือสาเหตุที่เจ้าใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้หรือ
เซียวเยว่หนูค่อยๆ กล่าวด้วยแววตาที่สงบ
“ที่ข้าทำไปทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบเขตของกฎที่ทำได้ ตำแหน่งผู้ดูแลหอเกี่ยวพันกับการสืบทอดและความเจริญรุ่งเรืองของหอ นี่คือสิ่งที่อาจารย์กำลังเตือนพวกเราอยู่ ผู้ที่มีวิธีการไม่พอ ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นผู้ดูแลหอ พวกเราต่างก็มีความสามารถ ความหมายก็คือไม่มีกฎ ไม่มีเส้นเขต ขอแค่สามารถชนะได้”
การประกอบการธุรกิจและความเข้าใจ…สวี่ชีอันตื่นตระหนกตกใจ
หลิ่วหงเหมียนโมโหมาก นางตะโกนเสียงแหลม
“เป็นไปไม่ได้ อาจารย์สั่งสอนพวกเราเสมอว่า หอหมื่นบุปผาคือหอที่ก่อตัวขึ้นจากสตรี หากไม่อยากถูกรังแก กับคนภายนอกต้องโหดเหี้ยมและเด็ดขาด กับคนในหอต้องรักใคร่สามัคคีกัน เจ้าอย่าคิดจะพลิกขาวเป็นดำ เพื่อหาข้อแก้ตัวให้กับใจที่มืดดำของเจ้า”
เซียวเยว่หนูมีท่าทีสงบมาโดยตลอด และจ้องมองนาง
“เจ้าคิดว่าอาจารย์ไม่รู้เรื่องที่ข้าใส่ร้ายป้ายสีหรือ ท่านเคยให้โอกาสเจ้าแต่เจ้าทำอย่างไรนะ หนึ่งร้อง สองโวยวาย สามผูกคอตาย น้ำเสียงแก้ต่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เจ้าสามารถโจมตีกลับได้ทั้งหมด สามารถใช้วิธีการที่สกปรกกว่าโจมตีข้ากลับ แต่นอกจากเจ้าจะโวยวายแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรอื่นอีกเลย อาจารย์ถึงผิดหวังในตัวเจ้าอย่างถึงขีดสุด คิดว่าเจ้าไม่เหมาะจะควบคุมหอหมื่นบุปผา ความโง่เขลาไม่ใช่ความผิดเจ้า แต่อย่าได้ทำลายรากฐานร้อยปีของบรรพบุรุษ อย่าทำให้บรรดาศิษย์ในหอต้องเดือดร้อน เดิมทีข้าวางแผนว่าหลังจากสืบทอดตำแหน่งผู้ดูแลหอแล้ว ค่อยสารภาพเรื่องทั้งหมดนี้กับเจ้า ใครจะรู้ว่าเจ้าช่างเย่อหยิ่งอย่างสุดโต่ง ทรยศและออกไปจากหอหมื่นบุปผาเพราะความโมโห จนกระทั่งมาถึงวันนี้ พวกเราสองพี่น้องถึงได้มาพบกัน”
หลิ่วหงเหมียนยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ถูกพูดทิ่มแทงจนดูโง่ไปเลย
ประจักษ์ชัดแจ้งว่า แท้จริงแล้วในใจนางยอมรับคำพูดของเซียวเยว่หนู พูดให้ชัดเจนก็คือนางถูกพูดจนยอมแล้ว
เซียวเยว่หนูไม่มองนางอีก แต่มองไปทางสวี่ชีอันและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ข้าจะคุมขังนางไว้ในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ ฆ้องเงินสวี่ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า”
“ช่างเถอะ เจ้าพานางไปเถอะ”
สวี่ชีอันพยักหน้า
สตรีบางคนดูเหมือนปีศาจที่สวยหยาดเยิ้มยั่วยวนผู้คน ความจริงแล้วในใจเป็นคนที่น่ารักและใสซื่อ
สตรีบางคนดูเหมือนสงบเสงี่ยมสง่าผ่าเผย ความจริงแล้วศิลปะการชงชาอยู่ในระดับราชาเลยทีเดียว
ยอดเยี่ยม! เขาพึมพำในใจ
หลังจากใช้สายตาส่งเซียวเยว่หนูผนึกจุดตันเถียนของหลิ่วหงเหมียนและพานางจากไปแล้ว หลี่หลิงซู่ถึงละสายตากลับมาและกล่าวทอดถอนใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง