ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 643

สรุปบท บทที่ 643-2 ฎีกาลับ (2): ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ตอน บทที่ 643-2 ฎีกาลับ (2) จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 643-2 ฎีกาลับ (2) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 643 ฎีกาลับ (2)

รุ่งเช้า

สวี่ชีอันตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นก็กางแผนที่บนโต๊ะ จุดหมายในการเดินทางของเรือพาณิชย์ครั้งนี้คืออวี่โจว

เมื่อมาถึงอวี่โจว พวกเขากำลังจะเปลี่ยนเป็นพาหนะอื่น

“หลังจากมาถึงอวี่โจวก็เหาะไปด้วยเจดีย์พุทธะเถอะ ในฐานะป้อมปราการบนฟ้า เจดีย์พุทธะจึงไม่มีปัญหาด้านการป้องกัน เพียงแต่ความสามารถในการเหาะเหินจะแย่ลงเล็กน้อย”

พลังงานของของวิเศษมาจากเจ้าของ ไม่ก็สะสมเอาเอง

ของวิเศษที่ไม่มีเจ้าของควบคุม ความสามารถในการเหาะเหินจะใช้ไม่ได้เป็นปกติ

เฉกเช่นดาบไท่ผิง ตนเองสะสมปราณดาบตามปกติ ทว่าเพียงใช้ไปได้ชั่วระยะหนึ่ง เมื่อใช้หมดก็ต้องสะสมใหม่

นี่เป็นเหตุผลเดียวกันกับจอมยุทธ์ที่ใช้พลังปราณหมดสิ้นไร้แรงต่อสู้อีก

ดังนั้นตามปกติสวี่ชีอันจึงไม่เอาเจดีย์พุทธะออกมาเดินทางก่อน จะนำออกมาป้องกันและหนีเอาตัวรอดยามตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น

ทันใดนั้นความรู้สึกหวั่นใจก็ผุดขึ้น

เขาหยิบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมาตามปกติ แล้วตรวจสอบข้อความ

หมายเลขหนึ่ง ‘มีเรื่องอยากขอคำแนะนำจากท่านทั้งหลาย เกี่ยวกับเรื่องโจรกรรมแต่ละพื้นที่’

หมายเลขสอง ‘การปราบโจรงั้นหรือ ข้าก็รู้เรื่องนี้ จัดกองกำลัง บุกโจมตีทีละน้อย แล้วขุดรากถอนโคนก็จบ ช่างเป็นเรื่องง่ายดาย’

หลี่เมี่ยวเจินตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนราชสำนักก็สนใจภัยพิบัตินี้เช่นกัน ช่วงสุดท้ายของทุกราชวงศ์ต่างเกิดศึกจากภายนอกและภายใน บางครั้งศึกจากภายในก็น่ากลัวว่าศึกจากภายนอกเสียอีก…สวี่ชีอันที่กำลังปวดหัวกับการโจรกรรม จึงตอบกลับเทพธิดานิกายสวรรค์

หมายเลขสาม ‘เมี่ยวเจิน เห็นได้ชัดว่าไม่ง่ายดายเช่นนั้น แม้กองกำลังจะแก้ไขทุกอย่างได้ ทว่ากองกำลังก็ต้องการเงินหนุนหลังที่มากพอเช่นกัน หากราชสำนักมีความสามารถนี้กวาดล้างการโจรกรรมทั้งหมดได้ ผู้ลี้ภัยก็คงไม่ล้นหลามจนเป็นภัย’

หมายเลขสอง ‘เช่นนั้นเจ้าควรจะจัดการอย่างไร เจ้าพูดมาสิ’

หมายเลขหนึ่ง ‘ทุกท่าน ข้ามีกลยุทธ์สามประการ ขอข้าพูดให้จบ’

ผ่านไปพักหนึ่งข้อความของฮว๋ายชิ่งก็ปรากฏทีละข้อความ กลยุทธ์ทั้งหมดสามประการ ประมาณสองร้อยกว่าตัวอักษรได้

หมายเลขสาม ‘นี่เป็นกลยุทธ์ของพระองค์หรือ ยอดเยี่ยมพ่ะย่ะค่ะ’

สวี่ชีอันไม่รีรอ รีบประจบสอพลอก่อน

หมายเลขหนึ่ง ‘นี่เป็นกลยุทธ์สามประการของสวี่เอ้อร์หลาง เขามาเข้าเฝ้าข้าที่วังในเช้านี้ ขอคำปรึกษาจากข้าเพื่อตรวจสอบช่องโหว่และเติมเต็มรอยรั่ว’

กลยุทธ์ของเอ้อร์หลางงั้นหรือ สวี่ชีอันชะงัก

เอ้อร์หลางใกล้ชิดกับฮว๋ายชิ่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร เขาครุ่นคิดอย่างอิจฉาตาร้อน

หมายเลขสอง ‘ทั้งสามประการนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ไม่กล้าฟันธงว่าจะแก้ไขการโจรกรรมได้ ทว่ายับยั้งแนวโน้มของหายนะที่เกิดจากผู้ลี้ภัยได้มาก’

หลี่เมี่ยวเจินมิอาจเสนอความเห็นได้ ทว่าสายตายังคงใช้ได้

หมายเลขสี่ ‘ประการที่สามใช้ไม่ได้! ’

บัดนี้ฉู่หยวนเจิ่นก็กระโดดออกมาแสดงความเห็น

หมายเลขหนึ่ง ‘พี่ฉู่เชิญกล่าว’

คนอื่นก็เงียบลงไม่ได้พูดแทรก ฉู่หยวนเจิ่นคือจ้วงหยวนหลาง พรสวรรค์เหลือล้น ประสบการณ์ก็ท่วมท้น เป็นหนึ่งในมันสมองของพรรคฟ้าดิน

หมายเลขสี่ ‘รวบรวมผู้ลี้ภัยอาศัยอะไรบ้าง หนึ่งคือกำลัง สองคือเงินและเสบียง ขาดทั้งสองอย่างนี้ไม่ได้ หากกำลังไม่เพียงพอก็มิอาจเป็นพลังได้ เงินและเสบียงไม่เพียงพอก็ไม่มีผู้ใดยอมติดตามเป็นบริวาร เช่นนั้นเงินและเสบียงจะมาจากไหนล่ะ นอกเสียจาก ‘ปล้นสะดมชาวบ้าน’ ราชสำนักสั่งให้ยอดฝีมือรวบรวมผู้ลี้ภัยย่อมไม่มีทางมอบเงินและเสบียงให้อยู่แล้ว หากมีทุนทรัพย์นี้ นำไปสงเคราะห์ผู้ประสบภัยโดยตรงไม่ดีกว่าหรือ หากหญิงยอดฝีมือขาดข้าวสารก็มิอาจแสดงเสน่ห์ปลายจวักได้ มีแต่ต้องปล้นสะดมชาวบ้าน นี่รังแต่จะทำให้ภัยพิบัติรุนแรงขึ้น ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง’

หมายเลขหนึ่ง ‘พี่ฉู่มีความเห็นอย่างไร’

นางให้คำตอบไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากขอคำแนะนำจากสมาชิกพรรคฟ้าดิน ทุกคนต่างเป็นคนปราดเปรื่องเว้นเสียแต่ลี่น่า

ฉู่หยวนเจิ่นก็ไม่ทำให้นางผิดหวังจริงๆ มองช่องโหว่ของกลยุทธ์ประการที่สามออกทันที

ประการที่สามเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการแก้ไขการโจรกรรม

หมายเลขสี่ ‘องค์หญิง ข้าลำบากใจนัก’

ภายในชั่วเวลาอันสั้น ฉู่หยวนเจิ่นคิดแผนรับมือไม่ออกจริงๆ

หมายเลขสอง ‘ใช้ศึกเพื่อเลี้ยงศึก[1]เป็นอย่างไร’

หลี่เมี่ยวเจินเสนอแผนการตามประสบการณ์ของตน

หมายเลขเจ็ด ‘หลี่เมี่ยวเจินผู้โง่เขลา สำหรับผู้ลี้ภัย การแย่งชิงเงินและเสบียงของประชาชนสบายและง่ายดายกว่าบุกป่าฝ่าดงไปไกลเพื่อรับมือกับกองกำลังติดอาวุธที่เป็นกลุ่มผู้ลี้ภัยเช่นเดียวกัน ไม่มีใครโง่ การหาผลประโยชน์เลี่ยงอันตรายเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ หากบังคับเหล่าผู้ลี้ภัยในกำมือให้ทำเช่นนั้น ไม่เกินสองครั้งก็จะถูกผู้คนตีตัวออกห่าง’

หลี่หลิงซู่กระโดดออกมาแล้ว

แม้ความเป็นจริงเขาจะตายไปแล้ว ทว่าเขายังคงโจมตีอย่างหนักบน ‘อินเทอร์เน็ต’ ได้

หลี่เมี่ยวเจินเดือดดาล หมายเลขสอง ‘เช่นนั้นเจ้ามีวิธีอะไร’

เทพบุตรซุ่มอ่าน เขาก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน

หมายเลขเจ็ด ‘อันที่จริงความคิดของหลี่เมี่ยวเจินก็พอเป็นไปได้ ให้คนของราชสำนักใช้ข้ออ้างปล้นเงินและเสบียงเพื่อล้อมปราบกองกำลังของโจรภูเขาอีกกลุ่มหนึ่งได้ ทว่าเรื่องนี้ทำบ่อยไม่ได้ มิอาจใช้สิ่งนี้ดำรงชีพได้ กองกำลังที่ราชสำนักสนับสนุนก่อตั้งขึ้นมาอย่างไร แล้วจะประคองชีวิตดำรงชีพได้อย่างไร ทำได้แต่แย่งชิงประชาชนอยู่ดี ทว่าเช่นนี้ก็ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงอย่างที่พี่ฉู่พูด สวี่หนิงเยี่ยน เจ้าคิดว่าอย่างไร’

สวี่ชีอันเงียบอยู่นาน บังคับให้ฮว๋ายชิ่งเริ่ม ‘@เขา’ ก่อน

ข้าจะมีวิธีอะไรได้ ข้าบริจาคกำไรของผงปรุงรสไก่สงเคราะห์ผู้ประสบภัยไปหมดแล้ว ข้าเก่งเรื่องทะเลาะและคลี่คลายคดี เรื่องปกครองประเทศอย่าถามหาจากข้าเลย…สวี่ชีอันค่อนแคะในใจพลางใช้สมองอย่างกระตือรือร้น

ข้อได้เปรียบที่สุดของเขาคือประสบการณ์ในชาติก่อน

ตัวอย่างเช่นการสงเคราะห์คนจนด้วยงาน ทว่ากลยุทธ์นี้ไม่เหมาะจะใช้กับต้าฟ่งในเวลานี้

หมายเลขสี่ ‘สวี่หนิงเยี่ยน เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ!’

ฉู่หยวนเจิ่นในฐานะปัญญาชนดั้งเดิมรู้สึกรับไม่ได้เล็กน้อย

ทุกคนต่างก็เงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ฉู่หยวนเจิ่นจะส่งข้อความมาอีกครั้ง ‘ทว่าก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นวิธีที่เป็นไปได้ แม้มันจะมีภัยขนาดใหญ่แฝงอยู่’

หลี่เมี่ยวเจินส่งข้อความในทันที ‘หากต้องเป็นเช่นนี้ ข้าหวังว่าคนที่ปล้นเสนาบดีเล็กจะเป็นข้า’

หมายเลขสี่ ‘ข้าจะลองรวบรวมผู้ลี้ภัยกลุ่มหนึ่ง ทว่าการปล้นเสนาบดีเล็กก็ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขามักจะอยู่ในเมือง’

หมายเลขหนึ่ง ‘ทุกท่านมีชิ้นส่วนของหนังสือปฐพีและขี่กระบี่บินได้ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา’

จิตใจของฮว๋ายชิ่งโหดร้ายกว่าพวกเขา นางเห็นพ้องและรับข้อเสนอของสวี่ชีอัน

หมายเลขหก ‘อมิตตาพุทธ อาตมาไม่รู้ว่าควรเลือกอย่างไร’

หมายเลขเจ็ด ‘นับข้าด้วย’

หลี่หลิงซู่แสดงความเห็น

หมายเลขสอง ‘เจ้ารึ หลี่หลิงซู่ นี่ไม่เข้ากับเจ้าเลย เจ้าเนี่ยนะคำนึงถึงฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ การหลับนอนกับหญิงสาวถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับเจ้ามิใช่หรือ’

หลี่หลิงซู่ส่งข้อความอย่างคุมแค้น ‘ในสายตาเจ้า ข้าแย่เช่นนั้นเลยหรือ หลี่เมี่ยวเจิน อย่างไรพวกเราก็เป็นพี่น้องร่วมสำนัก เจ้ามองข้าให้ดีหน่อยไม่ได้หรือ’

หมายเลขสอง ‘ไม่ได้ ขอโทษด้วย!’

“…”

หลี่หลิงซู่สูดหายใจลึก แล้วส่งข้อความ

‘นี่เป็นการตัดอารมณ์ความรู้สึก ไม่สับสนกับความรู้สึก ไม่รู้สึกลังเล เป็นประโยชน์กับผู้คนและส่วนรวม ไม่ถูกความสงสารและความลังเลครอบงำชั่วขณะ ควบคุมความรู้สึกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่านอาจารย์อยากให้พวกเราบรรลุระดับนี้ไม่ใช่หรอกหรือ’

ในครั้งนี้หลี่เมี่ยวเจินไม่ได้โต้เถียง

มาถึงตรงนี้ไม่มีผู้ใดเอื้อนเอ่ยอีก

วันนี้จักรพรรดิหย่งซิ่งได้รับฎีกาลับที่สวี่ซินเหนียน ซู่จี๋ซื่อจากสำนักบัณฑิตฮั่นหลินส่งมาที่วัง

ที่เรียกว่าฎีกาลับก็คือฎีกาที่มอบให้จักรพรรดิโดยตรง ไม่ต้องผ่านสำนักราชเลขาธิการ

จักรพรรดิหย่งซิ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะใหญ่ ทอดมองฎีกาลับที่กางออกบนโต๊ะอยู่นานโดยไม่ตรัสสิ่งใด

…………………………………………

[1] ศึกเพื่อเลี้ยงศึก หมายถึง ใช้ทรัพยากรที่ได้จากสงครามครั้งก่อนมาเลี้ยงกองกำลังเพื่อนำไปทำสงครามครั้งต่อไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง